หลังจากที่เมื่อวันก่อนได้รีวิว Manual Camera ไปก็มีเพื่อนๆหลายคนบ่นมาว่า ใช้ได้แต่ Lollipop หรอ? สูงไปไหม? ยังใช้ KitKat อยู่เลยแต่อยากใช้บ้างอะ วันนี้เรามีอีกหนึ่งแอพกล้องที่รับรองว่าโหดไม่แพ้กัน นั้นก็คือ Camera FV-5 ที่มีหลายคนแนะนำมา ตัวนี้สามารถใช้กับ Android 4.4 หรือต่ำกว่าได้ด้วย เรามาลองดูกันเลยครับว่าจะโหดขนาดไหน
ขอเกรินไว้ก่อนนะครับว่าแอพตัวนี้ไม่ฟรี แต่ก็คุณภาพคุ้มราคาแน่นอน แต่พูดไปใครจะเชื่อ มาดูหน้าตาของแอพกันเลยดีกว่าครับ
User Interface และการควบคุม
เปิดแอพมาก็เจอปุ่มเต็มไปหมดเลย อย่าเพิ่งตกใจกด home หนีไปนะ =o= มาดูกันก่อนว่ามีปุ่มอะไรให้กดบ้าง มาดูที่ด้านซ้ายกันก่อนเลย
- Mode P / Mode S : ใช้สลับไประหว่าง Auto และ Manual shutter speed
- Menu : ถ่ายคร่อมความสว่าง, ตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติ (Time Lapse), นับเวลาถอยหลัง, การถ่ายหลาย shot, และการแตะเพื่อถ่าย
- Flash : Auto / On / Off / Slow-Sync / เปิดไฟฉาย / flash แก้ตาแดง
- Gallery : เข้าดูภาพที่ถ่ายไป
การควบคุม Flash
มาดูข้างล่างกันบ้าง
- White Balance
- Focus Mode : AF / MF / Macro / Smile-shot / Continue-focus / Touch-focus / focus lock
- Metering Mode : Multi / center / point / specific-metering / lock ค่าแสง
- ISO (เลือกได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับมือถือแต่ละเครื่องด้วย)
- Exposure Compensation : ปรับชดเชยแสง
ถ้าจะให้เทียบกับ Manual Camera แล้วถือว่าดูยุ่งยากกว่าพอสมควร แต่ถ้าใครปรับเป็นแล้วจะบอกว่าใช้ประโยชน์ได้ดีอยู่เหมือนกัน
หลังจากรู้จักกับปุ่มต่างๆกันไปแล้ว เรามาเริ่มลงลึกถึงการใช้งานแต่ละปุ่มกันบ้าง เริ่มจากปุ่มแรกกันเลย
Mode P / Mode S
ปุ่มนี้จะใช้สำหรับปรับเลือก shutter speed ว่าจะเลือกเองหรือจะให้เป็น auto (หากเป็น auto ก็จะเป็น mode P นั้นเอง) และเราจะสามารถเลือก ISO ได้เมื่อใช้ mode S เท่านั้นนะครับ
แต่สำหรับบางเครื่องที่ไม่ไม่รองรับการเลือก shutter แบบละเอียด ก็จะมาสารถเลือกได้เป็น step ตามภาพ แต่ก็ทดแทนด้วย mode long exposure สำหรับการถ่ายไฟเป็นเส้น แต่ก็เป็นเพียงการนำมาต่อด้วย software เท่านั้นนะ
Menu
ในนี้จะมีหลายปุ่มรวมกันอยู่ มาดูกันที่ปุ่มแรก การถ่ายคร่อมช่วงแสง คือเราสามารถเลือกให้กดทีเดียวถ่ายหลายๆภาพที่มีความสว่างต่างกันได้สูงสุด 7 ภาพ
ต่อมาคือปุ่ม Intervalometer หรือการถ่ายอัตโนมัติ เราสามารถตั้งกล้องทิ้งไว้เพื่อให้กล้องถ่ายไปเรื่อยๆเพื่อนำมาต่อกันเป็น Video Time Lapse ในภายหลังได้
ปุ่ม Self-timer สามารถเลือกช่วงเวลาเป็น 2, 5, หรือ 10 วินาทีได้
สองปุ่มถัดไปคือการถ่ายภาพเป็นชุด 3 ภาพ และการตั้งค่าให้ถ่ายเมื่อแตะหน้าจอ
ความสามารถอื่นๆที่น่าสนใจ
RAW
Camera FV-5 รองรับการถ่ายภาพแบบไฟล์ RAW แต่! ต้องใช้กับ Android 5.0 ขึ้นไปเท่านั้นนะ (และตอนนี้ยังใช้ได้แต่ Nexus 5 และ Nexus 6) เนื่องจากต้องใช้ Camera 2 API ที่มากับ Android 5.0 นั้นเอง
Live Histogram
เราสามารถเลือกให้โชว์ Histogram ได้เหมือนกล้องจริงๆเลย โดยจะให้โชว์ตามค่าความสว่าง (Luminance) หรือจะให้แยก Channal RGB ก็ได้
Live Histogram แบบแยก RBG และแบบ Luminance
Guideline ช่วยจัดองค์ประกอบ
Camera FV-5 นั้นให้รูปแบบ Guideline มาเยอะเลยทีเดียว ลองดูได้ตามภาพตัวอย่างครับ
ใช้เปลี่ยนปุ่มเพิ่มลดเสียงปรับฟังก์ชั่นอื่นๆ
- เราสามารถ customize ปุ่มเพิ่มลดเสียงให้ทำหน้าที่อื่นได้ เช่น
- ถ่ายภาพ / focus
- ชดเชยแสง +/-
- เพิ่ม/ลด ISO
- เพิ่ม/ลด White Balance ให้สีอุ่นหรือเย็นมากขึ้น
- เพิ่ม/ลด จำนวนภาพที่ถ่ายครอมช่วงแสง
- Digital Zoom เข้า/ออก
- เปลี่ยนรูปแบบ Guideline
- เปลี่ยนอัตราส่วนของภาพ
คุณภาพรูปถ่าย
เรื่องคุณภาพนั้น ถ้าไม่ได้เห็นกับตาก็คงไม่เชื่อ เรามาลองดูกันเลยครับ ภาพแรกเราจะมาดูกันที่คุณภาพของไฟล์ RAW กันก่อน แต่เชื่อว่าคงไม่ต่างจากที่ Manual Camera สามารถทำได้นัก เพราะว่าใช้ Camera 2 API เหมือนกันนั้นเอง
เครื่องที่ผมใช้ทดสอบนั้นคือ LG Nexus 5 นะครับ จะเห็นได้ว่าเรากู้คืนรายละเอียดของภาพในส่วนที่มืดกลับมาได้พอสมควร ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ในส่วนของ Low-Light หากเราอยู่ในสถานการณ์ที่นิ่งมากพอ เราสามารถเลือกใช้ shutter speed ที่ช้าลงได้จะทำให้เราได้ภาพที่มี noise น้อยลงได้มาก
เราจะมาลองเปรียบเทียบระหว่างแอพกล้องทั่วไปอย่าง Google Camera ในโหมด HDR ที่เขาบอกกันว่าถ่ายภาพแสงน้อยได้ดี ผลจะออกมาเป็นอย่างไร
Google Camera – HDR
แล้วภาพจาก Camera FV-5 ของเราหล่ะ จะออกมาเป็นอย่างไร
Camera FV-5 – ISO3200, shutter speed 0.8s
เห็นแล้วใช่ไหมครับว่า Camera FV-5 นั้นชนะขาดไปเลยเมื่อเราสามารถเลือก shutter speed ที่ต่ำลงได้ ทำให้เรามีแสงพอที่จะเลือกใช้ ISO ที่ต่ำลง ภาพก็เลยออกมาดีกว่านั้นเอง
สุดท้ายนี้ขอแถมอีก 1 ภาพที่ทำให้ผมตกใจกับความสามารถของมือถือสมัยนี้มาก ถ้าใครที่พอจะมีความรู้ด้วยการถ่ายภาพคงพอจะทราบดีว่าการถ่ายท้องฟ้ายามค่ำคืนให้มีดาวนั้นทำได้ยากมากแม้แต่กับ DSLR แต่ตอนนี้ เราสามารถถ่ายภาพดาวด้วยกล้อง Smartphone ได้แล้วหล่ะ ถึงจะมี Noise อยู่เต็มไปหมด แต่ถ้าเป็นภาพที่ถ่ายจากแอพทั่วไปคงจะดำจนมองไม่เห็นอะไรเลยหล่ะ
สรุป
ข้อดี
- ปรับ shutter speed, ISO, White Balance, และ focus ได้เอง
- มีตัวช่วยในการถ่ายภาพอย่าง AE-Lock, AF-Lock, WB-Lock ทำให้ถ่ายได้สะดวก
- ถ่าย RAW ได้ (Android 5.0 ขึ้นไป)
- Option เยอะมาก ปรับแต่งแอพได้หลากหลาย
- ใน Mode Auto ISO สามารถปรับ ISO ขึ้นไปได้ถึง 12,800 (ขึ้นอยู่กับแต่ละเครื่อง)
ข้อเสีย
- การถ่าย RAW+JPEG เป็นการถ่าย 2 ภาพต่อกัน ไม่ได้ถ่ายใน shot เดียว
- ใน Android ที่ต่ำกว่า 5.0 อาจะใช้ function ได้ไม่ครบทั้งหมด
- การปรับ shutter speed ทำได้ยาก (กดที่ mode s จากนั้นจึงปรับ)
- Shutter animation ไม่สามารถปิดได้ ทำให้ถ่ายช้า
- ไม่ฟรี (130 บาท, $3.95)
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแอพกล้องสุดเทพที่ขาดไม่ได้ ถึงแม้ราคาจะแพงกว่า Manual Camera แต่ก็แลกมาด้วย function ดีๆหลายอย่าง ถ้าคุณกำลังเริ่มที่จะจริงจังกับการถ่ายรูปมากขึ้นแล้วหล่ะก็ คงต้องหามาติดเครื่องไว้ซะแล้ว สามารถเข้าไปโหลดกันได้ตาม Link Play Store ด้วยล่างนี้
Camera FV-5 / 130 บาท
แต่ถ้าหากใครไม่แน่ใจว่า Camera FV-5 นั้นจะใช้กับเครื่องตัวเองได้หรือเปล่า ลองโหลด Camera FV-5 Lite มาลองใช้ก่อนได้ แต่ขนาดภาพจะจำกัดอยู่ที่ 0.3 ล้านเท่านั้นนะ
Camera FV-5 Lite / Free
เยี่ยมเลยครับ
ขอบคุณมากครับ ละเอียดจริงๆ ขนาดผมใช้มาตั้งนานยังใช้ไม่ครบ ไม่รู้เยอะเหมือนในกระทู้นี้เลย
โดยเฉพาะเรื่อง Speed shutter เนี่ย ผมสงสัยมานานแล้ว ว่าทำไมถ่ายมาเหมือนมันเอาภาพมาต่อๆ กัน
(ทดสอบด้วยขากล้อง ถ่ายคนเดิน กลายเป็นคนซ้อนๆ กัน ไม่ได้ลากยาวเหมือนกล้องดิจิตอล)
คือแบบ… มือถือผมมันตั้งสปีดละเอียดไม่ได้ครับ แล้วจะรู้ได้ไง ว่าเครื่องไหนมันตั้งได้ T^T
ดูท่าจะต้องหาเครื่องที่เป็น Lolipop จริงๆ ซะแล้วสิ
http://pantip.com/topic/33057293
รูปที่ได้จาก Camera FV ย่อรูปอย่างเดียวครับ
ใช้มาสักพักแล้วยังรู้ไม่หมดเลยครับ ขอบคุณที่ให้ความกระจ่าง
สะสมตัง 130บาทซื้อกล้องดีกว่า ขาดอีกแค่ไม่กี่หมื่นเอง (มุกครับมุก)
Z1 ไม่รองรับอะไรเลยครับ เศร้า ปรับ ISO ยังไม่ได้
ถามหน่อยว่าใช้ Android เวอร์ชั่นอะไรครับ
ผมสงสัยว่ามันมีผลรึเปล่า เพราะ ISO มันน่าจะปรับได้ทุกเครื่อง
4.4.4 ครับ น่าจะเป็นที่ API มากกว่า คือมันปรับได้ครับ แต่เวลาถ่ายจริงมันก็ออโต้อยู่ดี ไม่เหมือนปรับในแอป camera ของ sony เอง
Mode M ของ Sony ปรั ISO ได้ตั้งแต่100 เลยไม่ใช่เหรอครับ(น่าจะถึง1600)
ปล. mode auto จะเรียกค่าISO ได้สูงถึง3200 (ตอนดูรายละเอียดภาพ)
app นี้ผมซื้อ มาใช้นามากละครับ ตั้งแต่ nexus4
บอกได้ 2 คำว่า
ถ่ายออกมา ก็ยัง ก็สู้ เดิมๆ ของ nexus5 ไม่ได้
จะดีก็ตรง Manual ได้เยอะ แต่เอาตรงๆ คือ
auto nexus5 บน android 5 ดีกว่าเยอะ ครับ
ส่วน raw file ไม่รู้จะถ่ายทำไม ถ้าถ่ายจริง ผมเอา sony nex5 มาถ่ายดีกว่า
ในสภาพแสงทั่วไปมักจะไม่เห็นผลครับเพราะเรามีแสงมากเกินพออยู่แล้ว แต่ในสภาวะแสงน้อย การปรับ Shutter Speed ยาวๆแล้วบังคับให้ OIS ทำงานเต็มที่จะช่วยลด Noise ได้เยอะครับ
ผมเองก็มี NEX-F3 อยู่เหมือนกัน ถ้าจะถ่ายภาพ Landscape กลางคืนไปแปะ check in ขึ้น social เร็ว ปกติผมก็จะใช้มือถือนะ มีแอพนี้แล้วภาพสวยขึ้นเยอะ (แต่ไม่เยอะมาก ถ้าเทียบกับ Manual Camera
ปล ผมใช้ Photoshop Express ในมือถือแต่งไฟล์ RAW เอาครับ DR มาเยอะใช้ได้อยู่
แอพมันเด่นตรง Manual ครับ ถ้าเราไม่ Manual ตัวแอพนี้ ผมว่ามันก็ไม่มีประโยชน์เท่าไรหรอก
ส่วนฟีเจอร์ RAW อันนี้มันแล้วแต่คนครับ เขาไม่ได้บังคับให้ใช้
(ผมใช้แอพนี้ ก็ไม่เคยอยากใช้ แต่คนที่จะใช้จริงๆ ด้วยเหตุผลอะไรซักอย่างของเขา เขาก็ดีใจที่มีให้ใช้)
ผม Nex-5R ครับ รวม Sony สินะ :p
เอาจริงๆ ผมลองแอพนี้แล้วเป็นแอพที่รู้สึกเสียดายเงินมากก ปรับแต่งได้เยอะจริงแต่ปรับยังไงผลคือ กล้อง Auto เดิมๆของเครื่องถ่ายได้สวยกว่าอยู่ดี
ยิ่งไอ Speed shutter เนี่ยปัญหาเลย ต้องถามว่ามือคุณนิ่งพอกับการถ่ายไหม ตอบเลยว่าไม่ครับ แม้แต่รูปตัวอย่างก็เห็นเลยว่า
แสงมัน Overexposed ชัด แถมยังมัวๆ เพราะเปิดหน้ากล้องนานมือสั่นอีก มันพอถ่ายได้แต่คุณภาพรูปที่ได้เข้าขั้นแย่น่ะครับ
แอปนี้ก็ดีนะครับ เคยใช้ หัวเหว่ย พี8 ถ่ายภาพกล้องหน้าสวยมากกกก ชอบๆ
ไม่ต้องใช้แอปเลย 5555 ไม่ต้องพึ่งกล้องฟรุ้งฟริ้งด้วย