Microsoft ได้ออกมาประกาศว่าจะเลิกสนับสนุนระบบ Windows 7 ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2020 ส่วน Windows 8 – 8.1 เลิกสนับสนุนไปตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งหากว่าใครที่ยังใช้ระบบดังกล่าวอยู่นอกจากจะมีความเสี่ยงที่จะโดนโจมตีด้วยไวรัสหรือมัลแวร์เพราะไม่มีการอัปเดตความปลอดภัยแล้ว…ล่าสุดทาง Microsoft ยังออกมาประกาศเพิ่มอีกว่าระบบ Windows ทั้งคู่นี้ จะไม่รองรับการใช้งานแอป OneDrive อีก ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2022 เป็นต้นไป

สำหรับ Windows 8 และ 8.1 อาจจะหาคนใช้ยากแล้วตอนนี้ แต่สำหรับ Windows 7 บอกเลยว่ายังมีคนใช้งานกันอยู่มากมาย แม้ว่า Microsoft จะหยุดการสนับสนุนแพทช์ความปลอดภัยไปตั้งแตต้นปี 2020 โดยในปัจจุบันยังมีผู้ใช้งาน Windows 7 ทั่วโลกมากเป็นอันดับ 2 คิดเป็น 19.77% จากระบบปฏิบัติการ PC / Notebook ทั้งหมด โดยอันดับ 1 คือ Windows 10 อยู่ที่ 67.65% ส่วนอันดับ 3 คือ Mac OS 10.15 อยู่ที่ 5.41% ซึ่งเอาจริง ๆ Windows 7 ในบ้านเราก็ยังหาได้ง่าย ๆ ตามหน่วยงานราชการและสถานศึกษาบางแห่ง


ข้อมูลจาก Net Marketshare

และหากว่าใครที่ใช้ Windows 7 / 8 / 8.1 พร้อมกับยังใช้บริการ OneDrive ที่เป็นแอปอยู่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2022 เป็นต้นไป จะไม่มีการอัปเดตแอปอีก และตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2022 จะไม่สามารถใช้งานแอปดังกล่าวได้อีกต่อไป เนื่องจาก Microsoft จะหยุดการสนับสนุนแอป OneDrive สำหรับระบบปฏิบัติการดังกล่าว ทำให้เหล่าไฟล์ทั้งหลายในแอป OneDrive จะไม่มีการ Sync ไปที่เซิฟเวอร์อีก แต่หากว่ายังจำเป็นต้องใช้ต่อก็สามารถไปใช้บริการ OneDrive ผ่านเว็บเบราว์เซอร์เอาได้

สำหรับเหตุผลที่ Microsoft ต้องหยุดให้การสนับสนุนแอป OneDrive บน Windows 7 /8 / 8.1 ก็เนื่องมาจากทีมงานต้องการไปโฟกัสกับ OS ใหม่ ซึ่งจะให้ประสบการณ์ในการใช้งาน + เทคโนโลยีใหม่ ๆ  รวมถึงความปลอดภัยที่มากกว่าเดิมนั่นเอง

สำหรับใครที่ยังใช้ระบบ Windows 7 / 8 / 8.1 อยู่ ก็อย่าลืมเตือนตัวเองด้วยนะครับ ว่าหลังจากวันที่ 1 มีนาคม 2022 ไปแล้ว หากเราโยนไฟล์เข้าโฟลเดอร์ OneDrive ในเครื่องไปแล้ว มันจะไม่ Sync เข้าไปที่เซิฟเวอร์ให้อีก แต่จะต้องทำผ่านเว็บเบราว์เวอร์เท่านั้น

 

ที่มา : TheVerge, Microsoft