ลุ้นกันอยู่นานมากว่า OPPO จะเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่อย่าง OPPO F11 Pro ในบ้านเราเมื่อไหร่ หลังจากค่ายอื่นๆ ต่างเข็นเอามือถือในช่วงราคาหมื่นบาทออกมาสู้กัน และก็เป็นไปตามคาดหลังจากอินเดียเผยโฉมไปได้ไม่กี่วัน เครื่องก็มาถึงประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมเปิดจองในวันที่ 16 มีนาคมนี้

แกะกล่อง OPPO F11 Pro

ทาง droidsans ได้ทำการแกะกล่องเครื่องจริงพร้อมวางขายในไทยของ F11 Pro โดยรุ่นที่เราได้สัมผัสก่อนนั้นเป็นสีดำ Thunder Black ที่มีการแทรกเอามีสีม่วงและสีน้ำเงินแบบเดียวกับสายฟ้าเข้ามาด้วย ซึ่งเป็นการนำเอา 3 สี Triple color มาผสมกันบนฝาหลังสมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรกๆ

พร้อมกันนั้นยังมีการดีไซน์เรื่องของการออกแบบและการวางโลโก้ใหม่เป็นแนวนอน (ปกติโลโก้ OPPO จะวางในแนวขวางมาตลอด)

อุปกรณ์ในกล่องทั้งหมดก็มีตามนี้เลยครับ

  • ตัวเครื่อง OPPO F11 Pro
  • หูฟัง 3.5 เป็นแบบ on ear
  • สาย VOOC Charge 3.0 หัวเป็น micro USB
  • หม้อแปลง VOOC Charge 3.0
  • เคสใสสีดำ

ตัวเคสใสนั้นด้านข้างครอบทับตัวเครื่องทั้งหมด แต่ส่วนมุมทั้ง 4 นั้นจะครอบเฉพาะส่วนมุมเท่านั้น เพื่อเปิดพื้นที่ให้กับพอร์ตต่างๆ ด้านล่าง

รวมถึงกล้องหน้า Rising Camera ด้านบนให้สามารถสไลดฺออกมาได้ในขณะที่ใช้งาน

หม้อแปลง VOOC Charge 3.0 นั้นดูจากสเปคอาจจะจ่ายไฟเท่ากับรุ่นปกติคือ 5V 4A หรือ 20 วัตต์ แต่ระบบชิปควบคุมพลังงานภายในเครื่องของ OPPO F11 Pro นั้นเป็นรุ่นใหม่ สามารถรับไฟได้ยาวนานขึ้น ทำให้ความเร็วในการชาร์จนั้นดีขึ้น 20%

สเปค OPPO 11 Pro

  • จอแสดงผล : 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2340 x1080) 397 ppi อัตราส่วนหน้าจอ 90.9%
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.0
  • ชิปเซ็ต : Helio P70
  • GPU : ARM Mali-G72 MP3 900MHz
  • RAM : 6GB
  • หน่วยความจำภายใน : 64GB
  • กล้องหลังคู่ : 48MP F1.79 + 5MP F2.4
  • กล้องหน้า : Rising Camera 16MP F2.0
  • ถ่ายวิดีโอ : รองรับ 1080P / 720P ทั้งหน้าและหลัง
  • แบตเตอรี่ : 4000 มิลลิแอมป์ รองรับชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0
  • รองรับ Dual Nano-SIM Cards (Hybrid slot)
  • การเชื่อมต่อ GPS: GPS/A-GPS/GLONASS/Beidou
  • Bluetooth: 4.2
  • WiFi 802.11 a/b/g/n/ac รองรับ 2.4GHz และ 5GHz
  • ขนาดตัวเครื่อง : 161.3 x 7.61 x 76.1 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 190 กรัม

 

สำรวจตัวเครื่อง OPPO F11 Pro

หน้าจอสุดขอบของ OPPO ที่เรียกว่า Panoramic Screen เราได้เห็นกันไปแล้วในรุ่นเรือธงอย่าง Find X รอบนี้จัดมาให้ตระกูล F ได้ใช้งานด้วย มีสัดส่วนหน้าจอมากถึง 90.9% และยังมีขนาดใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว เต็มตากันสุดๆ ไปเลย

ส่วนกล้องหน้า Rising Camera มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 พร้อมโหมด AI Beauty ที่รอบนี้สามารถรปรับแต่งเพิ่มเติมได้อีก หากบางคนชอบแบบเบาๆ ก็ปรับลดพลัง AI ลงมา แต่ใครอยากหน้าเนียนจัดเต็มก็เลื่อนแถบ AI เพิ่มขึ้นไปได้

กล้องหลังกับสโลแกนถ่ายกลางคืนได้สวยงามนั้นใช้เป็นเซนเซอร์ 48MP f/1.79 ที่มีเทคโนโลยี 4in1 Pixel Binding เก็บแสงได้มากขึ้นที่ความละเอียด 12MP เมื่อทำงานร่วมกับ Ultra Night Mode ก็จะยิ่งสว่างขึ้นไปอีก เอาไว้ได้เครื่องมาอยู่ในมือแล้วจะพาไปพิสูจน์กัน ส่วนกล้อง Depth Sensor สำหรับถ่ายภาพ Portrait นั้นมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

ขนาดตัวเครื่องโดยรวมก็ถือว่าหนานิดๆ แต่ก็กำลังพอดีมือ ส่วนนึงก็เพราะใส่แบตมาแน่นถึง 4000 มิลลิแอมป์ ที่เห็นอยู่ด้านข้างทางซ้ายของจอภาพคือปุ่มปรับเสียง

ส่วนด้านล่างตัวเครื่อง F11 Pro ยังมีพอร์ตให้ใช้งานครบครัน ทั้งช่องหูฟัง 3.5 (ก็แถมหูฟังมาด้วย ตัดออกไปก็คงฮา) ไมโครโฟร ช่อง micro USB ที่รองรับ VOOC 3.0 และลำโพง

จริงๆ ด้านบนนั้นยังนอกจากกล้องซ่อนแอบแล้ว ยังมีเซนเซอร์ที่ซ่อนอยู่อีก 2 ตัว ซึ่งน่าจะเป็น Proximity กับ Light ส่วนทางด้านขวาสุดก็เป็นไมโครโฟนตัดเสียง

ส่วนของเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือนั้นอยู่ที่กลางหลังตัวเครื่องว ถัดจากกล้องคู่ลงมาหน่อยเดียว

ปุ่มพาวเวอร์อยู่กลางเครื่องด้านขวาของจอภาพ มีช่องถาดซิมอยู่ถัดขึ้นไปเล็กน้อย

จิ้มออกมาแล้วก็พบว่า OPPO F11 Pro นั้นเลือกใช้ถาดซิมแบบ Hybrid คือต้องตัดสินใจระหว่างใส่เข้าไป 2 ซิมนาโน หรือจะเลือกใส่ 1 ซิม + 1 micro SD

 

ทดลองเล่นนิดๆ หน่อยๆ

ประเด็นแรกที่หลายคนน่าจะมีคำถามเลยเกี่ยวกับ OPPO F11 Pro ก็คือระบบเลื่อนขึ้นลงของ Rising Camera ซึ่งมีการการันตีว่า ต่อให้เปิดเซลฟี่วันละ 100 รอบ ก็สามารถใช้งานได้ไม่ต่ำกว่า 5-6 ปี

ซึ่งหากเราเปิดกล้องหน้าเอาไว้แล้วเครื่องมันเผลอลื่นหลุดมือลงไป งานนี้ไม่ต้องกลัวแต่อย่างใด

เพราะ OPPO F11 Pro มีระบบ Free Fall Detection หากเซนเซอร์พบว่าเครื่องหล่น กล้องจะหดเก็บเข้าไปเองแบบเดียวกับ Find X (ลองไปดูวิดีโอสาธิตได้ในคลิปด้านล่างเลยจ้า)

หน้าตาของ Color OS 6 ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย สะอาดสะอ้านขึ้นนิดๆ แต่ลักษณะของไอคอนต่างๆ ยังไม่ปรับเยอะ เวลาเรียกใช้งานแอปต่างๆ ก็ดูเนียนตาดี

ส่วนที่เปลี่ยนไปเยอะหน่อยน่าจะเป็น UI ของโหมดกล้องถ่ายภาพครับ คือมีการรวมเอาโหมดกล้องที่เยอะๆ ไปอยู่ในแถบเมนู ซึ่งก็สะดวกดีไม่ต้องไถไปมาซ้ายขวาหาโหมดที่อยากใช้จนเหนื่อยใจ

ระบบสแกนใบหน้ากล้องก็เลื่อนขึ้นลงได้รวดเร็ว ดูแล้วไม่แพ้ Find X เลย ส่วนโหมดเซลฟี่ที่มี AI Beauty ตอนนี้ก็สามารถปรับตั้งค่าในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย เผื่อใครที่บอกว่าบางที AI มันปรับธรรมชาติเกินไป บางทีอยากได้แบบจัดหนักก็ลองไปเล่นกันดูได้

ตัวอย่างภาพถ่ายบางส่วนจาก OPPO F11 Pro

 

OPPO F11 Pro นั้นจะเริ่มเปิดให้จองได้ตั้งแต่วันที่ 16-27 มีนาคมนี้ ซึ่งของแถมจะเป็น OPPO Smart Bag และ VIP Card รับประกันจอแตกนั่นเองจ้า โดยมีราคาอยู่ที่ 10,990 บาท

Play video