ในช่วง 2 – 3 ปีมานี้หูฟังไร้สายเริ่มได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก (น่าจะเพราะมือถือหลายรุ่นเริ่มตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ออก) ทำให้แต่ละแบรนด์ต่างก็เริ่มเข้าสู่ตลาดหูฟังไร้สายกันมากขึ้น รวมถึงแบรนด์มือถืออย่าง OPPO ด้วยเช่นกัน วันนี้ DroidSans จะมารีวิว OPPO Enco X ให้ดูกันครับว่าหูฟังไร้สายราคา 5,999 บาท จะมีสเปค + ฟีเจอร์เหมาะสมกับค่าตัวขนาดไหน
สเปค OPPO Enco X
ขนาดไดรเวอร์ | 11 มม. dynamic driver (ขับย่านกลาง/ต่ำ) + 6 มม. balanced membrane driver (ขับย่านสูง) |
ย่านความถี่ | 20Hz ~ 20kHz |
ฟอร์แมตเสียงที่ซัพพอร์ต | SBC, AAC, LHDC |
Active Noise Cancelation (ระบบตัดเสียงรบกวน) | ✔️ |
Ambient Sound Mode (ระบบเร่งเสียงภายนอก) | ✔️ |
แบตเตอรี่ | ใช้งานต่อเนื่องได้ 4 ชั่วโมง/ชาร์จหนึ่งครั้ง และรวมเป็น 20 ชั่วโมงเมื่อรวมกับการชาร์จผ่านเคส (เปิด ANC) แบตเตอรี่ ใช้งานต่อเนื่องได้ 5.5 ชั่วโมง/ชาร์จหนึ่งครั้ง และรวมเป็น 25 ชั่วโมงเมื่อรวมกับการชาร์จผ่านเคส (ไม่เปิด ANC) |
ระบบชาร์จไฟ | USB-C / Wireless |
Bluetooth | 5.2 |
ระยะการเชื่อมต่อ | 10 เมตร |
น้ำหนัก | ตัวหูฟัง 4.8g(±0.2g เคส 42.5(±0.5g) |
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น | IP54 |
ของในกล่อง
- หูฟังพร้อมเคสชาร์จ
- สาย USB-C
- จุกหูฟัง 3 ขนาด
- คู่มือ
ดีไซน์พรีเมี่ยม สวมใส่สบาย
ตัวหูฟัง OPPO Enco X เป็นรูปแบบ In-ear ที่มีดีไซน์แบบพิมพ์นิยม คือมีก้านห้อยลงมาด้านล่างสำหรับใช้ควบคุมการทำงานต่าง ๆ ด้วยระบบสัมผัส โดยแถบก้านด้านนอกดูเหมือนจะใช้วัสดุประกอบคนละแบบกับส่วนอื่น ๆ จุกหูฟังใส่ง่ายไม่เจ็บหูแม้จะเสียบไว้เป็นเวลานาน มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบาเพียง 4.8 กรัม พกพาง่าย
OPPO Enco X มาพร้อมกับเคสรูปร่างกลม ๆ มน ๆ มีขนาดเล็กน้ำหนักเบาพกพาสะดวก มีจุดไฟ LED เล็ก ๆ เพื่อแสดงผลการเชื่อมต่อ และสถานะแบตเตอรี่อยู่ที่ด้านหน้า บริเวณขอบโค้ง ๆ ของตัวเคสก็จะมีเป็นวัสดุเหมือนเป็นโลหะคลุมรอบ ๆ ให้ความรู้สึกการจับถือพรีเมียมขึ้น ถัดมาด้านล่างจะเป็นช่องชาร์จ USB-C พร้อมปุ่ม Pairing ที่อยู่ข้างขวาเอาไว้สำหรับเชื่อมต่อกับมือถือ
ถัดมาด้านหลังตรงฝาพับจะเห็น เป็นตรา Co-created with Dynaudio ที่ทาง OPPO ได้เข้าไปร่วมมือกับแบรนด์เครื่องเสียงระดับโลกอย่าง Dynaudio มาช่วยจูนเพื่อให้ได้เสียงคุณภาพระดับ Hi-Fi ได้เนื้อเสียงรู้สึกพรีเมียมไม่เหมือนใคร
คุณภาพเสียง
OPPO Enco X มี Driver เสียงแบบ Coaxial Dual-Driver (วางไดรเวอร์ 2 ตัว) ประกอบไปด้วย Balanced Membrane Driver ขนาด 6 มม. เป็นตัวขับเสียงย่านสูงที่ให้รายละเอียดครบถ้วน คู่กับ Dynamic Driver ขนาด 11 มม. เพื่อขับเสียงย่านเบส และกลาง แถมยังได้ Dynaudio เข้ามาช่วยจูนเสียง และออกแบบ Acoustic Chamber ทำให้เนื้อเสียงโดยรวมของ OPPO Enco X มีความสมบูรณ์แบบ คุณภาพเยี่ยมระดับใกล้เคียงหูฟังระดับ Audiophile เลยทีเดียว
แต่ด้วยความที่ OPPO Enco X ถูกออกแบบมาเพื่อให้คนทั่วไปใช้งาน ตัวหูฟังยังคงถูกจูนเสียงให้ฟังง่าย โดยเน้นเบสย่านต่ำมาก ๆ เช่น เบสพวกกระเดื่อง, Kick,หรือ Sub-bass จะมาเยอะ และให้ความรู้สึกที่ Deep มีอิมแพค แต่ถ้าเป็นกลองที่มีความถี่สูงขึ้นมาหน่อย จะไม่ค่อยจัดจ้าน ทำให้ผู้ฟังสามารถแยกเสียงเบสออกจากกันได้ อาจจะมีความอื้ออึงบ้างบางเพลงเพราะเป็นเบสที่เก็บตัวช้า ส่วนเสียงกลางมีรายละเอียดดี ไม่ได้ถูกปรุงแต่ง อยู่ในจุดที่ควรจะเป็น ไม่เด่นหรือดังเกินไป และไม่กลืนไปกับเนื้อเสียงอื่น ๆ
เสียงสูงเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะใช้ Balanced Membrane Driver ในการขับเสียงสูง ทำให้เสียง Treble มีความโดดเด่น มีรายละเอียด เป็นเสียงสูงที่ไม่เสียดหู Imaging ดี จะสังเกตได้ชัดเจน ถ้าฟังเพลง Acoustic ที่มี Guitar เพราะเสียงที่ขับออกมา จะเอาเสียงของนิ้วตอนเสียด ๆ กับกีต้าร์ติดเข้ามาด้วย แต่ถ้าฟังนาน ๆ ด้วยความที่เสียงสูงเด่น เวลาเปิดเสียงดังมาก ๆ จะให้ความรู้สึกที่แห้งไปบ้าง ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบของผู้ฟังครับ
ฟีเจอร์
Ambient Sound รับเสียงภายนอกโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก
OPPO Enco X มากับโหมด Ambient Sound ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ยินเสียงรอบข้างได้โดยไม่ต้องถอดหูฟังออก ให้ความรู้สึกเหมือนใส่หูฟังระบบเปิดเลย มีความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติไม่ได้เร่งเสียงรอบข้างให้ดังกว่าเดิมแต่อย่างใด แต่จะมีจุดสังเกตตรงที่เมื่อใส่หน้ากากอนามัย เวลาลมหายใจลอดออกจากหน้ากากมากระทบกับหูฟัง จะทำให้เราได้ยินเสียงเหมือนคนเป่าไมค์ได้ครับ
Active Noise Cancellation ระบบตัดเสียงรบกวน
ถัดมาในเรื่องของฟีเจอร์เสียง OPPO Enco X ก็ให้มาครบครันมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบตัดเสียงรบกวน ANC (Active Noise Cancelling) ที่จะใช้ไมค์ 2 ตัวที่อยู่บนหูฟังเพื่อจับเสียงและลบเสียงรบกวนนั้นทิ้งไป มีให้เลือก 2 ระดับ คือเป็นตัดเสียงปกติ Noise Cancellation และตัดเสียงขั้นสุด Max Noise Cancellation จากการทดลองพบว่าสามารถตัดเสียง White Noise ได้ดีมาก ๆ พวกเสียงแอร์ หรือเสียงรบกวนอื่น ๆ ที่เป็นเสียงในย่านเดียวกัน คือลบหายเกือบหมดจดเลย โดยเราได้ทดสอบในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่พบเจอได้ในชีวิตประจำวัน
- รถไฟฟ้า – เสียงรถไฟฟ้าจะประกอบไปด้วยเสียงอื้ออึงจาก แอร์ไปจนถึงเสียงรางรถไฟ ซึ่งระบบ ANC ทำได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว แต่เสียงจำพวกคนคุย หรือเสียงประกาศก็ยังพอเข้ามาบ้าง ถ้าเปิดเพลงคลอไปด้วยต้องบอกเลยว่าแทบไม่ได้ยินเสียงด้านนอกเลยครับ
- รถเมล์ – ต่างกับรถไฟฟ้าหน่อยตรงที่รถเมล์ถ้าไม่มีแอร์ จะมีเสียงลมกับเสียงการจราจรค่อนข้างมาก ซึ่งเสียงพวกนี้ก็ไม่ใช่จุดเด่นของการตัดเสียงรบกวนด้วย ANC อยู่แล้ว แต่การเปิดใช้งาน ANC ก็ช่วยให้เสียงเงียบขึ้นกว่าปกติมาก ๆ
- เดินริมถนน – เสียงรถผ่านไปมามีความเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เสียงจำพวกแตรรถ หรือมอเตอร์ไซค์ท่อดัง ๆ ก็ยังสามารถเข้ามาได้บ้าง
- เดินในห้าง – ห้างประกอบไปด้วยเสียงคนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเมื่อพูดพร้อมกันเยอะ ๆ จะกลายเป็นเสียงอื้ออึงที่ทำให้ ANC ช่วยตัดเสียงเหล่านั้นออกไปได้เยอะพอสมควรเลย ยิ่งเปิดเพลงไปด้วยก็คือไม่ได้ยินอะไรเลยครับ
ทั้งหมดทั้งมวลที่บอกมาได้มีการทดสอบทั้งแบบเปิดเพลง และไม่เปิดเพลงในเวลาเดียวกัน แต่บอกเลยว่าในทุก ๆ สถานการณ์ ถ้าเปิดเพลงราว ๆ 70% คลอไปด้วยเสียงภายนอกจะเงียบมาก ๆ แทบไม่มีเสียงเล็ดรอดเข้ามาเลยครับ
Noise Cancellation และ Max Noise Cancellation มีความต่างกันเล็กน้อย ถ้าใครอยากได้เงียบมาก ๆ ก็เลือก Max ไปเลย แต่สำหรับโหมด Max ถ้าเปิดใช้งานแต่ไม่ได้เปิดเพลงฟังไปด้วยจะได้ยินเสียง Static เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้น่ารำคาญเท่าไหร่นัก
การเชื่อมต่อ
ตามสูตรเลยหูฟังที่ผลิตโดยแบรนด์มือถือมักจะใช้งานได้ดีกับมือถือของค่ายตัวเอง ซึ่ง OPPO Enco X ก็เหมาะกับการใช้งานร่วมกับมือถือ OPPO เป็นที่สุด เพราะเพียงแค่เปิดฝาขึ้นมา มือถือ OPPO ที่อยู่ใกล้ ๆ ก็จะแสดงเมนูขึ้นมาให้เชื่อมต่อทันที ไม่ต้องเข้าไปกด Pair ให้วุ่นวายครับ
ส่วนมือถือ Android ทั่ว ๆ ไปก็จะสามารถกดปุ่ม Pairing เพื่อเชื่อมต่อหูฟังตามปกติ แต่ถ้าต้องการใช้งานฟีเจอร์อื่น ๆ ให้สมบูรณ์ขึ้นจำเป็นต้องโหลดแอปพลิเคชั่น HeyMelody เพื่อมาปรับแต่งการควบคุม และอัปเดตเฟิร์มแวร์ด้วยนะ
OPPO Enco X มาพร้อมกับระบบเสียง DBEE 3.0 ช่วยให้สามารถใช้งาน CODEC เสียงความละเอียดสูงได้ (SBC, AAC, LHDC) แถมใช้งานเป็นระบบ Bluetooth 5.2 การเชื่อมต่อเสถียร ระยะสูงสุดถึง 10 เมตร (ในกรณีที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง)
แบตเตอรี่สูงสุด 5.5 ชม.
OPPO Enco X มีแบตเตอรี่ขนาด 44 mAh ในหูฟังทั้ง 2 ข้าง บวกกับในตัวเคสอีก 535 mAh ซึ่งสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 4 ชั่วโมง/ชาร์จหนึ่งครั้ง และเพิ่มเป็น 20 ชั่วโมงเมื่อชาร์จผ่านเคส (เปิดโหมด ANC) และหากปิดระบบ ANC จะใช้ได้ 5.5 ชั่วโมง/ชาร์จหนึ่งครั้ง และรวมเป็น 25 ขั่วโมงหากรวมการชาร์จจากเคส หากแบตหมดก็สามารถชาร์จผ่านสาย USB-C ได้ นอกจากนี้ยังรองรับชาร์จไร้สายผ่านแท่นชาร์จ หรือ Reverse Charge จากมือถือก็ได้เช่นเดียวกัน
การควบคุม
OPPO Enco X มีฟีเจอร์การควบคุมที่ครบครันผ่านแถบสัมผัสตรงก้านหูฟัง ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งการควบคุมเพลง หรือรับสาย โดยผู้ใช้งานก็สามารถเข้าไปปรับได้ที่แอป HeyMelody ส่วนผู้ใช้งานมือถือ OPPO ก็ไม่จำเป็นต้องโหลดแอป HeyMelody แต่สามารถไปปรับแต่งโดยตรงจากหน้า Settings ได้เลย ซึ่งมีคำสั่งรวม ๆ ดังนี้
- แตะ 2 ครั้ง – เล่น/หยุด เปลี่ยนเพลง สามารถเลือกได้ว่าข้างไหนจะทำอะไรได้ (ปรับแต่งผ่านแอป)
- แตะ 3 ครั้ง – เรียกผู้ช่วยอัจฉริยะ
- สไลด์ขึ้น หรือลง – สามารถเอาไว้เพิ่มเสียงลดเสียงได้ หรือจะสลับให้ข้างใดข้างหนึ่งเป็นเปลี่ยนเพลงก็ทำได้เช่นเดียวกัน
- แตะค้างไว้ (1 วินาที) เปลื่ยนโปรไฟล์ตัดเสียงรบกวน
- แตะค้างไว้ (3 วินาที) – สลับไปเชื่อมต่ออีกอุปกรณ์ที่เคยเชื่อมต่อไว้ล่าสุด
**OPPO คิดมาดีแล้วที่ไม่ใส่คำสั่งแตะ 1 ครั้งมาด้วย เพราะเวลาใส่ หรือปรับหูฟังมีโอกาสพลาดไปเล่นหรือหยุดเพลงได้
กันน้ำกันฝุ่น IP54
OPPO Enco X เป็นหูฟังที่ได้รับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP54 ทำให้สามารถใช้ใส่ออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องกลัวว่าเหงื่อจะเข้าเครื่อง หรือวิ่งมาเหนื่อย ๆ อยากเอาน้ำราดหัวก็ทำได้เลยไม่ต้องถอดหูฟังออกก่อน และหากต้องการวิ่งออกกำลังกลางสายฝนก็ทำได้เช่นกัน (แต่ระวังลื่นล้มนะครับ)
สรุป
OPPO Enco X ได้ทำสินค้าที่เหนือความคาดหมายมาอีกครั้งในตลาดที่เต็มไปด้วยคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น Huawei Free Buds Pro, Galaxy Buds Pro หรือ AirPods Pro ซึ่ง OPPO สร้างความโดดเด่นให้กับตนเองด้วยการออกแบบตัวหูฟังให้มีความเรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพ มาพร้อมเนื้อเสียงที่โดดเด่นไปด้วยรายละเอียด และสีสัน เหมาะกับการฟังเพลงทุกรูปแบบ สำหรับใครที่กำลังหาหูฟังไร้สายเสียงเทพระดับ Audiophile ที่มีฟีเจอร์ครบ ๆ ล่ะก็ สามารถไปลองฟัง OPPO Enco X ได้ที่ช็อป OPPO หรือร้านตัวแทนจำหน่ายกันได้เลยครับ
มะไหร่ TWS จะไปไกลกว่า 20Hz – 20,000Hz นะ ติดที่เพราะเป็นไร้สายจริง แต่ต่อให้ย่านเสียงกว้างกว่านี้ก็ไม่ได้ยินอยู่ดี 555 ประเด็นคือเห็นค้างอยู่ย่านนี้มาหลายปีแล้วครับ คงต้องรอ Bluetooth 6.0 ละมั้งครับ
จริง ๆ แล้วหูคนเราก็ไม่สามารถได้ยินเกิน 20,000Hz นะครับ บางคนก็เริ่มไม่ได้ยินตั้งแต่ 18,000 แล้ว ส่วนตัวคิดว่ามันเป็นแค่ตัวเลขสเปคมากกว่า สิ่งที่สำคัญน่าจะเป็น Sound Signature ที่ชอบ กับความสามารถในขับเสียงย่านต่าง ๆ ได้แม่นยำมากกว่าครับ แต่ถ้ามีเกิน 20,000Hz มาใช้ฟังกับไฟล์ Hi-res ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะครับ 🤣
ใช่เลยค้าบบบ