LG G6 นั้นถูกเปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงต้นปีแล้ว แต่ล่าสุดในบ้านเราก็มีข่าวดีว่า LG ประเทศไทยนั้นจะกลับมาจำหน่ายสมาร์ทโฟนกันอีกครั้ง โดยรุ่นแรกที่จะวางจำหน่ายพร้อมกับการกลับมาครั้งนี้ก็คือ LG G6 นั่นเอง วันนี้เราก็เลยทำการจับเจ้า LG G6 มารีวิวให้ดูกันว่า สมาร์ทโฟนเรือธงในช่วงต้นปีนั้นยังคุ้มค่ากับการซื้อในช่วงปลายปีหรือไม่ ไปดูกันเลยครับ

สเปคของ LG G6

  • OS: Android 7.0
  • หน้าจอ: 5.7” IPS LCD FullVision QHD+ 1440 x 2880 พิกเซล
  • CPU: Qualcomm Snapdragon 821 Octa-core 2.35GHz
  • GPU: Adreno 530
  • RAM: 4GB
  • หน่วยความจำภายใน: 64GB รองรับ microSD การ์ด สูงสุด 256GB
  • กล้องหลังคู่: 13MP f/1.8, OIS, PDAF + 13MP f/2.4
  • กล้องหน้า: 5MP f/2.2
  • การเชื่อมต่อ:
    • Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
    • Bluetooth 4.2, A2DP, LE, aptX HD
    • GPS, A-GPS, GLONASS, BDS
    • มี NFC,
    • มี FM Radio
    • USB Type-C 3.1
  • มี Fingerprint Scanner
  • รองรับ 4G LTE
  • รองรับ 2 ซิม แบบ Hybrid Slot (ซิมสองแชร์ช่องกับ microSD การ์ด)
  • แบตเตอรี่: 3,300 mAh รองรับ Quick Charge 3.0
  • สัดส่วน: 148.9 x 71.9 x 7.9 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 163 กรัม

 

แกะกล่อง

หน้าตากล่องของ LG G6 นั้นค่อนข้างเรียบง่ายและกระทัดรัด โดยตัวกล่องนั้นเป็นสีดำสนิทและมีสัญลักษณ์ G6 อยู่ตรงกลาง ดูใช้พื้นที่ได้ไม่ฟุ่มเฟือยดี

สำหรับอุปกรณ์ที่แถมมาให้ด้วยก็จะมี ผ้าเช็ดหน้าจอ หม้อแปลง สายชาร์จ USB Type-C และหูฟัง

หม้อแปลงจ่ายไฟสูงสุดอยู่ที่ 9V 1.8A ซึ่งตัวเครื่องนั้นรองรับ Quick Charge 3.0

 

ดีไซน์และตัวเครื่อง

รอบนี้ LG มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์อยู่พอสมควร โดยอย่างที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดก็คือในเรื่องของวัสดุ ที่รอบนี้เปลี่ยนมาใช้เป็นโลหะผสมผสานกับกระจก ซึ่งจะแตกต่างจากมือถือของ LG สมัยก่อนที่จะทำให้สามารถถอดแบตได้ แต่รอบนี้เปลี่ยนมาเป็น unibody แทน พร้อมกับทำให้รองรับการกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 อีกด้วย

ครั้งแรกที่เห็น LG G6 ก็รู้สึกว่ามันสวยมาก หน้าจอแบบเต็มจอ ขอบบาง ตัวเครื่องโลหะผสมผสานกับฝาหลังที่เป็นกระจก โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกชอบมากกว่า Galaxy S8 ด้วยซ้ำ (ความเห็นส่วนตัว) โดยตัวกระจกหลังนั้นเป็นกระจก Gorilla Glass 5 แต่ว่ากระจกหน้าจอนั้นเป็น Gorilla Glass 3

บริเวณด้านบนของหน้าจอมีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 พร้อมกับเซนเซอร์สำหรับการวัดแสงและวัดระยะ รวมไปถึงลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา ส่วนด้านล่างนั้นมีความหนามากกว่าด้านบนเล็กน้อย แต่ว่ามีเพียงแค่โลโก้ LG เท่านั้น

ด้านซ้ายของตัวเครื่องก็จะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง แต่ผมรู้สึกการวางปุ่มนั้นอยู่สูงไปหน่อย ต้องใช้การเอื้อมเล็กน้อย ส่วนด้านขวาเป็นที่เก็บถาดซิม โดยถาดซิมนั้นเป็นแบบ Hybrid slot ต้องเลือกว่าจะใส่ซิมสองหรือว่าจะใส่ microSD การ์ดครับ

หมุนมาทางด้านบนของตัวเครื่องจะเจอกับรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร พร้อมกับไมโครโฟนตัดเสียงตัวที่สอง 

สำหรับ รูไมโครโฟนสนทนา ช่องเสียบ USB Type-C และ ลำโพง นั้นจะอยู่ทางด้านล่างของตัวเครื่อง

กล้องคู่ 13MP + 13MP ที่ด้านหลังของตัวเครื่องถูกป้องกันด้วยกระจก Gorilla Glass 3 และถัดลงมาเล็กน้อย ก็จะเจอกับตัวสแกนลายนิ้วมือที่ทำหน้าที่เป็นปุ่มพาวเวอร์ด้วย หมายความว่ามันสามารถที่จะกดได้ครับ โดยตำแหน่งในการวางปุ่มนั้นพอดีกับนิ้วชี้มากๆ แต่รู้สึกว่าการปลดล็อกนั้นช้าไปหน่อย

 

หน้าจอ FullVision 18:9

หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.7 นิ้ว FullVision อัตราส่วน 18:9 (2:1) นั้นทำให้ตัวเครื่องนั้นมีขนาดพอๆ กับสมาร์ทโฟนหน้าจอขนาด 5.2-5.5 นิ้ว ทั่วๆ ไปเลย ส่วนความละเอียดนั้นอยู่ที่ QHD+ 1440 x 2880 พิกเซล ที่ต้องบอกเลยว่าเป็นหน้าจอที่สวยมาก เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นหลักๆ ของ LG G6 เลยก็ว่าได้

บริเวณมุมทั้ง 4 มีการทำให้โค้งมล ที่โค้งไม่สุด ยังเหลือมุมแหลมๆ ให้เราเห็นอยู่ แต่การใช้งานจริงนั้นก็ไม่ได้ติดใจอะไร แค่ดูแปลกๆ เล็กน้อยเท่านั้น

LG G6 เป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกที่รองรับระบบ HDR10 และ Dolby Vision ซึ่งช่วยให้ภาพนั้นดูคมชัด สีสันสวยงาม และมีความสว่างที่มากขึ้น อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังไม่ค่อยมีคนที่ทำวิดีโอออกมารองรับระบบนี้ซักเท่าไหร่นัก แต่ในเปิดตัวนั้นมีพูดถึง Netflix จะทำวิดีโอระบบ HDR ออกมา อยู่เหมือนกันครับ

 

ประสิทธิภาพการใช้งาน

LG G6 นั้นเป็นรุ่นเรือธงต้นปีที่ซึ่งติดปัญหาว่าตอนนั้นชิปรุ่นใหม่ยังไม่พร้อม ทำให้ต้องใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 821 ไปก่อน ส่วน RAM นั้นให้มาที่ 4GB และมีหน่วยความจำภายในที่ 64GB

สำหรับการใช้งานทั่วไปนั้นลื่นไหลไม่ต่างกับสมาร์ทโฟนเรือธงของปีที่แล้ว แต่ถ้าจะให้เทียบกับเรือธงเจ้าอื่นๆ ในปีนี้ที่ใช้ชิป Snapdragon 835 ก็จะเห็นผลต่างอยู่ ระหว่างการใช้งานก็ยังมีเจออาการกระตุกให้เห็นบ้างในบางครั้ง

ในส่วนของการเล่นเกม เท่าที่ลองกับเกมสุดฮิตตอนนี้อย่าง RoV ก็ถึงขั้นกับแปลกใจที่ LG G6 นั้นเล่นแล้วมีกระตุกหากเปิดทุกการตั้งค่าสุดนั้นมีอาการ framerate ตกมาที่ระดับ 20fps แต่ถ้าเลือกปิดเค้าโครงอันนี้เล่นได้ลื่นไหลอยู่ framerate เฉลี่ยดีขึ้น 28-30fps แต่ที่จริงแล้วควรจะสามารถเล่นได้ลื่นกว่านี้นะ อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นที่ตัวเกมด้วยหรือเปล่านะครับ

ผลการทดสอบ benchmark ของ AnTuTu ก็ได้คะแนนออกมาที่ประมาณ 110000 ซึ่งก็พอๆ กับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่ใช้ชิป Snapdragon 821 นั่นแหละครับ

 

ระบบเสียง Hi-Fi Quad DAC

LG G6 นั้นมาพร้อมกับระบบเสียง Hi-Fi Quad DAC โดยจะสามารถใช้ได้ตอนที่เสียบหูฟังเท่านั้น ซึ่งเท่าที่ลองเปรียบเทียบดูกับตอนไม่เปิดแล้วก็ได้ยินความต่างค่อนข้างที่จะชัดเจน โดยเสียงนั้นจะมี dynamic range ที่กว้างขึ้น ทำให้การแยกเสียงต่ำและเสียงสูงนั้นมีความชัดเจนมากขึ้น และเรายังสามารถที่จะปรับระดับความดังเสียงของหูซ้ายกับหูขวาให้แตกต่างกันได้อีกด้วย

 

กล้องหลังคู่ 13MP + 13MP

ผมชอบ UI กล้องของ LG มาตั้งแต่ตอน LG G4 แล้ว และเมื่อมาได้ลองใช้ LG G6 ก็รู้สึกชอบมากกว่าเดิม โดย UI กล้องของ LG G6 นั้นเรียบง่ายและใช้งานง่าย มีโหมดให้เลือกเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Panorama, 360 Panorama, Food, Popout, Snap, Slo-mo และ Time-lapse แต่ว่าการเปิด-ปิด HDR นั้นจะอยู่ภายใต้ การตั้งค่า อีกที

นอกจากนี้ก็ยังมีลูกเล่นใหม่ที่เสริมเข้ามา อย่างโหมด Square ที่เป็นการแบ่งครึ่งหน้าจอสำหรับถ่ายภาพแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยภาพที่ถ่ายแล้วจะไปอยู่ทางด้านล่างหรือทางด้านขวาของหน้าจอ เหมาะสำหรับคนที่อยากภาพถ่ายมุมเดียวกัน

ส่วนโหมด manual ของ LG G6 ก็มีให้เลือกปรับได้หลากหลาย อย่าง White Balance, Focus, Exposure, ISO และ Speed Shutter ซึ่งส่วนตัวแล้วรู้สึกชอบโหมด manual ของ LG มากๆ เพราะว่าใช้งานได้ง่ายมากนั่นเองครับ แถมยังสามารถใช้งานโหมด manual ระหว่างการถ่ายวิดีโอได้ด้วยนะ

กล้องหลังคู่ของ LG G6 มีความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล f/1.8 + 13 ล้านพิกเซล f/2.4 โดยเลนส์ที่สองนั้นเลือกใช้เป็นเลนส์ Wide ซึ่งเป็นลูกเล่นหลักของ LG G6 เลยก็ว่าได้ เท่าที่ได้ลองๆ ถ่ายมาก็รู้สึกว่าเลนส์หลักนั้นมีมุมมองที่ค่อนข้างแคบไปนิด แต่ว่าเหมาะกับการถ่ายภาพแบบไมโครหรือระยะใกล้เสียมากกว่า แต่ถ้าเป็นคนชอบถ่ายวิวทิวทัศน์ ก็แนะนำว่าให้เปลี่ยนมาใช้เลนส์ Wide แทน 

ส่วนกล้องหน้าถึงแม้ว่าจะมีเพียงแค่เลนส์เดียวที่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แต่ว่าก็สามารถที่จะถ่ายโหมด Groufie ได้ด้วย แบบเดียวกับตอน LG V20 นั่นเอง

 

สรุป

เท่าๆ ที่ลองเล่น LG G6 มาก็ติดใจหน้าจอมากๆ โดยหน้าจอนั้นให้สีสันที่สวยงาม และการที่เป็นหน้าจออัตราส่วน 18:9 ก็ทำให้มีพื้นที่ใช้งานเพิ่มมากขึ้น ในขนาดตัวเครื่องที่ไม่ได้ใหญ่ขึ้น อีกอย่างที่เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือกล้องเลนส์ Wide ที่เหมาะกับการถ่ายภาพวิว ถ่ายออกมาแล้วหล่อเลยละครับ ส่วนสเปคที่ใช้เป็นชิป Snapdragon 821 และ RAM 4GB ก็ถือว่ายังสามารถใช้งานได้ค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าจะมีอาการติดขัดให้เห็นบ้างเป็นบางครั้ง แต่ถ้าให้พูดตามตรงก็ต้องบอกว่า ในตลาดตอนนี้ก็มีรุ่นอื่นๆ ที่น่าเล่นมากกว่า LG G6 อยู่เยอะพอสมควร แต่ใครจะชอบการใช้งานแบบไหนก็ต้องลองไปเล่นเปรียบเทียบกันดูก่อนนะครับ

 

ตอนนี้ทาง AIS มีโปรโมชั่น ซื้อ LG G6 วันนี้ จะได้รับ LED TV 43″ มูลค่า 13,900 บาท ฟรี และก็มีส่วนลดสูงสุด 4,000 บาท ที่ เอไอเอส ช็อป ที่ร่วมรายการ โดยราคานั้นอยู่ที่ 24,990 บาท ส่วนจะมีสาขาไหนบ้างก็สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ LG ได้เลยครับ