Samsung ส่งลูก Galaxy A6+ ลงสนามมาสู้กับค่ายอื่น ชนทั้งราคา 10,900 และ กล้องหน้าหลัง ที่รอบนี้ให้กล้องหน้ามาเยอะกว่าทุกรุ่นที่เคยมี กับความละเอียด 24 ล้านพิเซลเพื่อไปสู้กับบรรดามือถือเซลฟี่  และกล้องหลังสองตัว พร้อมโหมดหน้าชัดหลังเบลอ และปรับ Art Bokeh ได้แบบ S9+ อีกต่างหาก มาดูกันว่าราคานี้ สเปคนี้ รีวิวหลังจากการใช้งานมาจริงจังจะเป็นอย่างไร

ดีไซน์

หน้าตาของเจ้า Galaxy A6+ เนี่ยมีความคล้ายคลึงกับ Galaxy J7 Pro พอสมควร ทั้งบอดี้โลหะ และ หน้าตาลายเส้นบนตัวเครื่องด้านหลัง

หน้าจอ AMOLED FullHD ขนาด 6 นิ้ว สัดส่วน 18.5:9 Full Frontal Display กระจก Gorilla Glass เว้นพื้นที่ขอบข้างนิดนึง แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการใช้งาน  ด้านบนมีกล้องหน้า ลำโพง และ แฟลชค่ะ ซึ่งรุ่นนี้แฟลชกล้องหน้าสามารถปรับได้ถึง 3 ระดับ

ด้านหลังมีการเปลี่ยนแปลงจาก Galaxy A รุ่นก่อนๆ ทั้งวัสดุโลหะ และแถบเส้นสัญญาณ มีกล้องหลังคู่ ความละเอียดกล้องอยู่ที่ 16MP AF (F1.7) และ 5MP FF (F1.9) แฟลช และที่สแกนลายนิ้วมือค่ะ

ตัวเครื่องด้านบนของรุ่นนี้ ไม่มีสิ่งใดใดอยู่เลย โล่งๆ เรียบๆ เพราะย้ายที่ใส่ซิมไปไว้ด้านข้างแทน และสำหรับด้านล่างมีช่องชาร์จแบต Micro USB และ ช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm

ด้านข้างฝั่งซ้ายนี่ฮ็อตมาก เอาทุกอย่างมากองกันตรงนี้ ทั้งปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง ช่องใส่ซิม 1 และ ช่องใส่ซิม 2 + SD Card

ช่องใส่ซิมและ SD Card มาแบบแยกกันแบบนี้ ซิม 1 /  ซิม 2 + SD Card สแตนบายเป็น 4G + 3G/2G จ้าาา

ส่วนด้านขวาโล่งยาวๆเหลือไว้ให้เพียงปุ่น Power และ ลำโพงเท่านั้น

ส่วนตัวแล้วเครื่องขนาด 6 นิ้วอาจจะใช้เล่นมือเดียวยากไปซักนิด เพราะจอก็ใหญ่พอควรเลย ต้องมีเอื้อมเพื่อแตะจอกันบ้าง ส่วนปุ่มสแกนนิ้วมือเป็นตำแหน่งที่เอื้อมนิ้วไปถึง ใช้เวลาราวๆ 1 วินาทีในการปลดล็อค ไม่ได้เร็วจี๋ แต่ก็ไม่ได้ช้า อ้ออ น้ำหนักก็ไม่หนักเหมือนตอนจับ Galaxy A8 ด้วยนะ

 

การใช้งาน และ ประสิทธิภาพ

Galxy A6+ มาพร้อม Android 8.0 และ UI Samsung Experience 9.0 หน้าตาสไตล์ Samsung ที่คุ้นเคย ไม่มี App drawer ใช้วืธีลากจอขึ้น หรือ ลง เพื่อเข้าหน้า icon และ ลากอีกทีเพื่อออกไปหน้า Home

แถบการแจ้งเตือนอยู่ด้านบนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือถ้าไม่อยากให้ Always On Display แสดงตลอดเวลา เลือกตั้งเวลาแสดงผลได้ด้วย

ฟีเจอร์ที่เคยให้รุ่นก่อนๆก็ให้มาเหมือนกันไม่ว่าจะ ปลดล็อคด้วยใบหน้า(ใช้การจดจำเหมือนเดิม) ,  Multi windows ใช้งานแบ่งสองหน้าจอ, Pop-up View ลากเป็นจอลอยๆขึ้นมาได้ หลายแอพเลย อันนี้ดีมากเวลายุบเป็นไอค่อนกลมๆไม่รกจอด้วย  , Dual Messenger ใช้แอพโซเชียลได้ 2 บัญชี  , App pair จับคู่แอพไว้เป็นคู่ เรียกใช้งานทีเดียว 2 หน้าจอได้สะดวกๆ มีมาให้ใช้ครบเลย

แบตเตอร์รี่ที่ให้มา 3,500 mAh คือความประทับใจที่แท้จริง ดูวีดีโอชั่วโมงนึงลดไป 7 – 8% น้ำตาจะไหลเพราะแบตเราไม่ไหลแล้ว อยู่ได้วันนึงสบายมาก เช้ายันเย็นมีเหลือ 40 – 50% ได้เลย นอนเล่นได้อีกคืนนึงค่อยชาร์จตอนจะนอนตอนจะหลับ

ผลทดสอบอยู่ที่ 69,748 คะแนน สำหรับ Galaxy A6+ ตัวนี้ใช้ชิป Snapdragon 450 ให้มา RAM 4 GB ลองเข้าเกมดู สำหรับ ROV เฟรมเรทปกติ 30 fps นั้น อาจจะมีต้องรอตอนโหลดเข้าเกมซักแปป แต่หลังจากนั้นเล่นได้ไม่กระตุกแม้ตอนบวก (แต่ถ้าอัดวีดีโอไปด้วยไม่รอดนะ กระตุกตอนบวกแล้วไปกองตรงนั้นเยย)

แล้วก็มีลองเปิดสูตรเฟรมเรทสูงเล่น 60 fps ดู(ที่ปกติรุ่นนี้เปิดไม่ได้) วิ่งได้ถึง 59 – 60 เลยนะ แต่ส่วนใหญ่ก็เฉลี่ยที่ 40 – 50 เวลาบวกกันยกทีมเคยลงไปต่ำสุดคือ 24 แต่ไม่กระตุกค่ะ ส่วนเกม PUBG เล่นได้ลื่นที่ความละเอียดต่ำสุด ปานกลางก็ยังไหว แต่แบบต่ำจะเซฟกว่า

กล้องหลัง

กล้องหลังคู่ 16MP AF (F1.7) + 5MP FF (F1.9) ที่มาช่วยทั้งความเบลอ และ เพิ่มประสิทธิภาพของรูปถ่าย แน่นอนว่ามีกล้องคู่ ฟีเจอร์ Live Focus ก็มา ชอบตรงที่เราเลือกโหมดนี้แล้ว มันไม่ซูมเข้าไปให้เราต้องถอยไกลๆ เหมือนรุ่นก่อนๆนี่แหละ ส่วนเรื่องของความเบลอก็เริ่ด ถ่ายแก้วน้ำหลอดไม่ขาด ฝาครอบแก้วไม่เบลอกลืนไปกับฉาก เค้าใส่โหมดโปรมาให้ด้วยนะ ปรับได้ 3 อย่าง ชดเชยแสง , iso และ white balance ค่ะ

ด้วยความที่มี 2 กล้องและ รูรับแสงก็ช่วยเพิ่มความสามารถในการถ่าย ถ่ายตอนกลางวันนี่หายห่วงไปได้เลย ดีไม่แพ้ใคร เรื่องสีถ่ายออกมาค่อนข้างใกล้สีจริงแต่จะออกสว่างกว่านิดหน่อยค่ะ แต่พอเจอสีแดงจัดๆแล้วกล้องก็จะเพี้ยนๆหน่อยแบบรูปดอกเข็ม 

กล้องในที่แสงน้อย/มืด

ถ่ายรูปตอนกลางคืน หรือ แสงน้อย ด้วยกล้องคู่ที่ให้มานั้น มีการปรับให้สว่างขึ้นกว่าตาเห็น ดึงความคม ความสว่างขึ้นมา ทำให้ภาพมีนอยซ์ แต่ว่าภาพที่ได้ออกมาทำได้ดีเลยนะ ชอบภาพที่ถ่ายริมถนน แสง สี และเงา ออกมาดูมีมิติดี แต่อย่างรูป Kengkawis ดูเหมือนถ่ายในที่พอมีแสงทำไมมันเบลอ แต่จริงๆ มันมืดกว่านั้นอีก นี่คือสว่างกว่าที่ดาเห็น

 

Live Focus + Art Bokeh

Live Focus ความดีอย่างแรกคือ เราไม่ต้องถอยหลังไปเพราะเลนส์มันซูมเข้าอีกแล้ว เคยถ่ายอยู่มุมไหน กดใช้ฟีเจอร์นี้ก็ภาพจะยังอยู่มุมเดิม แต่ก็มีต้องขยับเข้า-ออก ให้มันเบลอหลังจนกว่าจะขึ้นว่า Live Focus พร้อมใช้งานนะ ส่วนความยากง่ายในการให้มันโฟกัสพร้อมใช้งานเราว่าอยู่ที่มุมถ่าย ขยับๆ ดีดี องศาได้ก็จะถ่ายได้ง่ายๆเลย

ที่ชอบอีกอันคือมีฟีเจอร์ Art Bokeh มาให้ นับเป็นน้องๆ Galaxy S9+ เลย ถ่าย Live Focus เสร็จ มาแต่งโบเก้ให้เบลอเป็นรูปทรงต่างๆได้ต่อ แต่รูปที่จะทำอาร์ทโบเก้ได้ ส่วนใหญ่ต้องเป็นรูปที่ถ่ายออกมาแล้วเห็นความโบเก้เป็นจุดๆอยู่ก่อนแล้ว ไม่งั้นเลือกปรับแล้วมันจะไม่มีขึ้นมาให้เลือกรูปทรง เลือกได้แค่ความเบลออย่างเดียว จากรูปที่ถ่ายมา ทำได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเลย จากที่เคยคิดว่ากลางคืนแสงน้อยอาจจะไม่รอด แต่ก็นังได้อยู่ (รูปตอนกลางวันที่ถ่ายกับต้นไม้ ชอบความเบลอและความอาร์ทนั้นมาก)

ลองเอามาแต่งในแอพแต่งรูปต่อ อันนี้แล้วแต่ความชอบเลยว่าชอบโทนแบบไหน ที่อยากจะบอกคือรูปที่ถ่ายได้ เอาไปปรับแสง ปรับสีต่ออีกก็ยังได้ ความโบเก้ที่ได้มา รูปที่ได้มามันสวยดี จนอยากจับมันไปแต่งเติมอีกนิดให้เป็นสไตล์เรา

 

กล้องหน้า + Selfie Focus + AR Sticker

กล้องหน้า กล้องหน้า 24MP(F1.9) ให้มาชนค่ายอื่นโดยเฉพาะ เยอะที่สุดเท่าที่เคยให้แล้วจ้าา ปรับแต่งบิวตี้โหมดได้ ปรับสี ความเนียน หน้าวี ตาโต ครบหมด หลังๆ Samsung ก็ทำออกมาไม่ปลอม ไม่เอเลี่ยนแล้วแต่ถ้าปรับสุดก็จะดูออกอยู่ดีว่าปรับบิวตี้ แต่คราวนี้มีแฟลชกล้องหน้าให้มาด้วย ปรับได้ 3 ระดับ เป็นตัวช่วยเวลาถ่ายในที่แสงน้อยได้แจ่มมาก

Selfie Focus ถ่ายกล้องหน้าเบลอหลังก็ทำได้ หลายคนก็ได้นะ ลองสองคนมาแล้ว แต่ตรงนี้จะปรับความเนียน หรือ บิวตี้ไม่ได้ คือเนียนมาให้อัตโนมัติเลย บางรูปจมูกน้อยๆของเราก็จะหายไป (จากที่น้อยอยู่แล้ว บ้าจริง) ลองใช้แล้วชอบนะ เค้าไม่ได้เกลี่ยหน้าจนเป็นเอเลี่ยน ดูหน้าสุขภาพดีจังคะ ฮ่าๆ เบลอหลังก็เอาอยู่หมด

AR Sticker อันนี้มีมาหลายรุ่นแล้วไม่ต้องอธิบายมาก รุ่นนี้ก็ต้องให้มาอยู่แล้วเนอะ สติ๊กเกอร์ดุ๊กดิ๊กๆ หูแมว หูกระต่าย ถ่ายได้ทั้งวีดีโอ และ ภาพนิ่ง

ลองมาดูภาพชุดเซลฟี่หลายๆ แบบ ทั้งบิวตี้ระดับ 0 – 4 – 8 / แฟลชเซลฟี่ 3 ระดับ / เซลฟี่ โฟกัส (เบลอหลัง) / AR Sticker

สเปค GALAXY A6+ (2018)

  • ระบบปฏิบัติการณ์ Android 8.0 บน Samsung UX 9.0
  • หน้าจอ 6 นิ้ว  Super AMOLED Full HD+ (2220×1080) อัตราส่วน 18.5:9
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 450
  • ชิปกราฟิค Adreno 506
  • RAM 4GB
  • ROM 32GB
  • รองรับการเพิ่มหน่วยความจำด้วย microSD
  • กล้องหลังคู่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/1.7 + 5 ล้านพิกเซล f/1.9 ใช้ในการทำละลายหลัง
  • กล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล f/1.9 + LED Flash
  • แบตเตอรี่ 3,500 มิลลิแอมป์
  • ระบบเสียง Dolby Atmos
  • รองรับการสแกนลายนิ้วมือ
  • ราคาเปิดตัว 10,900 บาท

สรุป

สำหรับใครที่ชอบถ่ายภาพ หรือ เน้นกล้อง น่าจะเหมาะกับ Galaxy A6+ เพราะกล้องคู่ ทำ Art Bokeh  ได้ + กล้องหน้าที่ให้มาเต็มๆ ที่ 24 ล้านพิกเซล การใช้งานอื่นๆ ก็ได้สบายๆ เล่นเกมไหว ได้เรื่อยๆ แค่เกมกราฟฟิกหนักมากๆ อาจจะเปิดกราฟฟิกไม่ได้สุด มีติดก็ตรงที่ค่อนข้างหนักด้วยแบตที่ให้มา 3,500 mAh แต่แลกกับความอึดที่ให้มาใช้งานทั่วไปได้เกือบ 2 วันก็ถือว่าดี ส่วนลำโพงของตัวเครื่องนั้นความดังและคุณภาพเสียงมันก็จะครึ่งๆ กลางๆ หน่อย

รีวิวจบแล้วก็ต้องขอบอกว่า Galaxy A6+ แม้สเปคจะแรงสู้ค่ายอื่นๆ ในช่วงราคาหมื่นต้นไม่ได้ แต่ก็ยังมีเรื่องกล้องดีกว่าที่คาดเอาไว้ ถ่ายออกมาดูดีกว่า Galaxy A ในรุ่นก่อนๆ ฟีเจอร์เสริมของ Samsung UX และแบตเตอรี่ที่อึดกว่าที่คิด