ภายในงาน MWC Shanghai แบรนด์มือถือยอดนิยมอย่าง OPPO ได้เปิดตัวเทคโนโลยี Under-screen Camera (USC) หรือการซ่อนกล้องเซลฟี่เอาไว้ใต้กระจกหน้าจอให้ได้ฮือฮาไปทีนึงแล้ว.. แต่ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะ OPPO ยังมีเทคโนโลยี Mesh Talk ที่จะทำให้มือถือตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป สามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องพึ่งบริการเครือข่าย, WiFi หรือ Bluetooth เลยด้วย
ลองคิดเล่นๆ ดูว่า วันนึงเราไปเที่ยวในสถานที่ที่มีคนเยอะแยะ ซอกซอยยุ่บยั่บ แล้วดันเกิดหลงกับเพื่อน หรือหลงกับแฟน พอจะโทรหาดันลืมเติมเงิน แถมแถวนั้นก็ไม่มี WiFi ให้ใช้อีก.. ปัญหานี้จะกลายเป็นเรื่องขี้ผงไปเลย ถ้ามือถือของเรามีเทคโนโลยีอย่าง Mesh Talk อยู่ด้วย เพราะ Mesh Talk เป็นเทคโนโลยีสื่อสารที่เรียกว่า Proprietary Decentralized Communication ที่จะทำให้เราสามารถส่งข้อความเสียง และโทรคุยกันได้แบบ Real Time ระหว่างมือถือ OPPO ที่อยู่ในระยะ 3 กม. โดยไม่ต้องพึ่งสัญญาณเครือข่าย, WiFi หรือ Bluetooth เลย
Mesh Talk ยังสามารถต่อเครือข่ายไร้สายแบบเครื่องต่อเครื่อง เพื่อส่งข้อความแบบกลุ่ม และขยายช่วงการสื่อสารผ่าน Signal Relay ได้อีก แถมยังรองรับการสื่อสารแบบ LAN ได้ทุกที่ที่มีอุปกรณ์ OPPO อยู่ในระยะสัญญาณด้วย
นอกจากนี้ Mesh Talk ยังเป็นเทคโนโลยีที่กินไฟน้อยมากๆ อยู่แล้ว แต่ OPPO ยังได้พยายามพัฒนาชิปเซ็ตเพื่อการสื่อสารเพิ่มเติมให้ระบบนี้ใช้พลังงานน้อยลงไปอีก โดยสามารถสแตนด์บายได้ถึง 72 ชม. ในระหว่างที่ Mesh Talk เปิดใช้งานอยู่ รวมถึงยังเพิ่มระยะทางในการสื่อสารให้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะเหมาะมากๆ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างเช่นเวลาเกิดภัยพิบัติต่างๆ จนเครือข่ายล่ม และไม่สามารถติดต่อกันผ่านทางระบบอื่นๆ ได้เลย
ถือว่า Mesh Talk เป็นเทคโนโลยีที่เรียกว่ามีประโยชน์จริงๆ ไม่ใช่แค่กิมมิคที่ใส่เข้ามาให้มือถือดูล้ำขึ้นเฉยๆ เท่านั้น แต่ยังไม่รู้ว่า OPPO เตรียมพร้อมที่จะใส่ Mesh Talk มาให้กับมือถือรุ่นไหนเป็นรุ่นแรกกันแน่.. ก็ต้องรอดูกันต่อไป
อันนี้ถามผู้รู้หน่อยว่าตามหลักกฎหมายเรื่องคลื่นความถี่นี่ถือว่าถูกกฎหมายหรือเปล่าครับ
.
หลักการมันคล้าย walky talky เลยครับ
ต้องดูก่อนครับว่ามันใช้คลื่นย่านไหนรับส่ง เพราะในข่าวไม่ได้แจ้งไว้
แต่ถึงใช้คลื่นย่านเดียวกันพวก ว. ก็สามารถขออนุญาตใช้ได้ เพราะยังไงก่อนขายก็ต้องส่ง กสทช เพื่อขออนุญาตก่อนอยู่ดี ก็ขอมันทุกคลื่นๆ พร้อมกันไปนั้นแหละครับ
ปัญหาจะเกิดก็ต่อเมื่อคลื่นที่ใช้ ไม่ใช่ย่านที่อนุญาตให้ใช้ได้ในประเทศไทยนั่นแหละ หรือดันเป็นย่านที่ไปทับที่ใบอนุญาตคนอื่นเขา
อันนี้เวิร์คมากสำหรับนักเดินทาง
คนเดินทางบ่อยๆจะเข้าใจครับว่า การทำชีวิตให้ออฟไลน์ได้
คือความรอบคอบอย่างนึงเลย
หากสื่อสารได้จริง ไม่ว่าจะอยู่ในคลื่นความถี่เท่าไรก้อตาม ต้องขอนุญาตจาก กสทช และต้องตรวจสอบผู้ซื้อแล้วหละ เพราะระยะ 3 กม ทำอะไรผิดกฎหมายสบาย
งั้นตร.คงต้องซื้อกันยกกรมเลยสิ จะได้ดักจับคนที่จะทำผิดกม.
ไอเดียเข้าท่าเลยนะ แต่ไม่รู้จะจัดการย่านความถี่ยังไง จำได้ว่าคลื่นของวิทยุ เขาแบ่งย่านไว้นั่นแหละ แต่ต้องขอนุญาติก่อนทุกคนที่ใช้ (จำได้ลางๆ)
แลดูอาจจะต้องขออนุญาติก่อน 🙂 🙂
ออกทริป เดินทางสบายเลยอย่างนี้
ถ้าทำออกมาได้จริง ยอดขายนี่ตรึมแน่ๆ