ช่วงนี้ผมเห็นหลายคนในกลุ่ม Netflix Thailand ถามบ่อยมากๆ ว่าถ้าอยากฝึกภาษาอังกฤษ ให้ดูซีรีส์เรื่องไหนดี ชนิดที่แบบว่าวันนึงมีไม่ต่ำกว่า 3 – 4 โพสต์ วันนี้ผมเลยรวบรวม 10 ซีรีส์น่าดู สำหรับเอาไว้ฝึกภาษาโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละเรื่องที่เอามาแนะในครั้งนี้ เป็นซีรีส์ดูสนุกๆ เพลินๆ และไม่ได้ใช้ศัพท์ที่ยากเกินไป บวกกับสำเนียงที่ฟังง่ายอีกด้วย ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้าง มาดูกันได้เลยครับ

ฝึกภาษาอังกฤษกับ Netflix

ส่วนตัวผมมองว่าการฝึกภาษาอังกฤษกับ Netflix เป็นเรื่องที่ดีนะครับ เนื่องจากการดูหนัง หรือดูซีรีส์เนี่ย มันไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อ เราสามารถเลือกเรื่องที่ชอบ แล้วก็ดูเพลินๆ แถมได้ภาษาอังกฤษ (หรือภาษาที่สามอื่นๆ) ไปด้วย ซึ่งตรงนี้ผมจะเน้นแนะนำซีรีส์แบบซิทคอมเอานะครับ เนื่องจากส่วนมากจะมีระยะเวลาแค่ตอนละ 20 – 30 นาทีเท่านั้น อีกทั้งศัพท์ หรือรูปประโยคที่ใช้ก็สามารถนำไปใช้งานจริงๆ ได้อีกด้วย ไม่เฉพาะทางจนเกินไป เอาล่ะ…มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

Friends

จำนวนซีซั่น: 10

ความยาวเฉลี่ย: 20 นาที

สำเนียง: อเมริกัน

เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาววัยทำงาน 6 คน (Ross, Chanlder, Joey, Rachel, Phoebe และ Monica) ที่มักจะมานั่งพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันในร้านกาแฟที่ชื่อว่า Central Peak (พ้องเสียงกับสวน Central Park) โดยเรื่องนี้มีครบทุกอารมณ์ ตั้งแต่ความฮา, เศร้า, อกหัก หรือบางทีก็มีโมเมนต์ปสด. ชวนให้คนดูปวดหัว คิดตามเหมือนกัน

How I Met Your Mother

จำนวนซีซั่น: 9

ความยาวเฉลี่ย: 20 นาที

สำเนียง: อเมริกัน

เนื้อเรื่องจะคล้ายๆ กับ Friends แต่จะต่างกันที่ตัวละครหลัก (Ted, Barney, Robin, Lily และ Marshell) มักจะไปนั่งคุยกันที่บาร์ หรือร้านเหล้าซะมากกว่า แถมมุกตลกส่วนมากก็จะเน้นไปที่เรื่องสัปดนอีกด้วย ฮ่าๆ แต่ตรงนี้บอกเลยว่า How I Met Your Mother ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เวลาเศร้า ก็เศร้าแบบสุดจริงๆ

Big Bang Theory

จำนวนซีซั่น: 12

ความยาวเฉลี่ย: 20 นาที

สำเนียง: อเมริกัน

ชื่อเรื่องก็บอกอยู่แล้วสำหรับ Big Bang Theory ว่าเรื่องนี้จะมาแนวแบบวิทยาศาสตร์จ๋าๆ อย่างแน่นอน ซึ่งมุกส่วนมากบอกเลยว่าถ้าไม่ได้เรียนสายวิทย์มา อาจจะต้องมีเกาหัวแกรกๆ กันบ้างล่ะ โดยเรื่องนี้จะมี Reference ของหนังเรื่องอื่นๆ อย่าง Star Wars หรือ Star Trek อยู่เยอะมากๆ ใครที่เป็นแฟนหนังเรื่องเหล่านั้น หรือชื่นชอบวิทยาศาสตร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว Big Bang Theory ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจครับ (..ส่วนใครที่ไม่ชอบด้านนี้ก็ดูได้นะ)

That 70s Show

จำนวนซีซั่น: 8

ความยาวเฉลี่ย: 20 นาที

สำเนียง: อเมริกัน

กลุ่มวัยรุ่น 6 คนมานั่งเล่นคุยโน่นนี่กัน เรื่องนี้จะไม่ค่อยมีพล็อตอะไรเยอะ จะดำเนินเรื่องแบบเนิบๆ เรื่อยๆ แต่มุกแต่ละอย่างที่ยิงมากบอกเลยว่าฮาๆ ทั้งนั้น ที่สำคัญคือสาวๆ ตัวหลักของเรื่องอย่าง Dona (รับบทโดย Laura Prepon) และ Jackie (รับบทโดย Mila Kunis) สวยน่ารักมากๆ ส่วนสาวๆ ก็ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะตัวหลักฝั่งผู้ชายของเรื่องนี้ก็มีชื่อของ Ashton Kutcher โผล่มาด้วย

Brooklyn Nine-Nine

จำนวนซีซั่น: 6

ความยาวเฉลี่ย: 20 นาที

สำเนียง: อเมริกัน

เนื้อเรื่องส่วนมากจะอยู่ที่สถานีตำรวจ มีคดีชวนปวดหัวเข้ามาให้ทุกวี้ทุกวัน ซึ่งตัวเอกของเรื่องนี้อย่าง Jake Peralta มีนิสัยล่อรองเท้าแบบสุดๆ ใครอยากหาซีรีส์สนุกๆ ดูฆ่าเวลา ผมว่าเรื่องนี้ก็เหมาะ แถมภาษาที่ใช้ในเรื่องนี้ก็ไม่ค่อยยากอีกด้วย

The Good Place

จำนวนซีซั่น: 3

ความยาวเฉลี่ย: 20 นาที

สำเนียง: อเมริกัน/อังกฤษ

The Good Place คือซีรีส์ที่เล่าเรื่องของหนุ่มสาว 4 คนที่ทำความดีบนโลกมาเยอะ จนในที่สุดพอถึงเวลาตาย บุญที่ทำไว้ก็ส่งผล ทำให้พวกเขาได้มาอยู่บนสวรรค์ หรือที่ในซีรีส์เรียกว่า The Good Place นั่นเอง..แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ไปอยู่มา ทำไมมีแต่เรื่องประหลาดๆ เกิดขึ้นมากมายเต็มไปหมด โดยส่วนตัวผมมองว่าเรื่องนี้ค่อนข้างโอเคเลยนะ นักแสดงออกเสียงชัดเจน แถมเรื่องนี้ยังแฝงถึงคำสอนของพวกปรัชญา และข้อคิดดีๆ ไว้เต็มไปหมดอีกด้วย

The IT Crowd

จำนวนซีซั่น: 5

ความยาวเฉลี่ย: 20 นาที

สำเนียง: อังกฤษ

หลายคนที่ติดตาม DroidSans มาตั้งแต่ยุคแรก ผมว่าน่าจะต้องเคยดูเรื่องนี้แบบผ่านๆ ตามาบ้าง เพราะ The IT Crowd นั้นเป็นซีรีส์ที่เน้นไปที่เรื่องของไอทีแบบจ๋าๆ เลย มีมุกมาเสียดสีวงการ (ณ ตอนนั้น) แบบเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด โดยเนื้อเรื่องจะเน้นไปที่นักแสดงหลัก 2 คน เป็น IT Support อยู่บริษัทนึง ที่เหมือนว่าพวกเขาจะถูกลืม เพราะออฟฟิศนั้นอยู่ในชั้นใต้ดิน แถมแบบรังหนูแบบสุดๆ อีกด้วย

The Inbetweeners

จำนวนซีซั่น: 3

ความยาวเฉลี่ย: 20 นาที

สำเนียง: อังกฤษ

เรื่องนี้ผมให้ที่สุดในดวงใจแล้ว เป็นเรื่องราวของวัยรุ่น 4 คน ที่มีนิสัยที่แตกต่างกันออกไป คนนึงขี้โม้ม้าแตก, คนนึงเนิร์ด, คนนึงเอ๋อๆ ไม่ค่อยทันโลก และคนสุดท้ายเหมือนจะเป็นผู้เป็นคนสุด โดยถ้าใครชอบมุกตลกแบบอังกฤษ หรือวัฒนธรรมของประเทศนี้ล่ะก็ The Inbetweeners นี่ถือเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว

Cuckoo

จำนวนซีซั่น: 5

ความยาวเฉลี่ย: 20 นาที

สำเนียง: อังกฤษ/อเมริกัน

เป็นอีกเรื่องที่ดูแล้วอาจจะไม่ได้ขำออกมาแบบฮาก๊าก แต่ถือว่าสามารถเอาไว้ดูฆ่าเวลาได้แบบสบายๆ ใครที่เคยดูซีรีส์ซิทคอมเรื่องเก่าๆ อาจจะพอคุ้นเคยกับตัวละครบางคนอยู่บ้าง โดยตัวหลักๆ ก็จะเป็น Andy Samberg (คนเดียวกับที่เล่นเป็น Jake ใน Brooklyn Nine-Nine) และ Helen Baxendale ที่แว๊บนึงเคยไปเล่นเป็น Emily สาวสวยสำเนียงบริติชในซีรีส์ Friends และแม้ว่าจะเป็นซีรีส์ที่มีแต่สำเนียงอังกฤษ แต่การออกเสียงของแต่ละตัวละครก็ทำออกมาได้ชัดเจนมาก เรียกว่าหากใครคล่องๆ หน่อย สามารถดูแบบไม่ต้องเปิดซับได้แบบไม่ยากเลยล่ะ

Fresh Prince of Bel-Air

จำนวนซีซั่น: 6

ความยาวเฉลี่ย: 20 นาที

สำเนียง: อเมริกัน

ปิดท้ายกันที่ซีรีส์ในดวงใจตลอดกาลของตัวผมเองอย่าง Fresh Prince of Bel-Air ที่เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเฮีย Will Smith เลยก็ว่าได้ โดยตัวละครหลักจะเป็นคนผิวสีทั้งหมด ส่วนมากจะเล่าถึงเรื่องความไม่เท่าเทียมกันของสังคมเมกัน ณ ตอนนั้น แต่บอกเลยว่าแต่ละตอนนี่ฮาแบบฮาก๊ากเลย (ตอนไหนซีเรียส หรือเศร้าก็มีน้ำตาแตกอะ) ทั้งนี้ต้องเตือนก่อนว่าเรื่องนี้ใช้ภาษาอังกฤษได้แบบ..ค่อนข้างจะพลิกแพลงจากหนังสือเรียนอยู่มาก ทั้ง Double-Negative (พวก I don’t do nothing, I haven’t go no one with me, etc) เต็มไปหมด แต่พวกนี้รู้เอาไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะเนทีฟบางคนที่พูดแบบนี้เป็นเรื่องปกติจริงๆ

ทั้งหมดนี้ก็เป็น 10 ซีรีส์ที่ส่วนตัวผมมองว่าค่อนข้างจะเหมาะกับการฝึกภาษาอังกฤษมากๆ แรกๆ อาจจะต้องเปิดซับไทยอ่านควบคู่ไปด้วย แต่ผมเชื่อว่าดูไปซักพักก็อาจจะคุ้นชินกับภาษา และสำเนียงจนสามารถเปิดซับอังกฤษ หรือไม่ต้องเปิดซับเลยก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องบอกแบบนี้ว่า การฝึกภาษากับ Netflix แบบนี้ อาจจะไม่ได้เรื่องแกรมม่าร์แบบ 100% นะครับ เพราะการใช้ภาษาในชีวิตจริง อาจจะมีลดรูป หรือพูดวิบัติไปบ้าง แต่ถ้าเอาไปฝึกเพื่อพูดในชีวิตประจำวันทั่วไป คุยกับเพื่อน ฯลฯ ผมมั่นใจว่าซีรีส์ที่ผมแนะนำมา ใช้ได้หมดครับ