Xiaomi ประเทศจีนจัดงานเปิดตัวมือถือซีรีส์ภาคต่อ Redmi Note 13 พร้อมกันถึง 3 รุ่นทั้ง Redmi Note 13 5G, Note 13 Pro และ Note 13 Pro+ รุ่นท็อปสุดที่มาพร้อมกับสเปคที่คุ้มจัดเต็มเหมือนเดิม พร้อมมีการปรับดีไซน์ใหม่ให้ดูคล้ายกับรุ่นพี่เรือธงอย่าง Xiaomi 13 Series มากขึ้น แถมยังมีการใช้จอแสดงผลโค้งเป็นครั้งแรกในซีรีส์นี้ด้วย

เปิดตัว Redmi Note 13 5G

รอบนี้ Redmi Note 13 5G เปิดตัวมาเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับมือถือราคาประหยัด เพราะนอกจากจะได้ตัวเครื่องดีไซน์ สวยทนน้ำมาตรฐาน IP54 แล้ว ยังมาพร้อมกับจอแสดงผล OLED 10-bit ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ที่ขอบบางมาก ๆ เพียง 2.25 มม. เท่านั้น รองรับรีเฟรชเรทระดับสูง 120Hz, Touch Sampling Rate 2160Hz และ PWM-Diming ถนอมสายตาที่ 1920Hz สว่างสูงสุด 1,000 nits ครอบทับด้วยกระจกทนรอย Gorilla Glass 5

ส่วนกล้องถ่ายภาพด้านหลังถึงแม้ว่าจะถูกตัดเลนส์ Ultrawide ออกไป 1 ตัว (เทียบกับ Redmi Note 12 5G ที่ขายเฉพาะในจีน) แต่ก็ชดเชยมาด้วยกล้องหลักความละเอียดสูง 108MP ที่รองรับการซูม 3 เท่าโดยใช้วิธีการครอปจากภาพความละเอียดสูง ทำให้ได้รายละเอียดได้ใกล้เคียงกับการซูมแบบ Optical มากที่สุด + กล้อง Depth วัดระยะตื้นลึก 2MP ส่วนกล้องเซลฟี่มาในแบบเจาะรูอัปเกรดจาก 13MP เป็น 16MP รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 1080P@30FPS ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง

ด้านประสิทธิภาพนั้น Redmi Note 13 5G มาพร้อมกับชิป Dimensity 6080 ที่แรงใกล้เคียงกับ Snapdragon 695 พ่วงมากับ RAM LPDDR4x และ ROM UFS 2.2 ที่มีให้เลือกทั้งหมด 4 ความจุ 6+128GB / 8+128GB / 8+256GB / 12+256GB ส่วนแบตเตอรี่ให้มาที่ 5,000 mAh เล่น TikTok ได้นาน 13.5W แถมยังรองรับชาร์จไว 33W ด้วย

สเปค Redmi Note 13 5G

  • หน้าจอ OLED 10-bit ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz สว่างสูงสุด 1,000 nits
  • CPU:  Dimensity 6080
  • RAM LPDDR4x: 6GB / 8GB / 12GB
  • ความจุ UFS 2.2: 128GB / 256GB
  • กล้องหลัง 2 ตัว
    • กล้องหลักความละเอียด 108MP (f/1.7) รองรับการซูมแบบ In-sensor Zoom x3
    • กล้อง Depth ความละเอียด 2 MP (f/2.4)
  • กล้องหน้า: 16MP
  • การเชื่อมต่อ : 5G, Wi-Fi 5, BT 5.3
  • พอร์ต : USB Type-C, ช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม.
  • กันน้ำ กันฝุ่น: IP54
  • เซนเซอร์: Fingerprint (ข้างตัวเครื่อง), Ambient Light, Accelerometer, Proximity, E- compass, Gyroscope, IR Blaster
  • ระบบเสียง : ลำโพงเดี่ยวเสียงดัง 200%, รองรับ Hi-Res ผ่านหูฟัง
  • แบตเตอรี่ : 5,000mAh , รองรับชาร์จไว 33W
  • ระบบ: Android 13 ครอบทับด้วย MIUI14
  • ขนาด / น้ำหนัก: 161.11 x 74.95 x 7.6 มม. / 173.5 กรัม

เปิดตัว Redmi Note 13 Pro 5G

Redmi Note 13 Pro 5G โดยรวมแล้วยังคงใช้ดีไซน์ที่คล้าย ๆ กับในรุ่นมาตรฐานมาพร้อมฝาหลังกระจกหรูหรา ใช้จอแสดงผล OLED 12-bit ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2712 x 1220 พิกเซล) สว่างสูงสุด 1,800 nits รองรับรีเฟรชเรท 120Hz, Touch Sampling Rate 2160Hz และ PWM-Diming ถนอมสายตาที่ 1920Hz พร้อมรองรับ Dolby Vision และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ พร้อมเสริมแกร่งด้วยกระจกจอ Gorilla Glass Victus และให้ขอบจอบางถึง 2.24 มม.

ส่วนกล้องถ่ายภาพในรุ่นนี้ กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก ISOCELL HP3 200MP พ่วงกันสั่น OIS+EIS รองรับ In-sensor Zoom x4 + กล้อง Ultrawide 8MP + Macro 2MP รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K@30FPS ส่วนกล้องหน้ามาในดีไซน์เจาะรูความละเอียด 16MP ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 1080P@60FPS

ด้านประสิทธิภาพในรุ่นนี้มาพร้อมกับชิปเซ็ตตัวใหม่ Snapdragon 7s Gen 2 โดยจะมีความจุให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่ 8+128GB / 8+256GB / 12+256GB / 12+512GB / 16+512GB ไม่ระบุชนิด Storage ส่วนแบตเตอรี่ให้มาที่ 5,100mAh รองรับชาร์จไว 67W ชาร์จจาก 1 – 100% ใช้เวลาเพียง 44 นาที

นอกจากนี้บน Redmi Note 13 Pro 5G ยังมาพร้อมกับลำโพงคู่ Hi-Res รองรับ Dolby Atmos ผ่านลำโพงโดยตรง มีช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม. ส่วนสายเกมมิ่งในรุ่นนี้ยังมีมอเตอร์การสั่นแบบ X-Linear มาให้ด้วย ส่วนมาตรฐานทนน้ำในรุ่นนี้รองรับที่ IP54

สเปค Redmi Note 13 Pro 5G

  • หน้าจอ OLED 12-bit ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K รีเฟรชเรท 120Hz สว่างสูงสุด 1,800 nits รองรับ Dolby Vision
  • CPU:  Snapdragon 7s Gen 2
  • RAM: 8GB / 12GB / 16GB
  • ความจุ: 128GB / 256GB / 512GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    • กล้องหลัก ISOCELL HP3 200MP (f/1.65), กันสั่น OIS + EIS, รองรับการซูมแบบ In-sensor Zoom x4
    • กล้อง Ultrawide 8MP (f/2.2)
    • กล้อง Macro 2 MP (f/2.4)
  • กล้องหน้า: 16MP
  • การเชื่อมต่อ : 5G, Wi-Fi 5, BT 5.2, NFC
  • พอร์ต : USB Type-C, ช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม.
  • กันน้ำ กันฝุ่น: IP54
  • เซนเซอร์: Fingerprint (ใต้หน้าจอ), Ambient Light, Accelerometer, Proximity, E- compass, Gyroscope, IR Blaster
  • ระบบเสียง : ลำโพงคู่รองรับ Hi-Res และ Dolby Atmos
  • แบตเตอรี่ : 5,100mAh , รองรับชาร์จไว 67W
  • ระบบ: Android 13 ครอบทับด้วย MIUI14
  • ขนาด / น้ำหนัก: 161.2 x 74.3 x 8 มม. / 187 กรัม

เปิดตัว Redmi Note 13 Pro+ 5G

Redmi Note 13 Pro+ 5G เปิดตัวมาในดีไซน์ฝาหลังโค้งมน ไร้ฐานโมดูลกล้อง มีให้เลือก 2 วัสดุได้แก่กระจก และหนัง Vegan รองรับมาตรฐานทนน้ำ ทนฝุ่นระดับ IP68 แถมรุ่นนี้ยังเป็นมือถือจอโค้งรุ่นแรกของ Redmi โดยมาพร้อมกับพาเนล AMOLED C7 คุณภาพเทียบชั้นรุ่นเรือธงในขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2712 x 1220 พิกเซล)

ตัวจอรุ่นนี้มีสว่างสูงสุด 1,800 nits รองรับรีเฟรชเรท 120Hz, Touch Sampling Rate 2160Hz และ PWM-Diming ถนอมสายตาที่ 1920Hz รองรับการแสดงผล HDR10+, Dolby Vision และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ครอบทับด้วยกระจกจอ Gorilla Glass Victus

กล้องถ่ายภาพในรุ่นนี้มาในสเปคเดียวกับรุ่น Pro ซึ่งประกอบไปด้วยกล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก ISOCELL HP3 200MP พ่วงกันสั่น OIS+EIS รองรับ In-sensor Zoom x4 + กล้อง Ultrawide 8MP + Macro 2MP รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K@30FPS ส่วนกล้องเซลฟี่ 16MP ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 1080P@60FPS

ด้านประสิทธิภาพในรุ่นนี้มาพร้อมกับชิปเซ็ต Dimensity 7200 Ultra ที่ได้รับการปรับสปีดให้เร็วแรงกว่าเดิม พ่วงด้วยหน่วยความจำ RAM LPDDR5 + ROM UFS 3.1 โดยมีให้เลือก 3 ความจุ ได้แก่ 12+256GB / 12+512GB / 16+512GB ให้แบตเตอรี่มาที่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไวติดสปีดสูงสุด 120W ชาร์จจาก 1 – 100% ใช้เวลาเพียง 19 นาทีเท่านั้น

และเช่นเดียวกัน Redmi Note 13 Pro+ 5G ยังมาพร้อมกับลำโพงคู่ Hi-Res รองรับ Dolby Atmos ผ่านลำโพงโดยตรง มีช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม. มีมอเตอร์การสั่นแบบ X-Linear อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ด้วย

สเปค Redmi Note 13 Pro+ 5G

  • หน้าจอโค้ง AMOLED C7 12-bit ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K รีเฟรชเรท 120Hz สว่างสูงสุด 1,800 nits รองรับ Dolby Vision, HDR10+
  • CPU: Dimensity 7200 Ultra
  • RAM LPDDR5: 12GB / 16GB
  • ความจุ: 256GB / 512GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    • กล้องหลัก ISOCELL HP3 200MP (f/1.65), กันสั่น OIS + EIS, รองรับการซูมแบบ In-sensor Zoom x4
    • กล้อง Ultrawide 8MP (f/2.2)
    • กล้อง Macro 2 MP (f/2.4)
  • กล้องหน้า: 16MP
  • การเชื่อมต่อ : 5G, Wi-Fi 6, BT 5.3, NFC
  • พอร์ต : USB Type-C, ช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม.
  • กันน้ำ กันฝุ่น: IP68
  • เซนเซอร์: Fingerprint (ใต้หน้าจอ), Ambient Light, Accelerometer, Proximity, E- compass, Gyroscope, IR Blaster
  • ระบบเสียง : ลำโพงคู่รองรับ Hi-Res และ Dolby Atmos / รองรับ Hi-Res ผ่านหูฟังไร้สาย
  • แบตเตอรี่ : 5,000mAh , รองรับชาร์จไว 120W
  • ระบบ: Android 13 ครอบทับด้วย MIUI14
  • ขนาด / น้ำหนัก: 161.4 x 74.2 x 8.9 มม. / 204.5 กรัม

ราคา และการวางจำหน่าย

Redmi Note 13 5G, Note 13 Pro และ Note 13 Pro+ เปิดให้สั่งจองแล้วที่ประเทศจีนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการทุกรุ่นในวันที่ 26 กันยายน 2023 ส่วนราคา รุ่นความจุ และสีของแต่ละรุ่นมีดังนั้น

ราคา Redmi Note 13 5G

ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งหมด 3 สีได้แก่ สีฟ้า Time Blue / สีขาวลายหินอ่อน Star Sand White / สีดำ Midnight Dark ส่วนราคาเปิดมาดังนี้

  • 6GB + 128GB ราคา 1,199 หยวน (ราว ๆ 6,000 บาท)
  • 8GB + 128GB ราคา 1,299 หยวน (ราว ๆ 6,500 บาท)
  • 8GB + 256GB ราคา 1,499 หยวน (ราว ๆ 7,500 บาท)
  • 12GB + 256GB ราคา 1,699 หยวน (ราว ๆ 8,500 บาท)

ราคา Redmi Note 13 Pro 5G

ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งหมด 4 สีได้แก่ สีฟ้า Time Blue / สีขาวลายหินอ่อน Star Sand White / สีดำ Midnight Dark / สีม่วงอ่อน Shallow Dream Space ส่วนราคาเปิดมาดังนี้

  • 8GB + 128GB ราคา 1,499 หยวน (ราว ๆ 7,500 บาท)
  • 8GB + 256GB ราคา 1,599 หยวน (ราว ๆ 8,000 บาท)
  • 12GB + 256GB ราคา 1,799 หยวน (ราว ๆ 9,000 บาท)
  • 12GB + 512GB ราคา 1,999 หยวน (ราว ๆ 10,000 บาท)
  • 16GB + 512GB ราคา 2,099 หยวน (ราว ๆ 10,500 บาท)

ราคา Redmi Note 13 Pro+ 5G

ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี 2 วัสดุ โดยรุ่นวัสดุได้แก่ สีขาว Mirror Porcelain White / สีดำ Midnight Dark และวัสดุหนังเทียมสีม่วงอ่อน + ตาราง 3 สี Shallow Dream Space ส่วนราคาเปิดมาดังนี้

  • 12GB + 256GB ราคา 1,999 หยวน (ราว ๆ 10,000 บาท)
  • 12GB + 512GB ราคา 2,199 หยวน (ราว ๆ 11,000 บาท)
  • 16GB + 512GB ราคา 2,299 หยวน (ราว ๆ 11,500 บาท)

เบื้องต้นหากอิงจากเมื่อปีที่แล้ว คาดว่า Redmi Note 13 น่าจะทำตลาด Global รวมถึงมีลุ้นนำเข้ามาวางจำหน่ายในไทยด้วย แต่อาจจะต้องรอกันนานสักหน่อย เพราะอาจจะมาในช่วงต้นปี 2024 เลย ซึ่งราคาวางจำหน่ายทั่วโลกจะดึงดดูเหมือนในจีนมั้ย สเปคจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือรีแบรนด์มาในฐานะแบรนด์อื่นรึเปล่า ต้องติดตามกันอีกทีปีหน้า

ที่มา: Xiaomi ประเทศจีน