สิ้นสุดทุกข่าวลือ… Nintendo ประกาศเปิดตัวเครื่องเกมคอนโซลลูกผสม Switch โมเดลใหม่อย่างเป็นทางการ ใช้หน้าจอ OLED ขนาด 7 นิ้ว มีอัปเกรดย่อยหลายส่วน เตรียมวางขายวันที่ 8 ตุลาคม 2564 พร้อมกันทั้งโซนญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรป ราคาแพงกว่าเดิมประมาณ 1,500 – 2,000 บาท

เรียกได้ว่า มีทั้งจุดที่ตรงตามข่าวลือและจุดที่ไม่ตรงตามข่าวลือ ประการแรกที่สำคัญคือ Nintendo ไม่ได้เรียก Switch โมเดลใหม่นี้ว่า Switch Pro หรือ Switch XL นะครับ ยังใช้ชื่อเดิมเลย แค่ห้อยคำว่า “รุ่น OLED” เอาไว้ข้างหลังชื่อเฉย ๆ

จอภาพจะใหญ่ขึ้นกว่า Switch ปกติ โดยขยับจาก 6.2 นิ้วเป็น 7 นิ้ว แต่ตัวเครื่องโดยรวมไม่ได้ขยายขึ้นตาม เพราะขอบหน้าจอทั้ง 4 ด้านจะบางลงแทน แสดงผลได้เต็มพื้นที่มากขึ้น และมีการเพิ่มคุณภาพของเสียง ซึ่งช่องลำโพงคู่ทั้งสองฝั่งมีขนาดยาวขึ้นอย่างมาก กะด้วยสายตาคร่าว ๆ นี่เกิน 100% หรือสองเท่าเลยทีเดียว

ในส่วนของขาตั้งถูกออกแบบใหม่ คราวนี้เป็นแบบแนวยาวเต็มชิ้นแล้ว วางได้มั่นคงกว่าเดิมแน่นอน แถมยังปรับได้หลายระดับอีกต่างหาก เท่าที่ Nintendo มีการนำเสนอในวิดีโอโปรโมตจะปรับได้ 3 ระดับ

Joy-Con ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ใช้งานร่วมกับรุ่นดั้งเดิมได้เลย แต่จะมีสีขาวเป็นสีใหม่ มาคู่กับด็อกในบันเดิลซึ่งมีสีขาวเป็นสีใหม่เช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้มีแค่สีดำที่เป็นสีมาตรฐาน กับสีแดงใน Mario Red & Blue Edition

ด้านในของด็อกจะใส่พอร์ตอีเทอร์เน็ตเข้าไป เอาไว้เสียบสาย LAN แทนที่พอร์ต USB เดิม จะได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เสถียรโดยไม่ต้องผ่านตัวแปลง

Switch รุ่น OLED นี้จะยังไม่รองรับการแสดงผลระดับ 4K และยังคงใช้ซีพียู Tegra X1 จาก Nvidia แบบเดิมเป๊ะ ๆ ดังนั้นประสิทธิภาพการประมวลผลน่าจะไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด อายุการใช้งานแบตเตอรี่ในกรณีที่ถือเล่นเคลมเอาไว้สูงสุดที่ 9 ชั่วโมงเท่าเดิม การเปลี่ยนแปลงสุดท้ายคือ เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลภายในจาก 32GB เป็น 64GB

Play video

Nintendo ประกาศราคา Switch รุ่น OLED ออกมาแล้ว โซนญี่ปุ่นขาย 37,980 เยน (ประมาณ 11,090 บาท) โซนอเมริกาขาย 349.99 เหรียญ (ประมาณ 11,290 บาท) เบื้องต้นมีให้เลือก 2 บันเดิล ได้แก่ สีขาวกับสีนีออน

ในขณะที่ Switch รุ่นเดิมยังคงวางจำหน่ายต่อไปในราคาเดิม คือ 32,978 เยน สำหรับโซนญี่ปุ่น (ประมาณ 9,690 บาท) และ 299.99 เหรียญ สำหรับโซนอเมริกา (ประมาณ 9,690 บาท) ไม่รวมภาษี เมื่อคำนวณแล้วจะห่างกันประมาณ 1,500 บาท แต่ในกรณีของบ้านเราที่ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ อาจต้องเผื่อเงินส่วนต่างไว้ประมาณ 2,000 บาทขึ้นไปครับ