Vertu Signature Touch ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย โดยสมาร์ทโฟนแบรนด์หรู Super Premium อย่าง Vertu รุ่นนี้มาพร้อมกับสเปคที่ค่อนข้างจัดเต็ม ซึ่งถือว่าแปลกกว่าหลายๆ ครั้งที่เคยเห็นมา เพราะเวลาแบรนด์หรูๆ ทำสมาร์ทโฟนออกมาขายนั้นมักจะมาแบบง่อยๆ สเปคย้อนหลังไป 1-2 ปี แต่ Vertu Signature Touch มาเต็ม ทั้ง CPU Quad-Core หน้าจอ Full HD, กล้อง 13 ล้านพิกเซล, หน่วยความจำภายใน 64 GB

แต่ถึงสเปคจะจัดเต็มขนาดนั้น เมื่อเหลือบไปมองป้ายราคาแล้วก็ยังช็อคได้ เพราะราคาเริ่มของ Signature Touch นั้นอยู่ที่ 420,000 บาท (ไม่ได้พิมพ์ผิด และไม่ได้ใส่เลขศูนย์เกินด้วย) มันราคานี้จริงๆ แต่ราคาที่แพงสุดๆ ของมันนั้นมาจากหลายๆ อย่างรวมกันครับ ไม่ว่าจะเป็นการประกอบตัวเครื่องที่ใช้คนประกอบทุกเครื่อง วัสดุต่างๆ นั้นก็เลิศหรูอลังการ แถมยังมีบริการพิเศษ เลขาส่วนตัว 24 ชั่วโมงอีกต่างหาก

 

= มินิรีวิว : Vertu Signature Touch =

Play video

 

 

มาถึงงานเค้าแล้ว ก็ต้องหยิบเครื่องมาลองเล่นสักหน่อยละกันครับ แต่แอบเสียวๆ เหมือนกันว่าถ้าถือๆ อยู่แล้วทำหล่น ผมจะวิ่งหนีทันไหม เพราะคงไม่มีปัญญาจ่ายคาเครื่องแน่ๆ

ตอนแรกว่าจะหยิบสีแดงมาลอง แต่เค้าบอกยังไม่ได้ชาร์จแบต ก็เลยต้องหยิบสีดำมาลองเล่นแทน คือแค่มองจากวัสดุมันก็ดูไฮโซแล้ว (แต่เรื่องดีไซน์ก็แล้วแต่คนจะชอบละกัน)

หยิบขึ้นมาปุ๊บ ความรู้สึกแรกคือเหมือนตัวเองกลายเป็นไฮโซขึ้นมาทันที อร๊าง~ แต่พอวางลง ก็รู้สึกกลับมาเป็นตัวเองตามปกติ พอหยิบขึ้นมาอีกที อุ๊ย! ไฮโซอีกแล้ว (พอๆ ไม่ใช่ตลกคาเฟ่)

เรื่องวัสดุ ความหรูหรา และงานประกอบนั้น ยกให้ไปเลยครับ หน้าจอของ Vertu Signature Touch นั้นเป็นกระจก Sapphire ที่มีข่าวว่า Apple จะเอาไปทำ iPhone 6 นั่นแหละ แข็งแรงรองจากเพชร คือถ้าไม่โดนเพชรขูดก็ไม่มีทางเป็นรอยอะไรประมาณนั้น

ตัวเครื่องทำจาก Titanium Alloy เบากว่าสแตนเลส แต่แข็งแรงและทนทานกว่าถึง 2.5 เท่า งานประกอบนั้นใช้หมุดยึดชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน ไม่ใช่เอาพลาสติก 3-4 ชิ้นมาประกบกันให้มันดังแก๊บๆ ล็อคเป็นจุดๆ แล้วเอากาวทา เทป 2 หน้าแปะเหมือนสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไปแน่นอนครับ คือถ้าดูรวมๆ ผมว่าดีไซน์มันแล้วออกแนวคล้ายพวกนาฬิกาหรูๆ

ด้านปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง นั้นจะมีปุ่มสีแดงๆ อยู่ด้วย ซึ่งปุ่มนี้คือปุ่มลุดเข้าสู่บริการพิเศษของ Vertu ครับ ตัวปุ่มสีแดงๆ นั่นไม่ใช่พลาสติกนะครับ แต่มันคือ “ทับทิม” แท้ๆ

ลำโพงของ Signature Touch นั้นอยู่ด้านล่างเป็นลำโพงสเตอริโอที่ทาง Vertu ร่วมกับ Bang & Olufsen ในการปรับจูนเสียงให้ออกมาเนียนใสในสไตล์อคูสติก

ยังไม่พอ เพราะยังมาพร้อมกับระบบเสียง Dolby Digital Plus Surround ด้วย

ด้านหลังมีการบุด้วยหนัง ส่วนกล้องคงามละเอียด 13MP นั้นได้รับการรับรองจาก Hasselblad แบรนด์กล้องหรูจากสวีเดนที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานว่าเป็นกล้องที่ใช้ถ่ายทำตอนที่มนุษย์เหยียบดวงจันทร์ 

ตัวเครื่องรองรับการใช้งานแทบทุกเครือข่ายและคลื่นความถี่ทั่วโลก รวมหมดไม่ว่าจะเป็น 2G, 3G หรือ 4G โดยช่องใส่ซิมจะมีกลไกล็อคข้างๆ ให้หมุนเปิด และใต้ฝานั้นก็มีลายเซ็นต์พร้อมชื่อของคนที่ประกอบเครื่องของเราขึ้นมา

Vertu Signature Touch มาพร้อมกับ Android 4.4.2 KitKat ส่วนหน้าตานั้นเหมือนกับเป็น stock android แทบจะไม่ปรับเปลี่ยนอะไรเลยนอกจากหน้าตาของไอคอน

รูปแบบการใช้งานทั่วไปแทบไม่มีการตกแต่ง ทั้งหน้าตาของ notification bar หรือการตั้งค่่า setting ต่างๆ มาเป็น plain vanilla เลยจริงๆ

ในเครื่องมี RAM 2GB ส่วนหน่วยความจำมี 64GB แบ่งออกให้ใช้งานเป็นสองส่วน 

นอกเหนือจากความแพงในเรื่องของวัสดุและงานประกอบแฮนเมดแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เครื่องอย่าง Vertu ขายในราคาแพงสุดๆ นั่นคือบริการพิเศษที่คุณจะได้รับอย่าง Vertu Life, Vertu Certainty และ Vertu Concierce นั่นเอง 

Vertu Life : บริการพิเศษที่จะมาสามารถหาแพ็คเกจสุดพิเศษให้คุณในงานหรูๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตต่างๆ แฟชั่น หรือเข้าชมกีฬาสำคัญ เช่นฟุตบอลโลก หรือเทนนิสวิมเบิลดัน รวมถึงคลับและผับไฮโซ

Vertu Certainty : บริการปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารหัสสายสนทนา หรือล้างข้อมูลเครื่องทิ้งในกรณีสูญหาย

Vertu Concierge : บริการเลขาวส่วนตัวที่จะมาคอยบริการให้คุณตลอด 24 ชั่วโมง อยากได้อะไรสั่งได้ เดี๋ยวนางจะจัดให้แน่นอน

บริการทั้ง 3 อย่างนี้ฟรีแค่ 1 ปีนะครับ ปีต่อไปหากยังอยากจะใช้บริการก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 1 แสนบาทต่อปี  :bigsmile:

อ้อ! นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ทั่วโลกฟรีผ่านบริการของ iPass ที่มีบริการกว่า 2.2 ล้านจุด โดยมีระยะเวลานาน 12 เดือน

คราวนี้ลองมาดูกล้องที่ได้รับการรับรองจาก Hasselblad กันดูบ้างว่ามันทำงานได้ดีแค่ไหน 

เปิดมาตอนแรกก็เห็นแล้วว่ามันไม่มีโหมดหรือลูกเล่นอะไรเท่าไหร่ อย่างมาก็มีเลือกโหมดถ่ายภาพ ปรับค่า EV ปรับขนาดภาพราวๆ นั้น พอลองกดๆ แตะๆ หาจุดโฟกัสไปแล้วก็รู้สึกว่ามันโฟกัสช้าไปหน่อย

ส่วนนี่เป็นตัวอย่างภาพถ่ายครับ เค้าให้ถือเล่นแค่ในบริเวณจัดงาน เพราะฉะนั้นก็ต้องถ่ายในสถานที่ indoor แบบนี้ ส่วนที่ชอบคือกล้องปรับ White Balance ได้ค่อนข้างดี กับสภพาแสงที่อมส้มๆ จากหลอดไฟครับ

จบแล้วครับ กับมินิรีวิว Vertu Signature Touch นานๆ ทีจะมีโอกาสได้ลองจับสมาร์ทโฟนหรูๆ กับเค้าบ้าง ใครสนใจจะซื้อลองไปดูได้ที่เกสรพลาซ่า ไม่ก็สยามพารากอนได้ครับ