แม้ว่าจะเข้าสู่เดือนธันวาคมซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปีที่หลายๆ คนก็เตรียมเก็บกระเป๋ามาร์กวันลาไปพักผ่อนกันแล้ว แต่ศึกสงครามของเหล่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนนั้นยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด อย่างตอนนี้ในประเทศไทยเองก็มีแบรนด์น้องใหม่จากสหรัฐอเมริกา (แต่ยังไม่ขายในอเมริกานะ :P) อย่าง obi worldphone ส่ง SF1 สมาร์ทโฟนเน้นความแตกต่างทางด้านการดีไซน์ มาพร้อมกับสเปคกลางๆ ในราคา 7,290 บาท

วันนี้เราก็จะมาแกะกล่องพรีวิว obi worldphone SF1 ซึ่งแน่นอนว่าครั้งแรกที่เห็นก็สะดุดทันที ด้วยรูปทรงของกล่องที่ค่อนข้างแปลกตา เห็นแล้วนึกถึงตู้กดลูกอมสมัยก่อน แต่ก็ต้องขอชมนะคะว่ากล้าที่จะแตกต่างดีจริงๆ ค่ะ หนูนี่อยากจะรีบแกะเลย แต่ก่อนจะดูว่าข้างในมันมีอะไร เรามาทวนสเปคของเจ้า obi worldphone SF1 กันก่อนดีกว่า

สเปค obi worldphone SF1

  • Android OS 5.0.2 (Lollipop) + obi Lifespeed UI
  • หน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920×1080 พิกเซล (~443 ppi) 
  • CPU : Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615 Octa core 1.5 GHz, 64-bit
  • GPU : Adreno 405  
  • RAM DDR3 2 GB 
  • หน่วยความจำภายใน 16GB + รองรับ microSD สูงสุด 64GB
  • กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล + f/2.0 + Autofocus + LED Flash 
  • กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล + LED Flash
  • แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh + รองรับ Quick Charge 1.0
  • 2 ซิม Hybrid (microSIM + nanoSIM)
  • รองรับ 2G, 3G, 4G LTE 
  • สัดส่วน 146 x 74 x 8 มม., น้ำหนัก 147 กรัม

จากสเปคที่ให้มาทั้งหมดก็ถือว่าระดับกลางๆ ยังไม่ได้เจออะไรที่เห็นแล้วรู้สึกพิเศษ แต่ยังไม่ตัดสินนะคะว่าน่าใช้หรือเปล่า ของอย่างนี้ต้องใช้ระยเวลาพิสูจน์เนาะ เอาล่ะค่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่าข้างในกระสวยอวกาศ เอ้ยยย กล่องของเจ้า obi worldphone SF1 นั้นจะมีอะไรบ้าง

เปิดกล่องออกมาก็จะมีตัวเครื่องบรรจุในหีบห่อพลาสติกสีขาวใส ถัดมาเป็นคู่มือ + กระดาษแข็งซึ่งมีเข็มจิ้มซิมเสียบอยู่อย่างน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม นอกจากนี้ก็มีสายชาร์จกับ Adapter มาให้ #จบข่าว แต่อันนี้ต้องบอกว่าเครื่องรีวิวเป็นเครื่องนอกนะคะ ดังนั้นก็ไม่แน่ใจว่าเครื่องไทยจะให้อะไรมาเพิ่มเติมจากนี้หรือเปล่า (._.^) 

เมื่อหยิบออกจากหีบห่อจัดการเปิดเครื่องปุ๊บปั๊บก็จะเจอหน้าตา obi Lifespeed UI แบบนี้ ซึ่งความรู้สึกแรกจับก็ขอเรียนตามตรงว่าจับไม่ค่อยถนัดค่ะ เพราะตัวเครื่องด้านนอกที่เป็นกรอบโลหะกับส่วนกระจก Gorilla Glass 4 ที่ติดทับหน้าจอนั้นมันปูดออกมาเลยเหลือพื้นที่เป็นร่องเล็กๆ ทำให้มันรู้สึกไม่เป็นชิ้นเดียวกัน ส่วนขนาดก็กำลังพอดีมือชะนี เอ้ย สตรีบอบบางอย่างเราเลยค่ะ และน้ำหนักก็ค่อนข้างเบาเพราะตัวเครื่องส่วนใหญ่ใช้ Fiberglass ถือว่าโอเคอยู่

หน้าตา icon ต่างๆ จาก Custom UI ของ obi หรือ obi Lifespeed UI  นั้นก็ไม่ค่อยแตกต่างจากของ Google เท่าไหร่นัก

ด้านหลังตัวเครื่องเป็นผิวเรียบๆ ผิวสัมผัสจะสากเล็กน้อยและไม่ลื่น ข้อดีคือจับสะดวกและไม่ติดรอยนิ้วมือค่ะ พูดถึงเรื่องการออกแบบก็เน้นความเรียบตามพิมพ์นิยม

จำที่บอกว่ามันจะมีร่องที่กระจกปูดขึ้นมาจากขอบได้มั๊ยคะ พอจับตะแคงข้างนี่เห็นชัดเลย นี่ล่ะที่ทำให้จับไม่ถนัด (._.^) ด้านข้างขอบจะมนกลม มีปุ่ม Power และ ปุ่มเพิ่ม – ลดเสียง ซึ่งทั้งสองปุ่มก็หลวมนิดหน่อย แต่ไม่ก๊อกแก๊กมากนะคะ ใช้ได้อยู่ ชอบตรงที่ดีไซน์ปุ่มให้กลมมนดูเนียนกับขอบข้างๆ

ส่วนอีกด้านจะเป็นถาดใส่ซิมแบบ Hybrid สามารถใส่ซิมได้ 2 ซิม หรือจะใส่ 1 ซิมแล้วเก็บอีกช่องไว้ใส่ microSD ก็ได้ค่ะ

ด้างล่างตัวเครื่องเป็นช่องเสียบ USB 2.0 + ช่องลำโพง + ช่อง microphone ที่ซุกซ่อนอยู่ในรูกลมๆ นั่นเอง

ด้านบนเครื่องมีช่องไมค์ตัดเสียง + ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

หน้าตาของการใช้งานกล้องหลังที่ได้สเปคความละเอียดมา 13 ล้านพิกเซล + Autofocus + LED Flash ซึ่งเดี๋ยวเราจะแคปให้ดูแบบละเอียดอีกรอบตอนรีวิวแบบเต็มๆ นะคะ

ส่วนกล้องหน้าเขาก็ให้มาไม่ได้ขี้เหร่ สเปคความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับแฟลชกล้องหน้า แต่คิดว่าสาวๆ คงจะไม่ค่อย Happy เท่าไหร่ เพราะไม่มีโหมด Beauty และภาพค่อนข้างจะจริงไปหน่อย เอาเป็นว่าเรามีตัวอย่างภาพให้ดูด้านล่างนะคะ เชิญรับชมได้เลย

 

ตัวอย่างภาพจาก obi worldphone SF1

 

 

obi worldphone SF1 จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ผ่านทางเว็บไซต์ Lazada ในราคา 7,290 บาท (กดดูรายละเอียดเพิ่มเติม) สุดท้ายก็ขอจบการ Unbox แกะกล่องพรีวิว obi worldphone SF1 น้องใหม่ในวงการสมาร์ทโฟนระดับกลางของประเทศไทยไว้แต่เพียงเท่านี้ และฝากติดตามรีวิวฉบับเต็มเร็วๆ นี้ค่าา 😀

 

 

**บอกไว้ก่อน** ลิงก์ไป Lazada ข้างต้น ไม่ใช่ลิงก์ affiliate นะคะ แต่เป็นตัวที่ทาง Lazada ฝากมาใส่เพื่อเก็บข้อมูลเท่านั้น เพื่อนๆ จะกดไปซื้อหรือไม่ซื้อก็เชิญตามสะดวก ทางเราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียค่า~