เปิดตัวมาอีก 1 รุ่น สำหรับมือถือเรือธงล่าสุดอย่าง Nubia X (นูเบีย เอ๊กซ์)ซึ่งคราวนี้ก็เป็นมือถือระดับเรือธงที่ไม่ได้มีดีแค่สเปคระดับไฮเอนด์เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมฟีเจอร์สุดแหวก ด้วยหน้าจอที่ 2 อยู่ด้านหลังเครื่อง เพื่อตัดปัญหาการใช้กล้องหน้าไปซะ (จะถ่ายปกติหรือจะถ่ายเซลฟี่ก็ใช้กล้องหลังตัวเดียวพอ) ทำให้หน้าจอหลักของ Nubia X สามารถขยายออกไปได้จนเกือบสุดเครื่องได้เลย

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการขจัดปัญหาการวางกล้องหน้าของมือถือหลายๆ รุ่น ซึ่งตามที่เราได้เห็นกันมาก็จะมีทั้งการซ่อนกล้องหน้าไว้แบบป๊อปอัพอย่าง vivo NEX หรือจะเป็นการสไลด์ตัวเครื่องเพื่อเปิดกล้องหน้าอย่าง OPPO Find X, Mi Mix 3 และ Honor Magic 2 ที่พึ่งเปิดตัวไป…แต่ทาง Nubia คิดได้แหวกแนวกว่าด้วยการเพิ่มจอแสดงผลสีเอาไว้ที่ด้านหลัง เพื่อใช้กล้องหลักในการถ่ายเซลฟี่ และตัดกล้องหน้าทิ้งไปได้เลย ทำให้พื้นที่หน้าจอหลักมีอัตราส่วนถึง 93.6% ของเครื่องด้านหน้า ส่วนสเปคอื่นๆ ก็มีตามนี้เลย

สเปค Nubia X

  • หน้าจอหลัก LCD ขนาด 6.26 นิ้ว ความละเอียด 2280 x 1080 อัตราส่วน 19:9
  • หน้าจอที่สอง OLED ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด 1520 x 720
  • CPU : Snapdragon 845
  • GPU : Adreno 630
  • RAM : 6GB / 8GB
  • ความจุ : 64GB / 256GB ไม่รองรับ MicroSD Card
  • กล้องหลังคู่ : 16MP (f/1.8) + 24MP (f/1.7)
  • ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, DLNA, Bluetooth 5.0
  • เซ็นเซอร์ : Dual fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • แบตเตอรี่ : 3800 mAh รองรับ QC 4.0
  • ระบบ Android 8.1

Play video

สำหรับหน้าจอหลังของ Nubia X จะเป็นหน้าจอสัมผัสที่อยู่ใต้กระจกอีกชั้นนึง แต่ก็เป็นหน้าจอสัมผัสที่สามารถใช้งานได้ตามปกติทุกอย่าง และเมื่อไม่ได้ใช้งานจอดังกล่าวก็จะหายไปกลายเป็นฝาหลังเครื่องตามปกติ หรือจะตั้งเป็น Wallpaper ไว้สวยๆ แบบ Always on Display ก็ได้ (แต่ก็จะเปลืองแบตขึ้นมาอีกนิดนึง)

นอกจากนี้จอหลังยังสามารถปรับแต่งให้กลายเป็นปุ่มพิเศษสำหรับเล่นเกมที่รองรับได้ด้วยนะ

Nubia X จะวางขายด้วยกันทั้งหมด 6 รุ่น คือ

  • 6GB / 64GB สี Deep Gray และสี Black Gold ราคา 3299 หยวน หรือประมาณ 15,600 บาท
  • 6GB / 64GB สี Sea Light Blue ราคา 3,399 หยวน หรือประมาณ 16,100 บาท
  • 8GB / 128GB สี Space Gray และ Black Gold ราคา 3,699 หยวน หรือประมาณ 17,500 บาท
  • 8GB / 128GB สี Sea Light Blue ราคา 3,799 หยวน หรือประมาณ 18,000 บาท
  • 8GB / 256GB สี Black Gold ราคา 4199 หยวน หรือประมาณ 19,900 บาท
  • 8GB / 256GB สี Blue Gold ราคา 4299 หยวน หรือประมาณ 20,400 บาท

โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป ส่วนในบ้านเราก็ต้องรอดูกันไปก่อนว่าจะมีโอกาสเอาเข้ามาวางจำหน่ายด้วยรึเปล่า เอาไว้เราจะมาอัพเดทให้ครับ

 

ที่มา : Gizchina