วันทำงานวันแรก … ของบางคน แต่ยังเป็นวันหยุดของอีกหลายคน รวมถึงผมด้วย 555+ เลยได้มีโอกาสทดลอง app อยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่า คงเป็นที่ต้องการแน่นอนสำหรับเพื่อนๆ ที่บ่นกันว่า … แบตฯ หมดเร็ว!! จะรีบหมดกันไปถึงไหน? … ผมเองก็เห็นใจครับ และก็พยายามหาทางออกในส่วนนี้ แต่ก็เชื่อว่า มีหลายๆ app ที่ทำมาเพื่อช่วยการใช้พลังงานแบตฯ ให้คุ้มค่า และสามารถเปิดมือถือไว้ได้นานที่สุด

Easy Battery Saver + Task Killer มาเพื่อเป็นตัวช่วย หรือเป็นทางเลือกอีก 1 ช่องทางในการที่จะช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่บนอุปกรณ์ของท่านได้ (นอกเหนือจากการอัพ Rom ต่างๆ) … หลังจากการทดลองใช้งาน บนเครื่อง Samsung Galaxy Player 4″ ก็พบว่า ช่วยได้และผมเองก็ประทับใจด้วยครับ (อาจเป็นเพราะคิดไปเองหรือเปล่า?! … อันนี้ก็ไม่ชัวร์ครับ แต่อยากให้เพื่อนๆ ได้ทดลอง) อย่างไรก็ดี เชื่อมั่นได้เลยว่า … ไม่มีผลต่อเครื่องครับ

ถ้าหากคุณทำตามขั้นตอน และที่สำคัญส่วนของผู้พัฒนา App นั้นได้แนะนำในส่วนที่สำคัญแล้ว 2 กรณี ซึ่งอยากให้เพื่อนๆ ที่ทดลอง app นี้ตระหนักด้วยครับ

จุดเด่นต่างๆ :

  • ใช้งานง่าย เพราะมี Mode ให้เลือกใช้งาน พร้อมรูปแบตเตอรี่แสดงสถานะในหน้าแรก
  • มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถช่วยประหยัดแบตฯ ได้มากกว่า 50% และยึดระยะเวลาการใช้งานได้
  • พิจารณาและตัดสินใจได้ ซึ่งแสดงส่วนต่างๆ ที่มีการใช้งานแบตเตอรี่ มีการแนะนำการใช้งานแบตฯ ที่ง่านและเป็นประโยชน์ เพื่อการใช้งานแบตเตอรี่ได้ดีมากขึ้น

ทั้งนี้ ผมได้ทำการจับหน้าจอในทุกๆ ส่วนของ app มาเพื่อความสะดวกในการศึกษาและเรียนรู้ ก่อนการใช้งานจริง และหวังว่า เพื่อนๆ ที่ได้ไปทดลองใช้ อยากให้กลับมาลง feedback หรือ comment ไว้ด้วย เพื่อเพื่อนๆ ร่วมบอร์ดนะครับ[/color] … ขอบคุณครับ

ภาพแสดงการทำงานของ app

1. เมื่อเรียกใช้งานโปรแกรมในตอนแรก

2.Easy Battery Saver‘ ช่วยประหยัดพลังงานโดยปรับแต่งค่าต่างๆ ของ network … ถ้าหากว่า คุณอยู่ใน

สถานการณ์เหล่านี้ ให้ทำการ reset ค่า APN ตามขั้นตอน ดังนี้ Easy Battery Saver -> Menu -> Settings – > Mobile Network Reset

  • 1. network บนมือถือคุณไม่ทำงาน
  • 2. ก่อนถอน app ‘Easy Battery Saver

หน้าจอหลักในการใช้งาน app

3. ส่วน Battery Info หน้าจอในส่วนนี้ เป็นหน้าจอแสดงผล (ตามค่าที่ปรับ) โดยแสดงรายละเอียดของแบตเตอรี่สำหรับการใช้งานต่างๆ ดังนี้

  • Mode ที่เลือกใช้งานอยู่ ‘Normal Mode
  • การชาร์ต : Fast Charge, Continuous Charge หรือ Trikle Charge
  • จำนวนชั่วโมง-นาที ที่สามารถใช้กับ Talk Time, Web Surfing, Audio Playback และ Video Playback

4. ส่วน Optimization หน้าจอในส่วนนี้ เป็นหน้าจอแสดง Mode ต่างๆ ให้เราได้เลือกใช้งานอย่างสะดวก ดังนี้

Normal Mode : Mode นี้ จะไม่มีผลอะไรต่ออุปกรณ์ และสามารถยกเลิกการปรับแต่งทั้งหมดที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ได้
General Power Saving Mode เกี่ยวข้องกับการปรับส่วนต่างๆ ดังนี้

  • WiFi, Mobile Control
  • Screen Control
  • Sleep Schedule

Intelligent Power Saving Mode เกี่ยวข้องกับการปรับส่วนต่างๆ ดังนี้

  • WiFi, Mobile Control
  • Bluetooth Control
  • AutoSync Control
  • Screen Control
  • Sleep Schedule
  • Timeout Control [30s]
  • Brightness Control [10%]
  • Night Schedule [23:30 – 06:00]
  • Battery Monitor [15%]
  • Touch Feedback Control

Super Power Saving Mode เกี่ยวข้องกับการปรับส่วนต่างๆ ดังนี้

  • WiFi, Mobile
  • App Launch Control

Advanced Customized Mode เกี่ยวข้องกับการปรับส่วนต่างๆ ดังนี้

General Settings เกี่ยวข้องกับการปรับส่วนต่างๆ ดังนี้

  • Battery Threshold
  • Screen Action
  • Trafiic

Network Settings เกี่ยวข้องกับการปรับส่วนต่างๆ ดังนี้

  • WiFi
  • Mobile Data
  • Auto Sync
  • Bluetooth

Screen Settings เกี่ยวข้องกับการปรับส่วนต่างๆ ดังนี้

  • Screen Timeout
  • Brightness

Schedule Settings เกี่ยวข้องกับการปรับส่วนต่างๆ ดังนี้

  • Sleep Schedule
  • Night Schedule

5. ส่วน Consumption หน้าจอในส่วนนี้ เป็นหน้าจอแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ใช้งานพลังงานอยู่ในทุกๆ ส่วน (ตามภาพ)

6. ส่วน Tutorials เป็นส่วนของคำแนะนำในการใช้งานยังไง ให้ประหยัดแบตฯ หรือเพื่อยืดเวลาในการใช้งานเครื่องด้วยพลังงานแบตฯ ที่มี

การชาร์ตแบบ Fully Cycle Charge : เพื่อคงประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ แนะนำการชาร์ตแบบ Fully recharge เดือนละครั้ง (การชาร์ตแบตฯ จากที่ต่ำกว่า 20% จนเต็มจริงๆ)

อุณหภูมิที่เหมาะสม : 0 – 45 องศา ถือเป็นอุณหภูมิที่เหมาะกับการชาร์ต (ไม่สูง หรือไม่ต่ำ เกินไป ซึ่งจะเป็นผลร้ายต่อแบตฯ) ควรเลี่ยงการวางอุปกรณ์ไว้ตรงแสงอาทิตย์และในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง

ปล่อยเครื่องเปลือย ขณะชาร์ต : ขณะชาร์ตแบตฯ ให้เอา case ออกด้วย มิเช่นนั้น ความร้อนที่เกิดขึ้นจากการชาร์ตเป็นผลร้ายต่ออายุของแบตเตอรี่

ปิดการใช้งาน WiFi : แม้ว่า WiFi จะสะดวกและฟรี แต่ WiFi ใช้พลังงานมากกว่า 3G ซึ่งควรปิด หากไม่ใช้งาน
ใน Easy Battery Saver นั้น สามารถไปเลือกได้ที่ Optimization -> Super Mode หรือ Optimization -> Advanced Customized Mode -> Network Settings – > WiFi

ปรับเปลี่ยนการใช้งาน Mobile Data : 3G / 4G networks กินพลังงานมากกว่า 2G network ดังนั้น … หากไม่จำเป็น ก็ควรใช้งาน 2G [GPRS/EDGE] ไป
ใน Easy Battery Saver นั้น สามารถไปเลือกได้ที่ Optimization -> Super Mode หรือ Optimization -> Advanced Customized Mode -> Network Settings – > Mobile Data

ปิดการใช้งาน Auto Sync : ข้อมูลต่างๆ ในพื้นหลัง Auto Sync ถูกใช้งานผ่านการ sync แบบ real-time ของ Google เช่น Gmail, Google contacts และอื่นๆ … หากไม่จำเป็น ณ ช่วงเวลานั้น ก็ปรับยกเลิกการ Auto Sync
ใน Easy Battery Saver นั้น สามารถไปเลือกได้ที่ Optimization -> Super Mode หรือ Optimization -> Advanced Customized Mode -> Network Settings – > Auto Sync

ปิดการใช้งาน Bluetooth : WiFi และ Bluetooth กินพลังงานเยอะ ดังนั้น…หากไม่จำเป็น หรือไม่ได้ใช้งาน Bluetooth headset แนะนำให้ปิดการใช้งาน
ใน Easy Battery Saver นั้น สามารถไปเลือกได้ที่ Optimization -> Super Mode หรือ Optimization -> Advanced Customized Mode -> Network Settings – > Bluetooth

ใช้การหมดเวลาหน้าจอให้สั้นลง : การลดเวลา screen timeout จะช่วยประหยัดแบตฯ ได้ แนะนำให้ปรับใช้แค่ 1 นาที หรือเร็วกว่านั้น
ใน Easy Battery Saver นั้น สามารถไปเลือกได้ที่ Optimization -> Advanced Customized Mode -> Screen Settings – > Screen Timeout

ปรับความสว่าง : ความสว่างของหน้าจอกินพลังงานมาก ซึ่งการลดความสว่างของหน้าจอ ช่วยให้คุณใช้งานแบตฯ ได้นานขึ้น
ใน Easy Battery Saver นั้น สามารถไปเลือกได้ที่ Optimization -> Advanced Customized Mode -> Screen Settings – > Brightness

ปิดการใช้งาน Apps ในพื้นหลัง : Apps ที่ทำงานบนพื้นหลังอาจกินพลังงานแบตฯด้วย ดังนั้นแนะนำให้เช็คว่า ไม่มี apps ใดๆ ที่เปิดทำงานอยู่บนพื้นหลัง
ในการปรับแต่งโทรศัพท์นั้น สามารถไปเลือกได้ที่ Settings – > Application -> Running service

ปิดการใช้งาน System Update อัตโนมัติ : apps ใน Androidหลายตัวอาจรองรับการ auto update (สามารถดูได้จากเวลาเราติดตั้ง app เพราะในนั้น มันจะมีให้เราทำเครื่องหมาย auto update … แนะนำให้ปิดส่วนนั้น โดยการเอาเครื่องหมายถูกออก) ในส่วนนี้ หากเปิดใช้งานอยู่ ก็จะเสียพลังงานไปกับการ auto update นั่นเอง

ปิดการใช้งานระบบสั่น : หากเราอยู่ในบริเวณที่มีเสียงดัง ก็ใช้งานได้ แต่การแจ้งเตือนแบบระบบสั่นนั้นจะกินพลังงานแบตฯ เช่นกัน
ในการปรับแต่งโทรศัพท์นั้น สามารถไปเลือกได้ที่ Settings – > Sound -> Vibrate

เพิ่มเติม ส่วนการแสดงผลใน Notification Bar เมื่อดึง Notification Bar ลงมาก็จะเจอ (ตามภาพ) พร้อมทั้งเห็น icon อยู่ด้านมุมซ้ายบนของหน้าจอ

Ref thanks : market.android.com

========================================================
Device ที่ใช้ในการ review : Samsung Galaxy Player 4″

Title : Easy Battery Saver+Task Killer
Category : Tools
Developer : Easy Dev Team
Developer’s Website : task.killer.team@gmail.com/strong