สำหรับคนที่ชอบเล่นโดรน (Drone) เป็นงานอดิเรก คงไม่มีไม่รู้จักกับแบรนด์ยอดนิยมอย่าง DJI แน่นอน ไล่มาตั้งแต่ DJI Phantom 1 – Phantom 4 ในราคาหลักหลายหมื่นจนถึงรุ่นท็อปอย่าง DJI Matrice ราคาประมาณแสนกลางๆ และตอนนี้ สำหรับมือสมัครเล่นที่อยากจะลองเล่นโดรนดูบ้าง DJI ก็ได้เปิดตัวโดรนรุ่นเล็ก DJI Spark ในราคา 20,000 บาท มาเป็นตัวเลือกให้แล้ว

ตอนนี้แบรนด์ DJI ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมเพราะมีโดรนหลายรุ่น หลายแบบให้ได้เลือกใช้กัน ตั้งแต่รุ่นสำหรับเอาไว้ถ่ายภาพหรือวีดีโอเล่นๆ เป็นงานอดิเรก หรือจะเป็นรุ่นไฮเอนด์สำหรับมืออาชีพ ถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอสำหรับการทำงานแบบจริงจัง…แต่สำหรับผู้ที่กำลังอยากจะลองเล่นโดรนดูบ้าง แต่มีงบไม่เยอะพอจะเล่นแบรนด์ DJI หรือกลัวว่าจะเล่นยาก บังคับยาก ซื้อมาหลายหมื่นเล่นไม่เป็นบินชนต้นไม้พัง ฯลฯ ตอนนี้ DJI ก็ได้มีตัวเลือกใหม่สำหรับคนอยากหัดเล่นโดรนออกมาแล้วนั่นก็คือ DJI Spark โดรนตัวจิ๋วขนาดเท่าฝ่ามือ พกพาง่าย และที่สำคัญ ใช้มือถือแค่เครื่องเดียวก็สามารถบังคับโดรนตัวนี้ให้บินไปเก็บภาพมุมสูงงามๆได้แล้ว

DJI Spark เปิดตัวหลังโดรนจิ๋วรุ่นพี่อย่าง DJI Mavic Pro ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งตอนที่ Mavic Pro เปิดตัวออกมาก็ถือว่าเป็นโดรนที่ตัวเล็กที่สุดของ DJI แล้ว แต่ก็ยังมีราคาที่ค่อนข้างเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน (ประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท) จนตอนนี้มีรุ่นจิ๋ว (กว่า) DJI Spark ออกมาในราคาแค่ครึ่งเดียว (20,000 บาท) แต่ยังคงมีสเปคและฟีเจอร์ต่างๆ ที่สูสีหรือเทียบเท่ากับโดรนรุ่นใหญ่หลายรุ่นเลยทีเดียว เราลองมาดูสเปคของ DJI Spark กันครับ

  • น้ำหนัก : 300 กรัม
  • ขนาดตัวเครื่อง : 143 x 143 x 55 มม.
  • ความกว้างรวมขาใบพัด : 170 มม.
  • ความเร็วในการบินขึ้น : 3 ม. / วินาที
  • ความเร็วในการบินลง : 3 ม. / วินาที
  • ความเร็วในการบินแนวราบ : 50 กม. / ชม.
  • เพดานบินสูงสุด : 4 กม. (เหนือระดับน้ำทะเล)
  • ระเวลาบินต่อแบตเตอรี่ 1 ก้อน : 16 นาที
  • ระยะเวลาบินอยู่กับที่ต่อแบตเตอรี่ 1 ก้อน : 15 นาที
  • ระยะทางการบิน : 2 กม. (ใช้ร่วมกับคอนโทรลเลอร์) 100 ม. (ใช้มือถือบังคับ)
  • ระบบบอกตำแหน่ง : GPS / GLONASS
  • ระบบเซ็นเซอร์หลบสิ่งกีดขวางในระยะ 0.2 – 5 ม.
  • กล้องความละเอียด : 12MP,  f/2.6, 1/2.3 CMOS
  • โหมดถ่ายภาพ : Single Shot, ถ่ายต่อเนื่อง 3 รูป, AEB, ถ่ายแบบหน่วงเวลา 2/3/5/7/10/15/20/30/60 วินาที
  • ความละเอียดภาพเคลื่อนไหว : 1920 x 1080 (Full HD) 30p
  • ระบบป้องกันสั่นไหว 2 แกน
  • มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ แดง ฟ้า เขียว ขาว เหลือง

จากสเปคของ DJI Spark จะเห็นว่าโดรนตัวนี้มีขนาดประมาณฝ่ามือเท่านั้น (ไม่รวมขาใบพัด) แถมยังมีระบบเซ็นเซอร์สิ่งกีดขวางด้านหน้า ทำให้ DJI Spark หยุดบินเพื่อหาเส้นทางใหม่ได้อีกด้วย

และสิ่งสำคัญของโดรนทุกรุ่นที่เป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกซื้อโดรนเลยนั่นก็คือระยะเวลาในการบิน ซึ่งโดรนจิ๋วอย่าง Spark นี้ก็สามารถบินได้ประมาณ 16 นาที (ตามสเปค) ซึ่งก็ถือว่าน้อยไปหน่อย แต่ถ้าดูจากขนาดของตัวเครื่องแล้วก็ถือว่าหยวนๆ ถ้าใครอยากเล่นยาวๆ ก็ซื้อแบตเตอรี่สำรองไว้อีกซักก้อนก็จะดี (Mavic Pro บินได้ประมาณ 27 นาที)

ส่วนการบังคับ DJI Spark ง่ายมากๆ เพราะไม่จำเป็นต้องใช้ตัวคอนโทรลเลอร์เลย มีเพียงสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็สามารถบังคับโดรนตัวนี้ได้ทุกท่าแล้ว โดยโหมดการบินที่สามารถบังคับได้มีดังนี้

QuickShot สามารถถ่ายวีดีโอด้วยมุมกล้องหลากหลายด้วยการแตะแค่ครั้งเดียว (***ควรระวังสิ่งกีดขวาง เพราะ Spark ไม่มีเซ็นเซอร์หลบหลีกด้านข้างและด้านหลัง***)

  • Rocket – โดรนบินขึ้นในแนวดิ่งพร้อมปรับมุมกล้องจ่อลงพื้นแบบ 90 องศา
  • Dronie – บินถอยหลังสูงขึ้นเรื่อยๆในขณะที่กล้องล็อคโฟกัสเอาไว้ตรงวัตถุที่เลือก
  • Circle – บินวนรอบวัตถุที่เลือก
  • Helix – บินขึ้นและวนรอบวัตถุที่เลือกเอาไว้

TapFly บินง่ายๆด้วยการแตะบนหน้าจอเพื่อให้ Spark บินไปในทิศทางที่เราเลือก (โหมดนี้ใช้ระบบหลบสิ่งกีดขวางได้)

Active Track โหมดบินติดตามวัตถุที่เลือก มีหลายมุมกล้องให้เลือก ทั้งบินตามหลัง บินถ่ายจากด้านหน้า หรือบินวนรอบวัตถุ (โหมดนี้ควรระวังสิ่งกีดขวาง)

Gesture โหมดนี้เหมาะมากสำหรับการถ่ายเซลฟี่ เพราะสามารถบังคับโดรนได้ด้วยการใช้สัญญาณมือ แค่ปล่อย Spark ให้บินขึ้นจากมือจากนั้น Spark จะทำการสแกนใบหน้าของผู้ปล่อยโดรน จากนั้นมันก็จะบินถอยออกไปหน่อยนึงเพื่อรอคำสั่งจากเรา โดยการยื่นฝ่ามือไปด้านหน้าหากเราวาดมือไปซ้ายขวาขึ้นลง Spark ก็จะบินไปตามมือเรา หากต้องการถ่ายภาพก็แค่โบกมือ ยกแขน หรือทำนิ้วให้เป็นกรอบรูป Spark ก็จะลั่นชัตเตอร์ให้เราโดยอัตโนมัติ

ส่วนคุณภาพของกล้องใน DJI Spark นั้นถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว เพราะมีทั้งระบบกันสั่น 2 แกน ซึ่งอาจจะไม่นิ่งเท่าโดรนตัวใหญ่แบบมืออาชีพ แต่ก็นิ่งมากพอสำหรับการถ่ายรูปและวีดีโอทั่วๆ ไปนอกจากนี้ Spark ยังสามารถถ่ายภาพแบบพาโนรามาได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนได้เนียนตาเพราะใช้การแพนกล้องบวกกับระบบกันสั่น แถมยังสามารถถ่ายภาพนิ่งแบบหน้าชัดหลังเบลอได้อีกด้วยนะ

และหากใครงบถึง ต้องการประสบการณ์ในการบินแบบสมจริง DJI Spark ยังรองรับการใช้งานร่วมกับ DJI Goggle (ขายแยก 19,000 บาท) ที่จะทำให้เราเห็นภาพจากกล้องของโดรนผ่านสายตาของเราในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (FPV) เหมือนกับเราไปบินเองเลยด้วยนะ

ใครที่ได้ลองเล่นมาซักพักนึงแล้ว แต่รู้สึกอยากบินเจ้า Spark แบบผาดโผนขึ้นอีกหน่อย (เพราะมันเร่งความเร็วได้ถึง 50 กม./ชม.) แล้วรู้สึกว่าการบังคับด้วยจอทัชสกรีนมันไม่ถนัด ก็สามารถหาซื้อคอนโทรลเลอร์แยกมาใช้ได้ด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่มีขายแยกแบบเดี่ยวๆ ถ้าอยากใช้งานคอนโทรลเลอร์ก็ต้องซื้อเป็นชุดคอมโบ คอนโทรลเลอร์ + แบตเตอรี่อีก 1 ก้อน + แท่นชาร์จแยก + ใบพัดสำรอง + ตัวป้องกันใบพัด + กระเป๋าสะพาย ในราคา 28,000 บาท

 

และตอนนี้บริษัท SYNNEX ได้ร่วมกับ DJI เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าจาก DJI และกำลังจะเปิดตัวศูนย์บริการ และศูนย์ซ่อมภายในเดือนกรกฎาคมปีนี้อีกด้วย ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าโดรนมีปัญหา หรือบินตก บินชนแล้วจะไม่มีอะไหล่ซ่อม หรือต้องรอสั่งอะไหล่จากต่างประเทศเป็นเดือนๆ อีกแล้ว

น่าเสียดายที่ในงานเปิดตัวไม่มีตัวจริงให้ลองจับหรือลองเล่นเลย มีแค่มาสาธิตการใช้งานในบางฟีเจอร์เท่านั้นเอง ก็เลยไม่ได้ลองเล่นให้ดูกันว่ามันใช้งานง่ายแค่ไหน (เครื่องจริงๆ ก็ยังไม่มีให้ถ่ายรูปเลย) แต่จากที่ดูสเปคและการสาธิตแล้วก็คิดว่ามันน่าสนใจอยู่เหมือนกัน