ความคืบหน้ากรณี กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคได้เชิญ Sony เข้าร่วมประชุมฯ เกี่ยวกับประที่ถูกร้องเรียนเรื่อง “ลูกค้าไม่สามารถสั่งจองเครื่องเกมคอนโซล PlayStation 5 ได้” ล่าสุดพบว่า มีจดหมายตอบรับจากบริษัทฯ ที่ส่งกลับไปตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 แต่พึ่งถูกนำมาเผยแพร่ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 นี้ ซึ่งทาง DroidSans ได้สรุปรายละเอียดสำคัญต่าง ๆ ของเรื่องราวทั้งหมดมาให้เรียบร้อยแล้ว
การประชุมฯ ถูกเลื่อนไปสิ้นเดือน – Sony ไม่ทราบ จึงปฏิเสธเข้าร่วม
ในเบื้องต้น Sony ได้ปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วมประชุมของ กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 บริษัทฯ ได้มีนโยบายให้พนักงานทำงานจากที่บ้านอยู่ ประกอบกับได้รับหนังสือเชิญในระยะเวลาที่กระชั้นชิดเกินไป จึงไม่สะดวกเข้าร่วมประชุมในวันและเวลาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม วันและเวลาดังกล่าวที่ Sony เอ่ยถึง คือ วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.30 น. ตามกำหนดการนัดหมายเดิม แต่ทั้งนี้มีคำสั่งออกมาให้งดการประชุมรัฐสภา 2 สัปดาห์ และมีผลต่อ กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคด้วย โดยการประชุมฯ จะมีขึ้นอีกครั้งในวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2564 ซึ่งทาง สมเกียรติ ถนอมสินธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคก้าวไกล หรือ ส.ส.เป้ กล่าวว่า บริษัทฯ อาจยังไม่ทราบเรื่องเลื่อนการประชุมฯ ในขณะที่ส่งจดหมายมา
คำชี้แจงจาก Sony ประเด็น PS5 ขาดตลาดและพ่อค้ารีเซล
จดหมายจาก Sony มีการชี้แจงถึงประเด็นหลัก ๆ ใน 3 หัวข้อ คือ รายละเอียดการเปิดจอง ข้อมูลผู้สั่งจองในแต่ละรอบ และแนวทางแก้ไขปัญหา โดยมีใจความสำคัญ ดังนี้
- รายละเอียดการเปิดจอง
– Sony แจ้งว่า ใช้หลักการ มาก่อน-ได้ก่อน โดยอ้างอิงจากเวลายืนยันชำระเงินตามข้อมูลที่ปรากฏในระบบ
– บริษัทฯ ไม่ได้เป็นผู้ขาย PS5 แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ลูกค้าสามารถไปเลือกซื้อกับดีลเลอร์ต่าง ๆ ได้ตามสะดวก - ข้อมูลผู้สั่งจอง
– ลูกค้าทุกคนสามารถจอง PS5 ได้ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน ไม่มีแบ่งแยก ไม่มีเลือกปฏิบัติ
– ด้วยเหตุผลข้างต้น Sony จึงไม่อาจทราบได้ว่า ลูกค้าคนไหนซื้อ PS5 ไปเพื่อเล่นเกมจริง ๆ หรือเพื่อซื้อไปขายต่อ
– ข้อมูลผู้จอง PS5 เป็นข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า Sony ไม่สามารถเปิดเผยได้ - แนวทางแก้ไขปัญหา
– Sony จำกัดการซื้อ PS5 เอาไว้ที่ 1 คนต่อ 1 เครื่อง
– ลูกค้าคนไหนที่ต้องสงสัยว่า ใช้ช่องโหว่ของระบบแล้วสั่งซื้อ PS5 แบบผิดเงื่อนไข จะโดนบริษัทฯ ยกเลิกออร์เดอร์ แล้วคืนเงินให้ในภายหลัง
– บริษัทฯ จะพยายามอย่างเต็มที่ในการติดต่อประสานงานกับผู้ผลิต เพื่อนำเครื่อง PS5 เข้ามาวางขายในประเทศไทยให้ได้เยอะ ๆ
แม้จะไม่ได้พูดตรง ๆ แต่พอจะสรุปได้ว่า Sony ปฏิเสธข้อครหาเรื่องมีนายหน้าที่รู้กันกับบริษัทฯ กว้านซื้อ PS5 ไปเพื่อกักตุนแล้วปั่นราคา ส่วนที่ถูกกล่าวหาว่า ไม่พยายามทำอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น ดูจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะมีนโยบายจำกัดการซื้อ 1 คนต่อ 1 เครื่องแล้ว และการขายก็ทำถูกต้องตามเงื่อนไขที่ประกาศทุกอย่าง แต่ลูกค้าคนไหนซื้อแล้วเอาเครื่องเกมไปขายต่อ อันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ส.ส.เป้ ถามกลับ – Sony มีความจริงใจกับลูกค้าจริง ๆ หรือไม่
ในขณะที่ สมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ได้มีคอมเมนต์ตอบกลับไปยัง Sony ดังนี้
- Sony ไม่ได้ขาย PS5 แต่เพียงผู้เดียวตามที่แจ้งมาก็จริง แต่น่าจะเป็นผู้นำเข้ารายเดียวในประเทศไทย จึงน่าจะได้โควต้าสินค้ามากที่สุด แล้วค่อยกระจายสินค้าไปให้ดีลเลอร์รายย่อยอีกที
- บริษัทฯ ไม่ได้ชี้แจงถึงจำนวน PS5 ที่เปิดจองในแต่ละรอบตามที่มีการร้องขอ
- นโยบายจำกัดการซื้อ PS5 ที่ 1 คนต่อ 1 เครื่อง ยังไม่รัดกุมพอ แม้จะไม่มีข้อมูลว่า ใครซื้อไปเล่นหรือใครซื้อไปขายต่อในการสั่งซื้อรอบแรก ๆ จริง (ซึ่งไม่มีใครตำหนิในเรื่องนี้) แต่ครั้งต่อ ๆ ไปน่าจะมีข้อมูลในระบบแล้ว
- ไม่มีใครอยากรู้ข้อมูลส่วนตัวหรือขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า สิ่งที่อยากทราบคือจำนวนเครื่อง PS5 ที่เปิดจองในแต่ละรอบต่างหาก
- ลูกค้าที่ถูกยกเลิกออร์เดอร์ ได้รับเงินคืนจริง แต่ Sony ดำเนินการล่าช้า บางรายต้องรอนานถึง 2 – 3 เดือน
- พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่า วิกฤติเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลนนั้นใช่สาเหตุที่แท้จริงของปัญหาที่เกิดขึ้นหรือเปล่า เพราะ PS5 มียอดขายทั่วโลกตั้งแต่เปิดตัวปาเข้าไป 7.8 ล้านเครื่องแล้ว ในขณะที่ PS4 มียอดขายในปีงบประมาณที่ผ่านมาอยู่ที่ 5.7 ล้านเครื่อง (อ่านเพิ่มเติม)
PS5 ที่ถูกพ่อค้านำไปรีเซล ราคาพุ่งจากปกติไป 1.5 – 2.5 เท่า เคยสูงสุดทะลุ 4 หมื่นบาท
สุดท้าย ส.ส.เป้ ได้ตั้งคำถามไปยัง Sony ว่า มีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาจริง ๆ หรือไม่ เพราะถ้าบริษัทฯ มีความจริงใจต่อผู้บริโภคจริง ๆ ปัญหาคงไม่หนักหน่วงอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ และได้ฝากเอาไว้ว่า วัตถุประสงค์ที่ไล่บี้ในประเด็นนี้คือ “อยากให้ผู้เล่นเกมตัวจริงได้เครื่อง PlayStation 5 แบบแฟร์ ๆ ในราคาแฟร์ ๆ ครับ”
ผมชอบข้อนี้นะ อีกข้อคือ 1 คนต่อ 1 เครื่อง
มันคือต่อการจอง 1 รอบหรือยังไง เอาจริง ผมก็เห็นพ่อค้าคนเดิมๆ มีเครื่องมาขายทุกรอบที่เปิดจอง อาจจะใช้ชื่อคนอื่นซื้อ หรือโซนี่ไม่ได้กันตรงนี้ อยากให้ชี้แจงด้วย
ไม่ยากครับ คุณก็แค่ซื้อข้อมูลคนอื่นเพื่อมาต่อคิวซื้อครับ แล้วก็จ้างคนมาช่วยกันต่อคิว มันทำกันเป็นทีมครับ
กลโกง กลการเอาเปรียบมันมีรูปแบบใหม่ๆ มาเสมอแหละครับ
นอกเสียจากให้ไปต่อคิวยื่นบัตรประชาชนซื้อ (ซึ่งมันก็ถูกจ้างได้อีกอยู่ดี)
ผมก็อยากเห็นวิธีแก้ปัญหาของคนที่เรียกร้องเหมือนกันว่าจะทำยังไง
5555 คำตอบของ SONY เหมือนรำคาญ
ไอ้ข้อสังเกตข้อสุดท้ายของท่าน ส.ส. นี่ท่านไม่รู้จริงๆ ใช่ไหม? 🤔
คือตั้งคำถามเก่ง ตั้งข้อสังเกตเก่งจริงจริ้ง แถมเสนอข้อเรียกร้องที่มันเป็นไปไม่ได้อีก ไปขอให้เค้าเปิดเผยข้อมูลทางการค้าซะงั้น 😑
10 ปีหลัง SONY ให้ความสำคัญกับประเทศไทยขึ้นพอสมควรในด้าน GAME CONSOLE อย่างเช่นพยามทำเกมส์ภาษาไทยออกมาให้เล่นเรื่อยๆ
การที่มีคนเอาแต่ใจบางกลุ่มมากดดันอะไรแบบนี้ มันก็อาจทำให้ SONY ลด TIER ประเทศไทยลง
อันที่จริงเรื่องพวกนี้มันอยู่เหนือการควบคุมไปแล้ว มันไม่ใช่ความผิด SONY ไม่ใช่แค่ประเทศไทยแต่มันเป็นกันทั่วโลก
SONY ก็อยากขายเครื่องมากๆ แต่ด้วยปัจจัยที่เหนือการควบคุมก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อ DEMAND มันมากกว่า SUPPLY เรื่องพวกนี้ก็จะเกิดเป็นปกติ
จริงๆ ผู้บริโภคแบบเราๆ ทำอะไรได้ไหม? ทำได้นะ ก็แค่อดทนและเลิกอุดหนุนพวก RESELLER แต่ในเมื่อยังมีคนพร้อมจ่ายนั่นก็หมายความว่า พวก RESELLER จะไม่มีทางหายไป และพวกมันก็จะพยายามทุกวิถีทางในการให้ได้สินค้ามาโก่งจนได้
ผมเห็นด้วยนะ โดยเฉพาะเรื่อง Demand > Supply ไม่ว่าสินค้าใด ๆ ในโลกก็ตาม ก็จะเกิดปัญหานี้ไม่จบสิ้น และผมก็คิดว่า ไม่ใช่หน้าที่ของ SONY ที่ต้องมาทุ่มเทพลังงานเพื่อกันไม่ให้คนซื้อเอาไปขายต่อ ถึงจะมีการลงทะเบียนรัดกุม 1:1 แล้วไง ผมได้ไปแล้วผมเกิดร้อนเงิน ผมต้องขายเครื่องเพื่อเปลี่ยนเป็นเงิน แล้ว SONY จะทำไม บล๊อคไม่ให้ซื้อใหม่เหรอ เค้าไม่ทำหรอก
คนที่พร้อมจะจ่ายส่วนต่างเพื่อซื้อความสุขมีเยอะแยะไป หากเราไม่พร้อมก็ร้องเพลงรอกันต่อไป เหมือนช่วง Nintendo Switch ขาดตลาดและอัพราคากันกระจุยทั้งมือ ๑ และมือ ๒ ผมก็รอ สักพักราคาก็ลง หากจะตอบสนองความสนุกของตัวเอง ในชั่วโมงนี้ก็คงต้องทำใจครับ มีแค่ ๒ ทางเลือก ไม่ซื้อ หรือ ยอมจ่ายแพง
ส.ส. ทำอะไรดูไร้สาระ เกินหน้าที่ไปหรือเปล่า ทางบริษัทตอบชัดขนาดนี้แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องตอบขนาดว่า มีจำนวนขายกี่เครื่องในแต่ละรอบเลยด้วยซ้ำ
เห็นด้วยนะว่า พลังมันอยู่ที่ผู้บริโภคน่ะ จงอย่าซื้อซะถ้าไม่สบายใจ ไม่พอใจ ไม่อยากให้ "คนเอาเปรียบ" มีกำไร ถ้ายังมีคนอื่นซื้ออยู่ก็ต้องปล่อยเค้าเพราะเค้ามีกำลังที่จะจ่าย เราเองก็คงต้องหาช่องทางอื่น …การค้าเสรีนะจ๊ะ
ประเด็นคือ รู้ว่ามันคือการค้าเสรี แต่ที่เค้าเรียกร้องคือ อยากให้คนได้ซื้อ PS5 ในราคาปกติ ไม่ใช่มีคนกว้านซื้อแล้วเอาไป +++ ราคา แต่ SONY ก็ไม่สนใจแก้ปัญหาหรือทำอะไรเลย อยากให้มาจัดการการระบบการซื้อการจองให้มันเด็ดขาดกว่านี้รัดกุม เพราะถ้ายังใช้ระบบแบบเดิม ๆ คนที่ได้ก็จะเป็นพ่อค้าเดิม ๆ คนที่รอของรอไปไม่สิ้นสุด เพราะราคาที่พ่อค้าขายก็จะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกยาวนาน มันก็ไม่แฟร์กับคนเล่นเกมและคนที่อยากได้ PS5
ข้อสังเกตข้อสุดท้ายปัญญาอ่อนมากจริง ๆ ครับ และอีกหลายข้อก็ไม่ใช่สาระหลักอะไร แต่มันมีแง่มุมที่มีประโยชน์นะครับ
– มีข้อเสนอที่เป็นไปได้จริง และจะช่วยให้เข้าใจปัญหาร่วมกันได้เพิ่มขึ้นอยู่นะครับ เช่นโควต้าจำนวนเครื่องที่ได้นำเข้ามาในแต่ละรอบ หรืออย่างน้อยคือสัดส่วนโควต้าที่ Sony มีขายเองโดยตรง | สัดส่วนตรงนี้มีหลายส่วนที่ไม่นับเป็นความลับทางการค้าครับ
– ยิ่งไปกว่านั้นกรณีมีข้อสงสัย (โดยกมธ.ผ่านสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค) ในเรื่องพ่อค้า Resell การเปิดเผยรายชื่อให้ตรวจสอบเป็นสิ่งที่กระทำได้ ไม่สามารถอ้างข้อมูลส่วนบุคคลได้ (มันมีวิธีการที่ทำร่วมกันกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคให้เกิดความปลอดภัยได้ครับ)
– ระเบียบส่วนนึงที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคประเทศพัฒนาแล้วหยิบมาใช้บังคับเวลาเกิดปัญหา Supply ไม่สมส่วนกับ Demand และอยากเข้ามาควบคุมไม่ให้เกิดการฉวยโอกาส (แน่นอนผมเห็นด้วยกับความคิดเรื่องการไม่สนับสนุน Reseller สุดท้ายก็จะหมดไปเอง หลักการของโลกเสรี แต่รัฐมีหน้าที่เข้ามาดูแลได้โดยตรงครับ ไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคปลายทางในภาพรวม)
– วิธีนึงที่แก้ได้ไม่มากก็น้อย คือแจงโควต้าที่มีในแต่ละรอบ โดยให้ใช้ระบบลงทะเบียนชนิดประกาศผลตามลำดับ Timestamp ในการลงทะเบียน แล้วค่อยให้ Login กลับเข้าไปจ่ายเงินตามลำดับ แค่นี้ก็ช่วยไปตั้งเยอะแล้วนะครับ แก้ทั้งปัญหาความมั่วซั่วในการแย่งซื้อเบื้องต้น และปัญหาการตัดเงิน คืนเงิน แถมช่วยคัดกรองพ่อค้าคนกลางได้อีกทีนึงด้วยถ้ามีความจริงใจ
อเมริกาผมก็ไม่เห็นเขาแก้ปัญหากันได้ ก็ยังมี reseller โก่งเต็มไปหมด ลองเข้าไปดูใน amazon สิครับ
เรื่องการลงทะเบียนซื้อ ไม่ว่าจะแบบลำดับหรืออะไรก็แล้วแต่ ลองคิดในมุมที่พวก reseller ไปจ้างหรือซื้อข้อมูลบุคคลอื่นๆ มาต่อแถวซื้อสิครับ
คุณแค่รับสมัครตัวแทนซื้อ ps5 ให้ค่าจ้างเท่านี้ๆ มันมีคนพร้อมจะขายวิญญานเยอะแยะครับ ต่อให้ระบบบังคับใส่เลขบัตรประชาชนก็ไม่มีทางจะแก้ปัญหานี้ได้
เรื่องพวกนี้ก็แค่อดทนและทำใจครับ เหมือนวงการการ์ดจอ
บางส่วนดูมีประโยชน์ แต่บางส่วนก็ดูจะเกินเลยไปพอสมควร
แค่รู้สึกว่าพยายามบี้เอาตัวเลขนำเข้า หรือโควต้า
แค่เรียกร้องให้เปิดเผยจำนวนเครื่องที่เข้ามาก็ไม่น่าผิดอะไรหนิ หลายๆยี่ห้อเวลาเปิดจองสินค้าเค้าก็บอกตัวเลขกันเป็นปกติ
ไร้สาระมาก ไม่ใช่ของใช้ในการดำรงชีวิต ต่อให้เขาจะขายให้ vip ทั้งหมดก็เรื่องของเขา เอาเวลาไปแก้เรื่องอื่นน่าจะดีกว่านี้เยอะ
เขาช่วยแก้ปัญหาให้คนซื้อมันได้ราคาแฟร์ ๆ ก็ด่าเขาว่าเสือก พอเขาไม่ทำห่าอะไรก็ด่าเขาว่ามีไว้ก็เปลืองเงินภาษี จะว่าไปคนไทยบางคนมันก็เกิดมาเพื่อทำงานใช้หนี้ไปจนวันตายจริง ๆ
1. เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการบอกจำนวนสินค้าให้ชัดเจน รู้ปริมาณบางทีจะได้ไม่ต้องแห่ไปจอง แล้วโอนมัดจำไป แต่ได้คืนเงินช้า 2 – 3 เดือน Sony นั่งกินดอกเบี้ยไปเท่าไหร่
2. ข้อมูลลูกค้าที่เก็บเอาไว้ ถ้าเก็บแค่ไม่กี่อย่างให้พอรู้ว่าเป็นใคร แต่เอาไปใช้งานโจรกรรมอย่างอื่นไม่ได้ก็เห็นด้วย แต่ถ้าเก็บเยอะแยะ แล้วข้อมูลหลุด อันนี้ไม่เห็นด้วย Sony ข้อมูลโดนแฮ็คบ่อยอยู่ ถ้าถามว่าช่วยแก้ได้ไหม มันก็ช่วยให้คนโก่งราคาทำงานลำบากขึ้น และลดจำนวนผู้เข้าร่วมโก่งราคาลงไปได้เรื่อย ๆ
3. การขายโก่งราคาเกินความจำเป็น ไม่ว่าสินค้าอะไร รัฐบาลก็ควรต้องควบคุมอยู่แล้ว โดยเฉพาะโก่งขึ้นมาแต่ไม่ผ่านระบบ VAT ด้วยยิ่งแล้วใหญ่ แต่ช่วยขยายผลไปพวก VGA, Storage ที่ราคามันอาจจะโดดผิดปกติด้วยครับ ช่วงนี้ไม่กล้าซื้อ VGA ใหม่จริง ๆ
4. ถ้าตรวจพบคนโก่งราคา ดำเนินคดีอะไรกับคนโก่งราคาด้วย ถ้าดำเนินคดีไม่ได้ งั้นก็ไม่ต้องป้องกันละครับ แสดงว่าเขาไม่ได้ทำผิดอะไร T_T
ดูคำที่ร้านโก่งราคาบอกครับ เค้าเสียความรู้สึกมากเลยครับ ที่มีคนสั่งแล้วไม่ยอมรับของ ทำไมคนซื้อถึงเลวอย่างนี้ครับ
แต่ร้านเค้าขายเครื่องศุนย์ไทย เยอะมากครับ
ผมว่าฮั้วกับดีลเลอร์ครับ ไม่งั้นไม่ได้แบ่งออกมาขายราคาสองเท่าหรอกครับ