สับขาหลอกกันไปมาสำหรับ Nothing Phone (2a) ทั้งในด้านดีไซน์ และล่าสุดก็ลามมาถึงชิปประมวลผล เพราะยืนยันว่าไม่ได้ใช้ชิป Dimensity 7200 แบบธรรมดา เพราะใช้เป็นชิปรุ่นพิเศษรุ่นตีบวกอย่าง Dimensity 7200 Pro ที่ถูกปรับแต่งมาเพื่อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Nothing โดยเฉพาะ

Nothing Phone (2a) ยืนยันใช้ชิป Dimensity 7200 Pro

Nothing Phone (2a) ยืนยันแล้วว่าจะมาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นพิเศษ Dimensity 7200 Pro ที่ทางแบรนด์เคลมว่า แรงกว่าชิป Snapdragon 778G+ ที่ใช้ในรุ่นแรกกว่า 18% รวมถึงประหยัดพลังงานกว่าเดิมถึง 16% พ่วงด้วย RAM ความจุ 12GB

โดยสาเหตุที่ทางแบรนด์ตัดสินใจเลือกชิปดังกล่าว แทนที่จะเป็นชิปอย่าง Snapdragon 782G หรือ Snapdragon 7s Gen 2 เป็นเพราะว่า Dimensity 7200 Pro ผลิตโดยใช้สถาปัตยกรรมขนาด 4nm Gen 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ดีกว่า และเคยใช้ในการผลิตชิปเรือธงทั้ง Snapdragon 8+ Gen1 และ Apple A16 นั่นเอง

สำหรับสเปคชิป Dimensity 7200 Pro โดยรวมแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักจากชิปรุ่นปกติ โดยจะประกอบไปด้วย Cortex-A715 @ 2.8GHz จำนวน 2 คอร์ และ Cortex-A510 จำนวน 6 คอร์

แต่ตัวชิปจะถูกปรับ Optimized มาให้เข้ากับระบบ Nothing OS ช่วยให้เรียกใช้พลังงานจากจอแสดงผล และชิปโมเด็ม และส่วนอื่น ๆ ในเครื่องได้น้อยกว่า รวมถึงช่วยให้การถ่ายโอนไฟล์ระหว่างตัวเครื่อง กับ Windows PC ทำได้รวดเร็วขึ้นด้วย

Nothing Phone (2a) หลุดภาพเครื่องจริงแบบเต็ม ๆ แล้ว

ภาพเครื่องจริง Nothing Phone (2a) ที่หลุดออกมา มาในรูปแบบกล้องแคปซูลแนวนอนกลางเครื่องแบบที่เคยหลุดมาก่อนหน้านี้ มากับฝาหลังกึ่งโปร่งใส และมีจุดสี่เหลี่ยมสีแดง พร้อมไฟ Glyph 3 ตำแหน่งรอบวงแหวนกล้อง

นอกจากจะมีภาพเครื่องจริงแล้ว ยังมีเรนเดอร์จากดีไซน์ดังกล่าวออกมาให้ชมเพิ่มเติม โดยขอบเฟรมมาในดีไซน์แบบ Flat โดยปุ่มเพิ่มลดเสียงจะอยู่ฝั่งซ้าย และปุ่ม Power จะอยู่ฝั่งขวา

ส่วนสเปคด้านอื่น ๆ นั้น จะมากับจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รองรับรีเฟรชเรต 120Hz มาในขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 161.7mm x 76.3mm x 8.55 มม. และหนักประมาณ 190 กรัม

ตัวกล้องหลัง 2 ตัวคาดว่าจะใช้เซนเซอร์หลักเป็น ISOCELL S5KG9 ความละเอียด 50MP + กล้อง Ultrawide ISOCELL JN1 50MP และจะให้กล้องหน้ามาที่ความละเอียด 32MP ให้แบตเตอรี่มาที่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 45W

Nothing Phone (2a) ยืนยันว่าจะเปิดตัวภายในวันที่ 5 มีนาคม 2024 ส่วนราคาคาดว่าจะเปิดตัวมาที่ราว ๆ 10,000 บาทเท่านั้น

ที่มา: Nothing (X/Twitter), GSMArena, Smartprix