หลายๆ คนอาจจะได้เห็นแกะกล่องพรีวิว obi worldphone SF1 สมาร์ทโฟนดีไซน์แปลกตาในราคาระดับเอื้อมถึง ซึ่งก็เป็นแบรนด์น้องใหม่สำหรับตลาดบ้านเราอีกด้วย สำหรับใครที่มีข้อข้องใจ สงสัย อยากรู้จักกับเจ้า obi worldphone SF1 มากขึ้น คราวนี้เราก็เลยถือโอกาสรีวิวประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนน้องใหม่รุ่นนี้อย่างเต็มรูปแบบมาให้เพื่อนๆได้ใช้ประกอบการตัดสินใจกัน

สมาร์ทโฟนในค่าย obi worldphone นั้นมีด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ SF1 และ SJ1.5 ซึ่ง obi worldphone SF1 นั้นถือว่าเป็นรุ่น Flagship ของค่ายที่เน้นจุดเด่นในเรื่องการออกแบบทั้งตัวเครื่องและ UI ซึ่งตรงนี้ก็ได้ความร่วมมือจาก Ammunition Studio ที่ทำการออกแบบให้กับหูฟังดีไซน์ชิคชื่อดังอย่าง Beats นอกจากนี้การเปิดตัวครั้งแรกก็ยังมีการกล่าวถึงคุณ John Sculley อดีต CEO ชื่อดัง (ที่เหล่าสาวกน่าจะรู้จักดี 😛 ) ของค่ายผลไม้ในยุคหนึ่งว่ามีส่วนในการทำแบรนด์นี้ด้วยกัน โดยมุ่งตีตลาดเอเชียตะวันออกกลาง หรือถิ่นอาหรับนั่นเอง ส่วนอนาคตใน SEA ก็คงต้องรอดูกันต่อไปค่ะ

ทำความรู้จักกับแบรนด์กันมาพอสมควรแล้ว คราวนี้เรามาเข้าเรื่องของเจ้า obi worldphone SF1 กันเลยดีกว่า เริ่มจากการทวนสเปคแล้วต่อด้วยรีวิวประสบการณ์การใช้งานแบบ non-stop กันเลยค่า  

ตัวเครื่องด้านหน้า

สเปค obi worldphone SF1

  • Android OS 5.0.2 (Lollipop) + obi Lifespeed UI
  • หน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920×1080 พิกเซล (~443 ppi)
  • CPU : Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615 Octa core 1.5 GHz, 64-bit
  • GPU : Adreno 405  
  • RAM DDR3 2 GB
  • หน่วยความจำภายใน 16GB + รองรับ microSD สูงสุด 64GB
  • กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล + f/2.0 + Autofocus + LED Flash
  • กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล + LED Flash
  • แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh + รองรับ Quick Charge 1.0
  • 2 ซิม Hybrid (microSIM + nanoSIM)
  • รองรับ 2G, 3G, 4G LTE
  • สัดส่วน 146 x 74 x 8 มม., น้ำหนัก 147 กรัม

ตัวเครื่องด้านหลัง

วัสดุและการดีไซน์

แรกพบสบตาหลังจากพิจารณาไป 3 วิ เรียกได้ว่า obi worldphone SF1 นี้แปลกตั้งแต่กล่องไปจนถึงตัวเครื่องเลยทีเดียว อย่างที่เห็นเลยก็คือดีไซน์ของเขาจะเหมือนร่าง iPhone ที่ถูกฝังลงไปบน Nokia Lumia แต่ก็ฝังไม่สุดเพราะหน้าจอน้องนางแอบโผล่ขึ้นมาเล็กน้อยดูแล้วแปลกๆ แต่ก็สวยไปอีกแบบเหมือนกัน คิดว่าคำว่าสวยแปลกนี่อาจจะเหมาะสมที่สุด

วัสดุของเครื่องเป็น fiber glass ลื่นๆ เสียวหลุดมือไปหน่อย และจะมีค่อนข้างดูดรอยนิ้วมือหรืออะไรก็แล้วแต่ และเช็ดออกค่อนข้างยาก แนะนำให้ใส่เคสเอาไว้ ไม่งั้นฝาหลังอาจจะดูเขรอะๆ มอมๆ ได้นะคะ

หน้าจอ

ดีไซน์หน้าจอของ obi worldphone SF1 คล้ายเป็นแฝดคนละฝาของ iPhone ตัวเครื่องค่อนข้างใหญ่ทำให้เทอะทะไปนิดสำหรับผู้หญิงร่างบางแบบหนู แต่สำหรับผู้ชายที่มือใหญ่หน่อยน่าจะโอเคกว่า และการที่หน้าจอไม่ฝังลงไปหมดก็ทำให้เวลาถือรู้สึกจึ๊กกระดึ๋ยตอนจับไปโดนขอบจอ และบาดหูเบาๆ เวลาแนบเข้าไปตอนคุยโทรศัพท์

สีสันของหน้าจอ ก็ทำมาได้ค่อนข้างสวยงาม สีสดจี๊ดจ๊าดมาก สีดำก็แบบดำสนิท ดูเผินๆอย่างกะเป็นจอ AMOLED ใครที่ชอบสไตล์นี้ก็น่าพิจารณา ส่วนเรื่องความละเอียด full HD มีเกินพอให้มองที่ระยะปกติไม่เห็นพิกเซลละค่ะ

ส่วนเรื่องการใช้งานกลางแดด ตัวจอจะไม่สู้แสงเท่าไหร่ เดินเล่นแดดจ้าๆแล้วต้องมีเพ่ง บวกกับจอก็ติดรอยนิ้วมือง่าย ทำให้มองไม่ค่อยชัด ถ้าหาฟิล์มกันรอยแบบลดรอยนิ้วมือมาติดเสริมได้ ก็น่าจะโอเคขึ้นมาก

ลำโพง

ลำโพงของ obi worldphone SF1 มีถึง 14 ระดับ แต่ฟังเพลงแล้วได้ยินจริงๆ แบบไม่ต้องเงี่ยหูฟังนี่ คงต้องปรับไปที่ระดับ 5-6 ส่วนระดับเบากว่านี้ลองเอาหูแนบกับลำโพงเราก็จะได้ยินเสียงซ่าๆคล้ายกับช่องทีวีที่ไม่มีสัญญาณยังไงอย่างงั้นเลยล่ะ แต่บทจะดังก็ดังได้แบบหูแตกดี ห้องเงียบๆ แล้วเผลอเปิด the voice เอาเพลงพี่ไก่ อัญชุลีขึ้นมาก็คงมีตกใจ หันกันมาหมด แต่ก็มีเสียวว่าลำโพงจะแตกตามไปด้วย เพราะมีเสียงปรุๆ หลือบๆ ออกมานั่นเอง

Storage + RAM

เนื่องจากเครื่องทดสอบมีหน่วยความจำภายใน 32GB และ RAM 3GB ซึ่งมากกว่า จึงอาจจะทำให้การใช้งานลื่นไหลมากกว่า ก็จะเห็นได้ว่าระบบได้ดึงไปใช้แล้วประมาณ 7 GB ทำให้เหลือพื้นที่ให้ใช้จริงๆ 25GB กว่าๆ แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะใช้งานไม่พอ เพราะสามารถเพิ่ม microSD card ได้อีก 64 GB สำหรับเครื่องที่นำมาขายจริงจะได้ RAM 2GB และหน่วยความจำภายใน 16GB ส่วนตัวคิดว่าน่าจะไม่ทิ้งห่างกันมากเท่าไหร่ แต่ก็ต้องรอดูกันอีกทีค่ะ

การใช้งานทั่วไป – แบตเตอรี่

ระบบทัชสกรีนของ obi worldphone SF1 ใช้งานได้ไม่ค่อยติดขัด มีอาการกระตุกหลุดมาเป็นพักๆ การใช้งานพื้นฐานเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการโทรเข้า-ออก การถ่ายรูป การเล่นเกมก็ใช้ได้ปกติ ซึ่งเกมที่เราใช้ทดสอบคือ Asphalt 8 ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช้ได้ถึกอึดทนตามสภาพความจุ เสียดายที่เครื่องร้อนไวมาก ยังไม่ทันทำอะไรมาก นางก็ร้อนแล้วจ้า

UI

Smart Function

Smart Function เข้ามาช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น แต่ต้องฝึกใช้กันนิดนึงนะคะ แรกๆ อาจจะเจอปัญหาสั่งการไม่ค่อยจะไปเท่าไหร่ ต้องใช้จนคุ้นชินก่อน ถึงจะเริ่มใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว ส่วนว่าทำอะไรได้บ้างมาดูกันค่ะ

  • Pick-up Call : แค่เลือกเบอร์ผู้โทรในหน้า Contact ก็เอาเครื่องมาแนบหูโดยไม่ต้องกดโทรออก เครื่องก็จะโทรให้เลยอัตโนมัติ
  • Flip mute : ถ้ามีคนโทรมาแค่พลิกคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ก็เปลี่ยนเป็นแบบเงียบทันที
  • Flip speaker : หากรับสายแล้ว ต้องการเปิดลำโพงก็แค่พลิกคว่ำหน้าจอลง
  • Snap page/photo : ปัดมือขึ้นไปเหนือ P-sensor เพื่อจับภาพหรือรูปภาพเมื่อต้องการ
  • Enable bottom notification : การเปิดใช้งานการแจ้งเตือนที่ด้านล่างของจอ
กล้อง

obi worldphone SF1  มาพร้อมกล้องหลัง 13MP ซึ่งถือว่าใช้ได้ดีเลยทีเดียว ภาพคมชัด สีสันสวยงามตามจริง ไม่โอเวอร์ มี Pro Mode ให้ปรับเองตามใจชอบ ติดอย่างนึงคือโฟกัสช้าไปนิด ส่วนกล้องหลังกับราคานี้สามผ่านไปเลยค่าาา แต่ช้าก่อน! เรายังไม่ได้พูดถึงกล้องหน้าใช่ไหมล่ะ หึหึหึ สามหึเช่นเดียวกัน จะบอกว่ากล้องมันชัดก็ใช่ แต่ว่าชัดเพราะว่ามีการดึง Sharpening ขึ้นไปหนักมาก จนทำให้ทุกรูขุมขนยังชัดตามไปด้วย งานนี้สาวๆน่าจะขอไม่สู้ค่ะบอกเลย เซลฟี่ปุ้บนี่กลัวตัวเองเลย โหมด beautify แห่งความฟรุ้งฟรุ้งในชีวิตที่ควรจะมีก็ไม่มี ร้องไห้หนักมาก ก็จะเข้าใจว่าอาจเป็นที่หน้าเราเอง อันนี้ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ (YY) ใครมั่นหน้าคิดว่าเป๊ะจริงแนะนำให้ลองค่ะ

flash / low light

landscape

normal mode

normal mode

food

selfie

จุดเด่น

  • กล้องหลังค่อนข้างใช้ได้
  • ลำโพงดัง จะดูหนัง จะฟังเพลงได้หมด

จุดด้อย

  • เครื่องร้อนไว
  • จับไม่ค่อยถนัด
  • smart function ไม่ค่อยตอบสนอง

สรุป

จากที่ทดลองใช้เจ้า obi worldphone SF1 มาระยะหนึ่งก็รู้สึกเรื่อยๆ เฉยๆ ไม่ได้หวือหวาอะไรมากนัก จะดูดีสุดคงเป็นเรื่องกล้องหลัง แต่ก็ไม่ไม่ปลื้มกล้องหน้าเช่นเดียวกัน เหล่าผู้ที่เซลฟี่แอดดิกนี่ขอไม่แนะนำนะคะ ส่วนการใช้งานอื่นๆก็ปกติ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ สุดท้ายนี้ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล ใครสนใจอยากลองก็สามารถหาซื้อมาใช้กันได้ ส่วนวันนี้ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ ใครสนใจอยากจะไปซื้อมาลองใช้ดูก็ไปกดกันได้บน Lazada เลยค่ะ เค้าทำ Exclusive Sale เฉพาะบนนั้นอยู่ค่ะ

พบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ บ๊ายบายยยย