ก่อนหน้านี้ผมได้เคยเปรียบเทียบสเปคของ Samsung Galaxy Core และ Galaxy Ace 3 ให้ดูกันไปแล้ว ซึ่งตอนนั้นก็เป็นแค่การเอาตัวเลข และค่าต่างๆมาเทียบให้ดูกัน ครั้งนี้จะขอเอามาเทียบประสบการณ์ใช้งานจริงที่ได้ทดสอบทั้งคู่มาเล่าให้ฟังกันครับ จะพยายามให้ครอบคลุมการใช้งานแต่ละแบบให้มากที่สุดแบ่งเป็นหัวข้อดังนี้

  1. ประสิทธิภาพการใช้งานทั่วไป
  2. ขนาดหน้าจอ สีสัน และความคมชัด
  3. การใช้งานโทรศัพท์
  4. กล้อง และการถ่ายภาพ
  5. การเล่นเกม อ่านเว็บ โซเชียล แชท ฯลฯ
  6. ความแตกต่างของ UI
  7. ภาพรวม


1. ประสิทธิภาพการใช้งานทั่วไป
CPU/GPU/RAM/Android:
Galaxy Core: Dual-core 1.2GHz (Cortex-A5) / Adreno 203 / RAM 1GB / Android 4.1.2
Galaxy Ace3: Dual-core 1.0GHz (Cortex-A9) / Videocore IV / RAM 1GB  / Android 4.2.2

ใน blog เปรียบเทียบก่อนหน้า ได้คาดไว้ว่า Galaxy Ace 3 ที่สัญญานนาฬิกาต่ำกว่า จะแรงและมีประสิทธิภาพมากกว่า Galaxy Core ก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เมื่อใช้งานทั่วไปแล้วรู้สึกว่า Galaxy Ace 3 ได้ความลื่นไหล ทำงานมัลติทาสก์ได้รวดเร็วกว่า Galaxy Core อย่างเห็นได้ชัด รวมถึง GPU ที่ก็แรงใช่ย่อย เล่นกราฟฟิกหนักๆได้ดีไม่แพ้ตัวราคาหมื่นเลย

Galaxy Ace 3 ชนะไปแบบสบายๆ

 

2. ขนาดหน้าจอ สีสัน และความคมชัด
Size/Type/Resolution/Multitouch
Galaxy Core: 4.3” / TFT LCD / WVGA(800×480) / 5 points
Galaxy Ace3: 4.0” / TFT LCD / WVGA(800×480) / 5 points

หลังจากลองใช้แล้ว ชอบขนาด 4.3” ของ Galaxy Core มากกว่า เพราะจับถนัด จะเลือกแตะ พิมพ์แชท ทำอะไรได้ดีกว่า แต่ว่า Galaxy Ace 3 จะให้สีสันทีสด และภาพที่คมกว่ามาก

Galaxy Core เฉือนไปแบบหวิวๆ จากประโยชน์ใช้งานที่สะดวกกว่า

 

3. การใช้งานโทรศัพท์
SIM/Support Network/Bluetooth
Galaxy Core: Dual microSIM / 900/2100MHz / v3.0 with A2DP
Galaxy Ace 3: Single SIM / 900/2100MHz / v4.0 with A2DP, LE, EDR

ทั้งคู่เห็นว่ามีการแยกเครือข่าย มีรุ่น 850MHz ขายทั้ง Core และ Ace 3 นะครับ ยังไม่เจอปัญหาเรื่องการจับสัญญานโทรศัพท์อะไร ส่วน Core ที่เป็น Dual SIM สามารถใช้งาน 3G ได้ซิมใดซิมหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ดีที่สามารถสั่งสลับซิม 2G/3G ได้โดยไม่ต้องถอดเปลี่ยนซิม

ผมได้ลองเอาซิม Truemove H ใส่ลงไปทั้ง Core และ Ace 3 พบว่ามันจับสัญญาณ 2100MHz ได้แล้ว น่าจะเริ่มตั้งเสาเป็นบางส่วนในหัวเมืองใหญ่ แต่ว่าเสาหลักยังเป็น 850MHz อยู่เช่นเดียวกับ DTAC ครับ แต่ค่ายใบพัดสีฟ้าน่าจะค่อยๆมี 2100MHz มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าใครเอาไปใช้กับสองเครือข่ายนี้ในช่วงปี 2013 ก็ระวังเรื่องแบตหน่อยละกัน เพราะถ้าเสาน้อยๆก็จะทำให้กินแบตซดโฮกเลยครับ

Bluetooth ที่ใช้ใน Galaxy Ace 3 จะเป็นเวอร์ชั่นใหม่กว่า Core ซึ่งรับสัญญานได้ไกลขึ้น ดาต้ารับส่งดีขึ้น แถมประหยัดพลังงานมากกว่า แต่ว่าตอนนี้อุปกรณ์ที่รองรับ v4.0 นั้นยังมีน้อยเหลือเกิน หรือถ้ามีก็มักจะราคาแพงครับ ยังไม่แนะนำให้เอาเรื่องนี้เป็นประเด็นเอาไปตัดสินใจ

ข้อนี้ตัดสินให้ Galaxy Core และ Ace 3 เสมอกันไปครับ

 

4. กล้องและการถ่ายภาพ
Galaxy Core: 5MP + Autofocus + Flash, 480p
Galaxy Ace 3: 5MP + Autofocus + Flash, 720p

UI หรือหน้าตาแอพกล้องของสองรุ่นนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะ Core จะยังใช้ UI แบบเก่าอยู่ ซึ่งดูแล้วใช้งานยากกว่าบน Ace 3 ที่ปรับดีไซน์มาใกล้เคียงกับ S4 แค่ตัดฟีเจอร์ออกบางส่วน และบน Galaxy Ace 3 ยังเหนือกว่า Core ด้วยตรงที่มีฟีเจอร์ Sound and Shot (ส่วนจะใช้ไม่ใช้นี่อีกเรื่องนะ)

แม้จะมีฟีเจอร์กับหน้าตาที่ต่างกัน แต่สุดท้ายแล้วก็ถ่ายรูปได้เหมือนกัน และเนื้อรูปนี่แหละที่น่าสนใจมากกว่า ไปดูตัวอย่างเปรียบเทียบกันเลยครับ


core/ace 3

core/ace3

core/ace3

อย่างที่เห็นครับ คุณภาพไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากมาย และสีสันออกมาอยู่ในระดับโอเคเลยทีเดียว ต้องขออภัยที่พลาดตั้งความละเอียดกล้องตอนถ่ายให้ Galaxy Core เป็น 4:3 (5ล้านพิกเซล) ส่วน Galaxy Ace 3 เป็น 16:9 (4ล้านพิกเซล)

ไปดูภาพตัวอย่างของ Galaxy Core และ Galaxy Ace 3  ได้ครับ

   UI กล้องของ Galaxy Core จะเป็นเหมือนรุ่นเก่า

  UI กล้องของ Galaxy Ace 3 จะคล้าย S4

แต่ข้อนี้ขอให้ Galaxy Ace 3 เฉือนไปเล็กน้อยจาก UI และฟีเจอร์ที่สดกว่า รวมถึงลื่นกว่าด้วย

 

5. การเล่นเกม อ่านเว็บ โซเชียล แชท นำทาง ฯลฯ
Internal Memory/GPS
Galaxy Core: 8GB + microSD up to 64GB / GPS
Galaxy Ace 3: 4GB + microSD up to 64GB / GPS + Glonass

ถ้าเล่นเกมทั่วไปอย่าง Candy Crush Saga หรือว่า Temple Run ทั้งคู่ไม่แตกต่างอะไรกันมาก แต่เมื่อเล่นเกมแบบซีเรียสหน่อยที่ต้องการการบังคับเยอะๆ กราฟฟิกสวยๆ Galaxy Core แย่กว่ามาก เพราะ

Galaxy Core – เล่นแล้วกระตุกสุดๆ เจอ 3D หนักๆสวยๆเล่นแล้วไม่ถึงอรรถรสเลย

Galaxy Ace 3 – ทุกอย่างโอเค แต่เจอปัญหา Multitouch เด้งตอนลากนิ้วตัดกันตอนแนวนอน ทำให้บังคับเกมที่จอด้านซ้ายเป็นตัวบังคับเดิน ด้านขวาเป็นปุ่มปรับทิศทางยิงไม่ได้ มันจะขาดๆกระตุกๆเสมอ เล่นได้ไม่สนุกเท่าไหร่ ทดลองเล่น ShadowGun แล้วตายตลอดเพราะว่าเดินๆยิงๆไม่ได้ ซึ่งอาการนี้ไม่ได้เป็นตลอดนะ เหมือนว่าจะ restart ก็หายมั้ง ยังหาสาเหตุไม่เจอ -__-

ส่วนเรื่องเมม หรือหน่วยความจำในเครื่องก็ Galaxy Core มีภาษีดีกว่าที่ให้มาถึง 8GB (เหลือใช้งานจริงราว 4.7GB) ลงเกมได้มากกว่า เสียแค่ว่าไม่สามารถย้ายข้อมูลไป Memory Card ได้ แต่ Ace 3 ดันทำได้ซะงั้น ซึ่งพอจะเอามาโปะข้อเสียที่มีเมมน้อยแค่ 4GB (เหลือใช้งานจริงราว 2GB) ได้บ้าง ก็ไม่รู้ว่าถ้า Galaxy Core ได้รับอัพเดทเป็น 4.2.2 แล้วจะเพิ่มฟีเจอร์ย้ายแอพไป SD card ให้หรือเปล่า แต่บอกเลยการที่เมมให้มาแบบนี้ จัดว่าเป็นปัญหาทั้ง Core และ Ace 3 สำหรับคนชอบลงแอพ ลงเกมเยอะๆในเครื่องครับ

อ่านเว็บ Galaxy Core จะได้เปรียบเรื่องขนาดที่ใหญ่กว่า แต่ว่า Galaxy Ace 3 จะมีดีที่ภาษาไทยทำมาสมบูรณ์กว่า อ่านดูสวยงาม แล้วก็ด้วย software ที่ปรับแต่งมาดีกว่า เวลาลากอ่านเนื้อหาบนเว็บก็จะลื่นกว่าเล็กน้อย แต่โดยรวมผมให้น้ำหนักกับ Galaxy Core ที่จอใหญ่มากกว่านะ

Social Media และ Chat ข้อนี้ก็จะคล้ายๆเว็บที่ Galaxy Core จอใหญ่เต็มตากว่า แถมการพิมพ์ก็ง่ายและแม่นยำกว่าด้วย แต่ความลื่นไหลของแอพมันจะด้อยกว่า Ace 3 จริงๆเลยเป็นอะไรที่ขัดใจไม่น้อยเลยตอนใช้งาน แต่ก็เช่นเดิม ผมให้น้ำหนักกับจอใหญ่มากกว่า Galaxy Core เลยเฉือนไปอีกเล็กน้อย

การนำทาง ณ จุดนี้ให้ Galaxy Ace 3 ชนะไปแบบเต็มๆเพราะจับสัญญานได้ไวกว่ามาก ส่วนนึงน่าจะเพราะ GLONASS เห็นดาวเทียมเยอะกว่า Galaxy Core เป็นเท่าตัวเลย แต่ทั้งสองรุ่นนี้ยังไม่ทิ้งความเป็นซัมซุงที่ชอบจับสัญญานแล้วก็ปล่อยหลุดเรื่อยๆ ไม่จับไว้ตลอดเวลา ความแม่นยำเลยไม่ได้ดีขนาดนั้น แถมวันดีคืนดีก็เอ๋อ และจับสัญญานไม่ได้อีกต่างหาก ต้องปิดเปิดเครื่องใหม่เลย (เคยเจอทั้งใน Note 2 และ Note 8)

ลองเอาไปเล่น ingress แล้ว Galaxy Ace 3 ทำได้ดีกว่า Galaxy Core มากด้วยเหตุผลเรื่องความแม่นยำของ GPS ที่มากกว่าครับ

  
core / ace 3 ที่เห็นนั่นคือจำนวนดาวเทียมที่หาได้ในสถานที่เดียวกัน 2:18 ดวง

ดูหนังฟังเพลงยูทูป ก็เหมือนเดิมครับคล้ายๆกับเกมและเว็บที่หน้าจอใหญ่กว่าก็มันส์กว่า คุณภาพเสียงที่ให้ออกมาจากลำโพง หรือว่าหูฟัง ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ครับ เสียงเบสไม่ออกด้วยกันทั้งคู่(ฮาา) ลองเทียบกับ A706 แล้วเสียงจาก Dolby® Digital Plus เบสมันตึ๊บมากกก เอ๊ะ…ไม่ใช่รีวิว Lenovo A706 เดี๋ยวมีตามมาให้เร็วๆนี้นะ

 

6. ความแตกต่างของ UI

ด้วยความสดของซอฟท์แวร์ Galaxy Ace 3 ทำให้มีการปรับหน้าตาการใช้งานหลายๆอย่าง รวมถึง Samsung Apps บางตัวให้เป็นตัวเดียวกับ S4 มาให้งานกัน ซึ่ง Galaxy Core น่าจะต้องรออัพเดท (มาเมื่อไหร่ไม่รู้) ถึงจะได้ฟีเจอร์และหน้าตาคล้ายๆกันมา ถ้าเอาซอฟท์แวร์ ณ วันวางขาย เท่าที่ผมเจอ มีความแตกต่างกันตามนี้

  • หน้าจอ Lockscreen ของ Ace 3 เป็นแบบ S4 วิ้งๆ
  • Quick Settings ของ Ace 3 ก็เป็นแบบ S4 อีกเช่นกัน ที่เลือกเปิดปิดง่ายกว่า
  • Settings ของ Ace 3 มีการจัดหมวดหมู่แบบ S4 เข้าถึงง่ายกว่าเดิม
  • Ace 3 มี Blocking Mode (เปิดตอนนอนหรือเวลาที่ไม่ต้องการให้มีคนกวน), Driving Mode (เปิดตอนขับรถให้สายเข้ารับและเปิด speaker ทันที), Safety assistance (กด vol up + down แล้วจะส่งข้อความขอความช่วยเหลือทันที)
  • Ace 3 ดูพื้นที่ที่เหลืออยู่ได้สะดวกขึ้น
  • กล้อง Ace 3 มีโหมด Sound and Shot

 

7. ภาพรวม

Galaxy Ace 3 ดูเป็นโทรศัพท์ที่ทำซอฟท์แวร์มาพร้อมขายมากกว่า ทั้งมาพร้อมกับ Android เวอร์ชั่น 4.2.2 ภาษาไทย มีการแก้ layout keyboard มาให้ถูกต้อง ไม่มีสระลอย ตัวหนาบางเอียงก็แสดงผลได้สมบูรณ์แล้ว รวมถึง Hardware ที่หลายๆคนอาจจะมองว่างั้นๆ แต่ประสิทธิภาพจริงๆแจ่มมาก CPU แม้จะเป็น Dual-core 1GHz แต่ว่าเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ A9 ส่วน Galaxy Core แค่ A5 ทำให้ 0.2GHz ที่ต่างกันนั้นไม่มีผลอะไรเลย วัด Quadrant ออกมา Galaxy Ace 3 ทำได้ดีกว่าทุกด้าน รวมถึง GPU ที่ก็ทำออกมาได้แรงกว่ารุ่นที่ใส่อยู่ใน Quadcore บางตัวด้วยซ้ำ ฉะนั้นบอกเลยว่า Ace 3 จัดอยู่ในระดับน่าใช้เลย

ส่วน Galaxy Core วันนี้ที่สนใจมีแค่เรื่องที่จอใหญ่และสองซิมที่น่าสนใจ ด้านอื่นๆไม่ปลื้มเท่าไหร่นัก น่าจะต้องรอดูตอนอัพเดทเป็น Android 4.2.2 อีกครั้ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ด้วย

 

สรุป

 

Galaxy Core

Galaxy Ace 3

ข้อดี

– จอใหญ่

– สองซิม

– Chipset เป็น Cortex-A9 แรงส์!

ข้อเสีย

– Chipset (CPU&GPU) เก่าไป

– ภาพรวมดูช้าและกระตุก ไม่ลื่น

– GPS จับสัญญานแย่

– Touchscreen ไม่สมบูรณ์

– จอค่อนข้างเล็ก

(ข้อดีข้อเสีย ไม่ได้เปรียบเทียบกัน แต่ดึงจุดที่ชอบ ไม่ชอบเด่นๆออกมานะ)

 

เลือกอะไรดีระหว่าง Galaxy Core และ Ace 3?

ไม่ได้ใช้อะไรมาก เน้นแชท เฟซทั่วไป ผมแนะนำ Galaxy Core เอาจอใหญ่ไว้ก่อน ไม่สมูทน่าจะพอรับได้สำหรับบางคน

คนที่เล่นจริงจัง เอาทุกอย่าง ผมว่าไป Galaxy Ace 3 เพราะว่าครบกว่าเยอะครับ

 

ซื้อ Samsung ดีมั้ย? คำถามที่โดนถามประจำ

มันก็มีคนใช้อยู่เยอะนะ ทั้งดีบ้างด่าบ้างตามประสา แต่อย่างน้อยข้อดีคือซัมซุงดูเหมือนจะพยายามแก้ปัญหา (ในส่วนที่แก้ได้) ได้ดี เรื่องสเปควันนี้บอกเลยว่ารุ่นราคาต่ำๆ Samsung ให้มาน้อยกว่าชาวบ้านเค้าเยอะมาก ถ้าใครมองสเปคเป็นหลัก Samsung ไม่ใช่ทางเลือกแน่นอนครับ แต่เชื่อว่าอีกหลายๆคนให้ความเชื่อใจแบรนด์นี้ พอๆกับแฟนๆของ HTC Sony ที่วางใจแบรนด์เค้าเหมือนกัน จึงทำให้ Samsung ก็ยังเป็นแบรนด์ที่ไม่ได้แย่อย่างที่ใครๆคิดนัก เรื่องความเสถียรและความน่าเชื่อถือในอุปกรณ์ผมว่าก็ไม่ได้แพ้แบรนด์อื่นๆครับ เรื่องพวกนี้มันเหมือนดวงว่าเราถูกโฉลกกับแบรนด์ไหน บางครั้งแบรนด์ที่คนด่ากันว่าเจ๊งเร็ว แต่อยู่ในมือเรากลับทนถึกตายยากก็เป็นได้ หรือในทางกลับกัน แบรนด์ที่เค้าว่าดีๆ มาอยู่ในมือเรา ปัญหาโคตรเยอะ แก้เครื่องมาก็พร้อมจะตายคามือก็มี ลองดูกันไปครับ 😀

 

ทิ้งท้าย

ถ้าตกหล่นตรงไหน อยากให้เพิ่มเติมอะไร หรืออยากคอมเม้นท์การรีวิวบอกได้ครับ 🙂

ตัวนี้ได้มาจับเทียบกับ Lenovo A706 และ True Beyond 3G ซึ่งมีให้อ่านต่อเร็วๆนี้ บอกเลยน่าสนใจไม่แพ้กันครับ 😉

สามารถไปดู ตารางสเปคเปรียบเทียบละเอียดๆระหว่าง Galaxy Core และ Galaxy Ace 3 กันได้ โดยในตารางนี้จะมีตัวเลขและค่าต่างๆล้วนๆครับ

หรือว่าจะไปอ่านวิเคราะห์สเปคตอนแรกได้ที่ เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Core vs Galaxy Ace 3

ตอนนี้เว็บบอร์ดรวมกับทาง Ace 2 อยู่นะครับ เข้าไปพูดคุยกับเพื่อนๆได้เลย

เพิ่มเติม ทำวิดีโอขึ้นมาเพื่อประกอบรีวิวแต่ละหัวข้อนะครับ

Play video