วางขายกันไปเรียบร้อยสำหรับ OPPO F7 เขื่อว่าหลายๆ คนน่าจะไปจองกันแล้ว ส่วนใครที่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกสีไหนดี วันนี้ใน รีวิว OPPO F7 เราได้อัญเชิญเครื่องสีดำประกายเพชร Black Diamond ที่ก่อนหน้านี้เปิดให้จองเฉพาะแบรนด์ช็อปมาให้ได้ยลโฉมกันด้วย จากตอนแรกทีี่ผมว่าสีแดงมันก็เผ็ดจัดจ้านอยู่แล้ว พอมาวางเทียบกับสีดำนี่ มันคนละอารมณ์เลยจริงๆ

ความแรงของสี Solar Red นี่โดนความเข้มเรียบหรูของ Black Diamond เข้ามาขโมยซีนไปเลยก็ว่าได้

ถ้าถือปกติ ไม่มีแสงมากระทบ มันก็จะดูเป็นสีดำๆ ธรรมดาครับ แต่ถ้าขยับได้มุมเมื่อไหร่ ความแวววาวบลิงบลิงมันก็จะมาทันที

อ่อ รุ่นนี้ก็ยังคงเป็น F7 มาตรฐาน ที่มาพร้อมกับ RAM 4GB / ROM 64GB ที่ราคา 10990 บาทนะครับ คือตัว 128GB นั้นจะเริ่มวางขายวันที่ 5 พฤษภาคมโน่น ซึ่งจริงๆ แล้วด้วยสเปค CPU ที่พอๆ กันผมว่าจะเลือกรุ่น 64 หรือ 128 ก็แล้วแต่ความชอบเลย อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องก็ชุดเดียวกันกับตอนพรีวิวนั่นแหละ มีเคสซิลิโคนใส หม้อแปลง 5V 2A หูฟัง smalltalk และสาย micro USB

ด้านหน้าของสีดำ มันก็จะดูคลีนๆ เป็นอันเดียวกัน เพราะขอบก็เป็นสีเข้มด้วย

ซึ่งจะต่างจากสีแดงที่เฟรมรอบตัวเครื่องนั้นเป็นสีแดง และเห็นได้จากด้านหน้าด้วยนิดหน่อย

 

วัสดุและงานประกอบ

ในช่วงแรกที่ได้มาเล่นมือถือรุ่นใหม่ๆ ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวนิดนึงครับ หน้าจอ 19:9 นี่หลายๆ คนอาจจะไม่คุ้นเพราะว่าความสูงของตัวเครื่องนั้นมาจากหน้าจอที่ยืดขึ้นกว่าเดิม (แต่ถ้าเปลี่ยนจาก F5 น่าจะไม่เป็นปัญหามาก) สักพักก็จะชินไปเอง ส่วนที่ประทับใจตั้งแต่แรกจับเลยคือน่้ำหนัก เพราะมันเบามากถ้าเทียบกับมือถือที่มีแบตเตอรี่ 3400 มิลลิแอมป์รุ่นอื่นๆ ในตลาด โดยรวมผมว่าดีไซน์ค่อนข้างลงตัว แต่จะติดก็ตรงที่กรอบหน้าจอมันยื่นออกมาจากตัวเฟรมเครื่องสูงไปนิด

งานประกอบรวมๆ แล้วถือว่าแน่นหนาดี ปุ่มต่างๆ ไม่มีอาการยุบหรือจม สาเหตุนึงที่ทำให้ตัวเครื่องเบาก็เพราะเลือกใช้เฟรมที่เป็นไฟเบอร์นั่นเอง กรอบด้านบนจะมีรูเล็กๆ อยู่ นั่นคือไมโครโฟนตัวที่สองเอาไว้สำหรับตัดเสียงเวลาโทรศัพท์นะครับ ยังไงถ้าจะหาเคสอื่นมาใส่แทนเคสแถมก็ระวังอย่าให้มันไปปิดรูนี้ก็แล้วกัน ไม่งั้นจะมีปัญหาเอาได้

 

UI และการใช้งาน Color OS 5.0

UI โดยรวมส่วนของหน้า Home และการตั้งค่าใน Setting ก็ยังคงเดิมเอาไว้ ปรับแต่งหน้าจอหลักได้ด้วยการลาก 2 นิ้วเข้าหากัน เช่นการเปลี่ยนเอฟเฟคเลื่อนจอ หรือเพิ่ม widget เข้ามาช่วยในการดูข้อมูลทั่วไปโดยไม่ต้องเปิดแอป

ผมเคยบ่นไปรอบนึงเมื่อ Color OS เวอร์ชั่นก่อนหน้าที่เอา toggle switch ที่ใช่้ในการเปิดปิดฮาร์ดแวร์ต่างๆ อย่าง Bluetooth หรือ WiFi ไปไว้ด้านล่าง คือเชื่อว่าผู้ใช้งาน OPPO หลายๆ คนคงจะงง เพราะมันไม่เคยไปอยู่ตรงนั้นมาก่อน รอบนี้ย้ายกลับมาไว้ด้านบนเหมือนเดิมแล้วครับ เฮ! คือคนใช้ Android ผมว่าถนัดกับแบบนี้มากกว่า

ส่วนของการใช้งานโทรศัพท์ระบบ 2 ซิมนั้นก็ทำออกมาได้ดีเลย มีปุ่มให้เลือกกดโทรได้จากทั้ง 2 ซิม แยกชัดเจนว่าเบอร์นี้โทรเข้ามาหาซิม 1 หรือซิม 2 รองรับการเกาะคลื่นสัญญาณ 4G ได้พร้อมกัน 2 ซิมเลย และหากมีการเปิด VoLTE เอาไว้ก็สามารถเปิดได้ทั้ง 2 ซิมเป็น Dual VoLTE เลย

เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังก็ถือว่าวางมาได้ค่อนข้างโอเคครับ อยู่ในระยะนิ้ว ไม่ต่ำหรือสูงจนเกินไป ส่วนการสแกนก็รวดเร็วแตะปุ๊บ ปลดล็อคได้ทันที แต่มีที่เร็วกว่านั้นอีก คือการสแกนด้วยใบหน้า

ตอน F5 ว่าสแกนหน้าเร็วแล้ว มา F7 นี่เร็วกว่าเดิม ไม่ต้องกดปุ่มอะไรทั้งสิ้น แค่ยกเครื่องขึ้นมา เจอหน้าเราก็ปลดล็อคเลย แถมยังจำหน่าได้ค่อนข้างแม่น ซึ่งตรงนี่้ก็ขึ้นอยู่กับการสแกนครั้งแรกด้วยนะครับ คือพยายามหาที่มีแสงสว่างกำลังพอดีในการสแกนเพื่อจดจำใบหน้าเรา ไม่มืดหรือสว่างจ้าเกินไป

 

ประสิทธิภาพและการเล่นเกม

เล่นมาหลายเกมทั้ง RoV , PUBG , Dream League Soccer , Harry Potter ลองมาก็หลายตา ตอนนี้มั่นใจมากขึ้นแล้วว่า MediaTek Helio P60 มันมีดีจริงๆ ทั้งพลังในการประมวลผลของ CPU และพลังของชิปกราฟิค

การโหลดเข้าเกมทำได้เร็วกว่าชิป MediaTek ที่เคยผ่านมือมาแบบคนละเรื่อง แถมเฟรมเรทก็นิ่งมาก

ความแรง 138,500 คะแนนจาก Antutu นั้นก็มาช่วยยืนยันด้วยอีกทางนึง ส่วนเซนเซอร์ต่างๆ ในเครื่องก็ให้มาครบ Accelero, Gyro ,Magneto เล่น VR, AR ได้สบายๆ

เปิด GPS นำทางก็ผ่าน เปิด Maps ไม่หมุนจนเดินหรือขับรถผิดทิศแน่นอน อันนี้ทดสอบวิ่งไปและกลับจากหัวหินมาด้วย 2-3 วันที่ผ่านมามีเมฆตลอดทางก็ยังบอกทิศได้ตรง

 

ฟีเจอร์พิเศษ OPPO F7

นอกจากการใช้งานทั่วไปแล้ว OPPO F7 ยังมีฟีเจอร์เสริมในเรื่องของการใช้งานเพิ่มเติมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแบบเต็มหน้าจอ โดยการปิดปุ่มนำทางเสมือนด้านล่างทิ้งไป แล้วใช้การลากนิ้ว หรือ gesture ในการสั่งงานแทน โดยเราสามารถไปเปลี่ยนได้ในการตั้งค่า

วิธีการตั้งค่า gesture control ก็มีหลายแบบ หลักๆ คือเลื่อนนิ้วจากด้านล่างขึ้นมากลางจอ จะเป็นการกลับสู่หน้าโฮม แต่ถ้าเลื่อนมาแล้วค้างเอาไว้จะเป็นรายการแอปทั้งหมดที่เปิดอยู่ ถ้าเลื่อนจากข้างๆ ขึ้นมาจะเป็นการย้อนกลับเหมือนปุ่ม back นอกจากนั้นก็ยังสามารถเลือกตั้งค่าได้อีกหลายแบบ

แต่สำหรับใครที่ยังชอบการใช้ปุ่มนำทางอยู่ ก็สามารถเปิดได้ จะสลับปุ่ม back กับปุ่ม overview (แอปล่าสุด) ก็ได้

โหมดการเร่งความเร็วเกมของ OPPO F7 นั้นจะทำการปิดการแจ้งเตือนทุกอย่างไป และจัดสรรการเชื่อมต่อสัญญาณมือถือไปที่การเล่นเกมเพื่อป้องกันปัญหาการเปิดอาการ ping ทำให้เกมหนืด (แต่ถ้าเป็นปัญาหาจาก server เองก็ข่วยไม่ได้)

ซ่ึ่งในระหว่างเล่นหากมีคึนทักแชทมา มันก็จะเด้งเตือนเล็กๆ ที่ด้านข้าง ซึ่งเรียกแถบนี้ว่าเป็นแถบของแอปด่วน ที่สามารถเปิดขึ้นมาเป็นหน้าต่างได้

โดยแอปที่รองรับนั้นก็มีทั้ง LINE, Messenger, Whatsapp, WeChat

ไม่ว่าเราจะดูหนังผ่านแอปอะไรก็ตาม รวมถึงการเล่นเกมต่างๆ ก็ยังสามารถกดตอบแล้วพิมพ์กลับไปได้เลย โดยแป้นพิมพ์จะเด้งขึ้นมาในแบบใสๆ แต่มีข้อแม้ว่าต้องใช้แป้นพิมพ์ Touchpal ของ OPPO เท่านั้น

นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชั่นด่วน สามารถจับภาพหน้าจอ หรือบันทึกเก็บเป็นวิดีโอเอาไว้เลยก็ได้

นอกจากนั้นก็ยังมี Clone App ที่สามารถสร้างแอปโซเชียลต่างๆ สำหรับอีกแอดเคาท์หรืออีกไอดีนึงได้ ทั้ง Facebook, Instagram, Line. Messenger, Wechat หรือ Whatsapp

กล้องถ่ายภาพ

ความสามารถของกล้องหน้า OPPO นั้นผมได้เขียนอธิบายแบบละเอียดไปแล้ว ถึงการทำงานของ AI Beauty 2.0 และการนำเอาเซนเซอร์ HDR เข้ามาใช้งานเพื่อให้สามารถเก็บภาพในสภาพแสงที่ต่างกันมากๆ ได้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นในรีวิวก็จะสรุปการทำงานของกล้องหน้าแบบสั้นๆ

อย่าง AI Beauty 2.0 ก็จะเข้ามาจัดการเรื่องความเป็นธรรมชาติของภาพเซลฟี่ โดยปรับให้ถูกต้องตาม เพศ วัย และสีผิวให้แม่นยำ เนียน และดูไม่หลอกตาเหมือนก่อนๆ (ใครเล่นแล้วยังรู้สึกแปลกๆ ลองไปตั้งค่าโหมด beauty ใหม่ดูครับ)

HDR เซนเซอร์ช่วยดึงเอารายละเอียดของฉากหลังในการถ่ายเซลฟี่กลับคืนมา ถ้าเปิดโหมดสีจัดจ้านก็จะเป็นการเติมสรีให้กับภาพ โดยไม่ไปกระทบกับสีิผิวหรือใบหน้าของเรา นอกจากนั้นก็ยังมี AR Sticker ให้ถ่ายภาพน่ารักๆ ได้อีก

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า

 

มาถึงกล้องหลังที่เราอาจจะไม่ได้เห็นคำโฆษณาของมันมากมาย แต่จากที่ได้ทดสอบมาภาพที่ถ่ายได้ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี มีระบบ AI เข้ามาเสริมในการแบ่งซีนต่างๆ และปรับรายละเอียด+สีสันให้ตรงกับซีนที่ถ่ายมากขึ้น

อย่างเช่นการไปถ่ายภาพที่ชายหาด พอกล้องมันตรวจสอบได้ว่าเป็นทะเล และท้องฟ้า มันก็จะปรับโทนสีของภาพให้โดยอัตโนมัติ เช่นเติมสีฟ้าให้กับท้องฟ้า

หรือภาพสัตว์เลี้ยงอย่างน้องแมว น้องหมา ก็มีการแยกประเภทออกจากกัน ยังไม่รวมภาพดอกไม้ อาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง

สรุปประสบการณ์ใช้งาน

ถ้ากำลังหามือถือที่สเปคดีๆ หน่อย และราคาไม่สูงจนเกินไป OPPO F7 นี่ถือเป็นหนึ่งในอันดับต้นๆ ที่อยากจะแนะนำครับ เพราะถือใช้งานมาราวสัปดาห์ ยังไม่เจอปัญหา อาการอืดหน่วงค้างก็ยังไม่พบ ยิ่งโดยเฉพาะใครที่ชอบการถ่ายภาพเซลฟี่ยิ่งห้ามพลาด เพราะทำได้ดีกว่ารุ่นที่ราคาสูงกว่าด้วยซ้ำ ส่วนการเล่นเกมโดยรวมผมให้ผ่าน หากเทียบสเปคกับรุ่นอื่นๆ ในช่วงราคาเดียวกันความลื่นไหลและกราฟิคดี กล้องหลังแม้จะไม่ได้ถูกพูดถึงเลยทั้งในงานเปิดตัวรวมถึงโฆษณาต่างๆ แต่ภาพออกมาคม สีสันสวยงาม ถ่ายออกมาดูดีกว่ากล้องหลังคู่บางรุ่นอีก ส่วนแบตเตอรี่ 3400 มิลลิแอมป์ก็ตอบโจทย์การใช้งานทั้งวันได้สบายๆ แต่จากที่ได้ลองมาถ้าใช้งาน 2 ซิมก็ดูเหมือนจะกินแบตมากกว่าใช้ซิมเดียวอยู่เหมือนกันครับ