หุ่นยนต์ดูดฝุ่นน่าจะเป็นหนึ่งในโรบอทที่พวกเราเริ่มมีใช้งานกันตามครัวเรือนมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่ “คน” ทำความสะอาดหาได้ยาก และราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีช่องว่างให้หุ่นยนต์ต้องเข้ามาช่วยเหลือ วันนี้ผมได้เจ้า Autobot Storm มาลองใช้งาน ซึ่งต้องบอกว่าความสามารถมันเกินตัว แถมราคาก็ประหยัดเกินคาดอีกด้วย

สำหรับคนที่อาจจะไม่เคยได้ยินชื่อ Autobot มาก่อน ต้องบอกว่าแบรนด์นี้เค้าทำเรื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่นในประเทศไทยมาสักพักแล้วครับ มีคนได้ลองซื้อลองใช้สินค้าจากแบรนด์นี้กันมาพอสมควร มีวางจำหน่ายตั้งแต่รุ่นไม่กี่พันบาท ไปจนถึงหลักหมื่นบาทเลยทีเดียว

และตอนนี้เค้าเพิ่งออกรุ่นใหม่ออกมา นั่นก็คือ Storm ซึ่งเป็นรุ่นที่ฉลาดแบบสุดๆ ติดการสร้างแผนที่การทำความสะอาดแบบ LIDAR มาให้ด้วย ฟีเจอร์เดียวกับที่หลายๆแบรนด์เค้าทำขายในราคาแพงๆ แต่ว่าตัว Autobot Storm เค้าจัดมาขายในราคาหมื่นต้นๆเท่านั้น เราเลยต้องขอจัดมาลองกันซะหน่อย ว่ามันจะสามารถใช้งานได้ดีขนาดไหน

สำหรับการรีวิวนี้จะขอทำเป็นแบบมินิรีวิวก่อนนะครับ ไว้เดี๋ยวมีโอกาสจะเอามาทำเป็นคลิปให้ได้ชม และเห็นการใช้งานจริงกันต่อไปครับ

Autobot Storm ทำอะไรได้บ้าง

  • ดูดฝุ่น,เส้นผม,เศษขนม,ขนสุนัข และถูพื้นได้
  • ทำความสะอาดข้ามห้องได้ด้วยการแสกนพื้นที่ ไม่เดินมั่วซั่ว
  • เชื่อมต่อกับ WiFi เพื่อสั่งและติดตามงานได้
  • มีเซนเซอร์ตรวจจับทำให้ไม่หล่นจากพื้นที่ต่างระดับ
  • แรงดูดเหลือๆ 1800 PA  ดูดสิ่งสกปรกได้หลากหลายทั้ง ฝุ่น ทราย เศษขนม
  • แบตขนาดใหญ่ 3200mAh ทำงานได้ยาวๆ 1 ชั่วโมงกว่า
  • ถังเก็บฝุ่นขนาดใหญ่ 600ml.
  • HEPA Filter ไส้กรองฝุ่นได้เล็กถึง 0.3 ไมครอน
  • LIDAR 360° Mapping ระบบ Laser Guide นำทาง ทำความสะอาดได้แม่นยำ ไม่ต้องเดินชนถึงจะรู้ว่าตรงไหนไปได้ไม่ได้ รู้ว่าตรงไหนยังไม่ทำความสะอาด ก็ตามไปเก็บได้

  • ควบคุมแบบ Manual สั่งให้เดินไปทิศทางที่ต้องการได้เลย

จุดที่ประทับใจของ Autobot Storm

  • เห็นสถานะการทำงานที่ชัดเจนผ่าน LIDAR 360° Mapping และ WiFi
  • แบตใช้งานจริงได้นานกว่า 90 นาที ทำความสะอาดพื้นที่ได้ราว 60-70m²
  • ตั้งค่าพื้นที่ส่วนที่ต้องการทำความสะอาดได้
  • พื้นต่างระดับเล็กน้อยถ้าขึ้นไม่ได้มีการถอยไปตั้งหลักและทำความเร็วเพื่อวิ่งขึ้นให้ได้
  • ตั้งเวลาทำความสะอาดได้
  • ดูดเส้นผมเข้าไปได้โดยไม่ติด ถ้าหนักๆจะมีแจ้งเตือนให้ทำความสะอาด
  • ถูพื้นได้ เดินแล้วรู้สึกสะอาดขึ้นมาก
  • เดินกลับไปชาร์จแบตด้วยตัวเองได้ แม้จะไม่ได้เริ่มจากแท่นชาร์จ

ข้อควรรู้ก่อนซื้อ Autobot Storm

  • แอปควบคุม ต้องหาด้วยคำว่า “robotmaker” แบบเป๊ะๆ
  • ห้องควรมีความเป็นระเบียบนิดนึง ไม่วางของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่พื้น
  • กด Start ก็เริ่มทำทุกอย่างให้เลย

ปัญหาที่พบจากการใช้งาน Autobot Storm

  • กินสายไฟ โดนเข้าไปแล้วติดแทบจะทันที
  • ปีนขึ้นพรมหนาๆไม่ไหว
  • เมื่อใส่น้ำในแทงค์ อาจปีนขึ้นพื้นต่างระดับไม่ได้ 
  • เข้าช่องที่พอดีตัวแล้วติดออกมาไม่ได้
  • กดปรับโหมด หรือกดบางคำสั่งแล้วเครื่องเริ่มทำความสะอาดใหม่หมด

เท่าที่ลองใช้งานมาต้องบอกว่าค่อนข้างตอบโจทย์ของคนที่ไม่มีเวลากวาดถูบ้านเอาซะมากๆเลยล่ะ แต่เราต้องจัดบ้านอย่าวางของบนพื้นระเกะระกะ พร้อมเก็บสายไฟให้ไม่ลากกับพื้นเพื่อให้มันทำงานได้อย่างเต็มที่นะ ลองใช้งานทำความเข้าใจมันอีกหน่อยก็จะรู้สึกดีที่มีมันอยู่ ช่วยทำความสะอาดห้องให้เราเดินได้อย่างสบายเท้ามากขึ้นเยอะเลยครับ ใครยังไม่มีก็ซื้อไปลองกันได้ หรือเหมาะแก่การอัพเกรดถ้าใครมีรุ่นเล็กๆอยู่แล้ว แต่อยากได้ตัวที่ฉลาดกว่าเดิม ฟีเจอร์แบบเดียวกันนี้เจอกันได้ในยี่ห้อดังรุ่นราคาแพงหลายหมื่น แต่ Autobot ให้มาในราคาหารครึ่งกันเลยครับ 🙂