วันก่อนได้ไปลองเล่น Huawei nova 3e มาแล้ว เลยขอมาแชร์ประสบการณ์คร่าวๆ ของมือถือรุ่นนี้กันนิดหน่อย เพราะตอนนี้เปิดให้จองแล้วในราคา 10,990 บาท เรียกว่าเปิดราคามาค่อนข้างโอเค พร้อมกับโปรโมขั่นจองเครื่องที่แถมของชิ้นใหญ่ๆ อย่างเครื่องชั่งน้ำหนัก และหูฟังบลูทูธมาให้

คำถามแรกที่ถามกันในงานเปิดตัวเลยก็คือ สรุปแล้วมันคือตัวเดียวกันกับ P20 Lite ใช่หรือไม่ คำตอบจากทาง Huawei คือใช่แล้ว แต่เป็นการตั้งชื่อตามพื้นที่การตลาด อย่างในยุโรปนั้นจะถูกเปิดตัวและวางขายในชื่อ P20 Lite ส่วนแถบเอเชียรวมถึงประเทศไทยมันคือ nova 3e

ก็ถือว่าเป็นการตั้งชื่อที่ออกมาแล้วจะเป็นผลดีกับตระกูล nova ครับ เพราะสเปคของเครื่องจริงๆ แล้วห่างกับ P20 พอสมควรเลย มีแค่ดีไซน์ที่คล้ายกันเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเรื่องการออกแบบและความสวยงามนี่ไม่เป็นสองรองใคร

nova 3e มาพร้อม Android 8.0 ครอบทับด้วย EMUI 8.0 เช่นกัน หน้าตาเลยยิ่งออกมาคล้ายรุ่นพี่เข้าไปอีก หน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ เรื่องสี ความสว่าง ความคมชัดนี่ไม่ใช่ปัญหา

ติ่งด้านบนหรือส่วนของ notch นั้นก็สามารถปิดได้เหมือน P20 ครับ ถ้าไม่ชอบหรือสะดวกใจในการใช้งานก็ถมดำมันไปเลย

เลย์เอาท์การวาง ปุ่มพาวเวอร์จะอยู่ค่อนไปทางด้านบนหน่อย ถัดขึ้นไปคือปุ่มปรับเสียง จับแล้วค่อนข้างคุ้นมือ เพราะผมเพิ่งผ่าน Y7 Pro และ Y9 2018 มา ทั้ง 2 ทั้ง 2 รุ่นก็วางปุ่มและมีทรงแนวๆ เดียวกันเลย ต้นแบบมันคือ nova 2i เมื่อปีที่แล้วนั่นเอง

ด้านล่างเป็นช่องหูฟัง 3.5 มม. ตรงกลางเป็นพอร์ท USB C รองรับการชาร์จเร็ว 18W ทางขวาคือ ไมโครโฟนและลำโพง เฟรมรอบเครื่องเป็นโลหะ

ส่วนด้านหลังนั้นเป็นกระจก เคลือบฟิล์มนาโนเพื่อสร้างเงาสะท้อนสีให้ดูมีมิติมากขึ้น สีดำ Mignight Black นั้นอาจจะมองเห็นไม่ชัดมากนัก

แต่ถ้าสีน้ำเงิน Klein Blue นี่คือชัดเลย เป็นเงาสวยงามมาก (ลองไปดูแสงสะท้อนของฝาหลังได้ที่คลิปด้านล่าง)

ชิปเซ็ตเป็น Kirin 659 ชิปกราฟิคก็เป็น Mali-T830 ให้ RAM 4GB แต่ที่ใจดีมากๆ คือ Huawei จัดเต็มกับความจุภายในที่ให้มา 128GB กันเเลยทีเดียว

กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซลตัวนี้มาพร้อมกับ 2 ฟีเจอร์ใหม่คือ Light Fusion ที่รวมเอาพิกเซลบนเซนเซอร์เข้าด้วยกัน เพื่อรวมแสงให้มากขึ้น ช่วยในการเซลฟี่ในที่แสงน้อย

อีกฟีเจอร์นึงคือ Nude Makeup ปรับหน้าให้เนียนเป็นธรรมชาติ ด้วยการสแกนส่วนต่างๆ บนใบหน้าแล้วเลือกแต่งเป็นส่วนๆ

นอกจากนั้นก็ยังเปิดโหมด Portrait ทำหลังเบลอได้ด้วยซอฟแวร์ แม้จะมีกล้องหน้าตัวเดียว

แน่นอนว่าเซลฟี่กับสติ๊กเกอร์ต่างๆ ก็ได้ มีมาให้เลือกในแอปกล้องหลากหลายแบบผ่านระบบ AR

ตัวอย่างภาพจากกล้องเซลฟี่

กล้องหลังคู่ใช้เซนเซอร์หลัก 16MP ทำงานร่วมกับเซนเซอร์รอง 2MP ในการวัดความลึกของภาพ

โดยในโหมด Portrait ของกล้องหลังนั้นเราสามารถถ่ายแล้วมาสลับจุดในการโฟกัสภายหลังได้ครับ

ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง

ใครที่เล็งๆ เอาไว้ อย่าลืมว่ารุ่นนี้นอกจากราคาเปิดตัวจะไม่แรงมาก 10,990 บาทแล้ว ยังมีของแถมอย่าง Body fat scale และหูฟัง bluetooth ด้วย ส่วนกำหนดขายจริงและจัดส่งสินค้าเห็นว่าจะเป็นวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ และในงาน Mobile Expo ก็เห็นว่าอาจจะมีโปรพิเศษด้วย

Play video