ช่วงกลางปีนี้ Samsung ก็ได้ส่ง Galaxy A6│ A6+ ซึ่งถือว่าเป็นน้องเล็กในตระกูล A ลงแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนรุ่นกลาง ซึ่งความน่าสนใจของ 2 รุ่นนี้นอกจากเป็นตระกูล A ที่ถูกปรับโฉมแล้ว ราคายังต่ำหมื่น! เรียกถูกกว่าพี่น้องในปีที่ผ่านๆ มาอีกด้วย วันนี้เราเลยมารีวิวการใช้งาน Galaxy A6 น้องเล็กสุด มาดูกันเลยค่ะ ว่ารุ่นนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง
ตัวเครื่อง
Galaxy A6 มาพร้อมหน้าจอ super AMOLED ขนาด 5.6 นิ้ว ความละเอียด HD+ 1480 x 720 พิกเซล ในอัตราส่วน 18:5:9 ซึ่งการใช้งานจริง หน้าจอของ Galaxy A6 เครื่องที่ได้มาเหมือนจะติดสีฟ้าไปสักนิด ทำให้เวลาดูคอนเทนต์ หรือรูปภาพอาหารจะดูไม่ค่อยน่ากิน วิธีแก้คือไปปรับตั้งค่าหน้าจอได้ค่ะ (หรือเปิดโหมดตัดแสงสีฟ้าก็จะช่วยดรอปสีฟ้าลง แต่ก็จะติดเหลืองเกินไป) ส่วนความคมชัดก็ถือว่าพอใช้ได้ในความละเอียด HD+ และเมื่อออกไปเจอแสงสว่างข้างนอกก็สู้แสงได้โอเคเลย
วัสดุของ Galaxy A6 ทำจากโลหะแบบ Unibody ต่างจากรุ่นอื่นๆ ในตระกูล A ที่ทำจากโลหะและกระจก แต่ก็ยังคงความพรีเมี่ยมด้วยฝาหลังสีดำล้วน มีความเงาแบบเหล็ก เวลาจับถือเยอะๆ ไม่ค่อยเห็นรอยนิ้วมือชัดเท่ากระจก (แต่ก็ยังแอบเห็นบ้างนิดหน่อย)
ด้านข้างประกอบด้วย ปุ่ม Power + ลำโพง
ด้วยความเป็น Unibody ขอบด้านข้างของ Galaxy A6 จึงโค้งมนจับพอดีมือ พวกปุุ่มกดต่างๆ ด้านข้างก็ทำได้โอเค แน่นดี ไม่ก๊องแก๊ง ส่วนลำโพงของ Galaxy A ถือว่าธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่น ระดับเสียงความดังพอใช้ได้ แต่เสียงก็จะไม่ได้แน่นอะไรมาก ต้องอาศัยความเทพของหูฟังเป็นตัวช่วย บวกกับฟีเจอร์ “Dolby Atmos” ที่ใส่มาให้ก็ช่วยทำให้เสียงดังขึ้นและแน่นขึ้นอีกนิด ถือว่าใช้ได้เลย
ปุ่มเพิ่ม – ลดเสียง + ช่องใส่ซิม 1 + ช่องใส่ซิม 2 และ microSD Card
Galaxy A6 รองรับ 2 ซิมแบบ Dual Stand-by รองรับเครือข่าย 2G/3G/4G (LTE Cat.6, 2CALTE Cat.6, 2CA)
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย พอร์ท microUSB + ไมโครโฟน + รูหูฟัง 3.5 มม.
สรุปรวมแล้วความน่าประทับใจ Galaxy A6 ในส่วนของตัวเครื่องคงเป็นเรื่องของขนาด และน้ำหนักที่กำลังพอดี ไม่หนาหรือบางเกินไป จับถือสะดวกด้วยความโค้งมนด้านข้าง พกพาง่ายใส่กระเป๋ากางเกงก็ไม่ปลิ้นออกมา นอนเล่นได้ยาวๆ ไม่เมื่อยมือ และคิดว่าผู้หญิงน่าจะชอบกับมือถือไซส์กลางๆ ประมาณนี้
ประสิทธิภาพ
Galaxy A6 มาพร้อมชิป Exynos 7870 ชิปเซ็ตรุ่นกลางของซัมซุง ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ในซีรีส์ J ส่วนผลการทดสอบจาก AndroBench ที่ออกมาก็ได้คะแนนรวมอยู่ที่ 63,012
การใช้งานจริงเจ้า Galaxy A6 ก็สามารถทำได้ดีในระดับใช้งานทั่วๆ ไป เล่มเกม ดูหนัง ฟังเพลง แต่ในพาร์ทนี้ขอเน้นไปที่การเล่นเกมก่อนค่ะ โดยทดลองเล่น ROV ไปหลายตาอยู่ ซึ่งตรงนี้ยังแอบเป็นปริศนาธรรม เพราะตอนแรกที่เล่น กระตุกมากกกก แค่เดินก็ลำบาก ไม่รู้ไปโดนของหรืออะไรมา แต่พอลองเล่นอีกตาสองตาในวันเดียวกัน ก็กระตุกน้อยลง เริ่มดีขึ้น
แต่พอลองกดสูตรเปิดโหมดเฟรมเรทสูง 60 FPS ดู กลายเป็นว่าลื่นกว่าเดิม ไม่กระตุก เล่นได้เนียนๆ แต่เฟรมเรทจะอยู่ราวๆ 30-40 สูงสุดราวๆ 50 และต่ำสุดที่เจอคือ 20 และก็ได้ลอง PUB G ด้วย ซึ่งตัวเกมก็บังคับให้เล่นในโหมดกราฟิกต่ำสุด ก็อย่าไปฝืนมันเลยค่ะ
ฟีเจอร์เด่นๆ ของ Galaxy A6
สแกนลายนิ้วมือ และใบหน้า เพื่อยืนยันตัวตน
เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง
ฟีเจอร์การสแกนใบหน้า (Face Detection)
Galaxy A6 มาพร้อมฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือและสแกนใบหน้า เพื่อทำการยืนยันตัวตน โดยที่สแกนลายนิ้วมือก็อยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับ 2 รุ่นพี่ที่เปิดตัวไปก่อนหน้าในปีนี้ อย่าง Galaxy A8+ │A8 และ Galaxy S9 │S9+ ซึ่งก็สแกนได้สะดวกรวดเร็วทั้งลายนิ้วและใบหน้า ส่วนตัวก็ค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว เพียงแต่ติดตรงที่เวลาจะปลดล็อคนิ้วชอบพลาดไปโดนกล้องเป็นรอยตลอด ต้องคอยเช็ดลายนิ้วมืออกจากกล้องอยู่บ่อยๆ
Multi Window แบ่งหน้าจอใช้งานได้สบายๆ 2 แอป
ฟีเจอร์ต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ใน Multi Window: Add App Pair to Home Screen > Snap Window > Switch > Pop up Window ตามลำดับ
ฟีเจอร์ Multi Window ใน Galaxy A6 ได้เพิ่มฟีเจอร์ App Pair ที่สามารถจับคู่แอปที่ใช้ประจำแล้วเรียกใช้งานได้พร้อมกัน 2 แอป แล้วสร้างเป็นทางลัดไว้ที่ Home Screen ได้ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งแรก เมื่อกดใช้งาน Multi Window เลยค่ะ
ถัดมาเป็น Snap Window ที่สามารถเลือกส่วนของคอนเทนต์ที่เราต้องการใช้งานเฉพาะส่วนแล้วสลับขึ้นไปไว้ด้านบนจอแทน ถัดจากนั้นมาอีกก็เป็นตัวสลับแอป
สุดท้ายเป็นฟีเจอร์ Pop up Window ที่เราคุ้นเคยกัน โดยฟีเจอร์นี้สามารถเรียกใช้ได้ทั้งลากนิ้วจากมุมจอขวามาซ้ายในแนวตะแคงเพื่อย่อเป็นจอ Pop up หรือ คลิกที่ไอคอนถัดจาก สลับแอป ในฟีเจอร์ Multi Window ก็ได้ค่ะ
Dual Messenger สามารถโคลนนิ่งแอปโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook, Line, Messenger ออกมาได้เป็นสองอัน ทำให้เล่นได้ 2 Account ในเครื่องเดียว
แบตเตอรี่
มาถึงไฮไลท์ของ Galaxy A6 ที่น่าประทับใจอีกอย่าง นอกจากขนาดที่กำลังพอดีแล้ว แบตเตอรี่ที่ให้มายังคงทน สามารถใช้งานได้เต็มวันแบบไม่ต้องมานั่งกังวลอีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของแต่ละคนด้วยค่ะ แต่จากที่ลองใช้มาจากแบตที่ชาร์จเต็มๆ 100% เริ่มใช้ตอนช่วง 7.30 น. ก็เล่นเกม ถ่ายรูป เล่นแอปโซเชียลมีเดีย ทั่วๆ ไป ก็อยู่ลากยาวมาได้ถึงตี 2.15 น. ของวันใหม่ค่ะ
กล้องหลัง
กล้องหลัง Galaxy A6 ให้มาที่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7 และ LED flashที่ด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่ง UI ในการใช้งานก็หน้าตาคล้ายคลึงกับสมาร์ท Samsung รุ่นอื่นๆ เลยค่ะ
Galaxy A6 มาพร้อมฟีเจอร์พื้นฐานที่ Samsung จะใส่มาให้ อย่างโหมดโปรก็จะปรับได้ค่ Whith Balance, ชดเชยแสง และ ISO แค่นั้นเลย แล้วก็ยังมีโหมด Sport ที่ช่วยจับภาพที่เคลื่อนไหวเร็วๆ การถ่ายภาพแบบช็อตต่อเนื่อง Panorama โหมดกลางคืน (ที่ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่) และ โหมด HDR (Rich Tone) ที่ช่วยดึงสีและแสงของภาพให้สว่างสดใสได้ ซึ่งช็อตที่ออกมาถือว่าใช้ได้ในระดับหนึงเลยค่ะ
การใช้งานจริงสำหรับกล้องของ Galaxy A6 ถือว่าทำได้ดีพอสมควรสำหรับการถ่ายภาพวัตถุในระยะใกล้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นมาโครแล้วเก็บรายละเอียดอะไรได้มากมาย แต่ก็ทำได้ดีทั้งในสภาพแสงน้อยและกลางแจ้งเลยล่ะค่ะ ส่วนการถ่ายวิว นั้นยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ แต่ถ้าในสภาพแสงกำลังดี แดดออกหน่อยๆ ก็ถือว่าโอเคอยู่ค่ะ แต่ที่ไม่ประทับใจเลย คือการถ่ายภาพอาหาร นอกจากหน้าจอของ Galaxy A6 จะติดฟ้าแบบที่ได้บอกได้ข้างบนแล้ว พอมาดูภาพในคอมสีอาหารที่ถ่ายออกมาก็ยังตุ่นๆ สีแปลกๆ อยู่ดี
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
กล้องหน้า
Galaxy A6 ให้สเปคกล้องหน้ามาที่ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.9 และ LED flash ที่ปรับได้ 3 ระดับ มาพร้อมกับฟีเจอร์พื้นฐานกล้องหน้าซึ่ง Galaxy A6 ก็มีเหมือนกับรุ่นอื่นๆ ทั้ง Beauty Mode (ปรับสีผิว, หน้าเรียว, หน้าเนียน, ตาโต 8 ระดับ) สติ๊กเกอร์ ฟีลเตอร์ และ Wide Selfie
สำหรับ แฟลชหน้า LED นั้นสามารถปรับได้ 3 ระดับ มาพร้อมกับ Screen Flash ที่ใช้แสงจากหน้าจอที่สว่างวาบขึ้นมาช่วยเพิ่มแสงให้ตอนถ่ายด้วย
ตัวอย่างภาพของไฟแฟลชปรับ 3 ระดับ
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เอาใจสาวๆ ที่อยากได้ภาพเซลฟี่ที่มีมิติมากขึ้นอย่าง Selfie Focus ปรับหน้าชัด หลังเบลอ ได้ พร้อมกับ Beauty Mode ปรับแสง และความเนียนของหน้า ซึ่งก็ทำได้พอสมควรเลยล่ะ เพียงแต่อาจจะต้องหาแสงและมุมดีๆ หน่อย
ตัวอย่างภาพ ด้านซ้ายเซลฟีธรรมดา + ด้านขวา Selfie Focus
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า
สเปค Galaxy A6
- ระบบปฏิบัติการ Android OS 8.0 (Oreo) + Samsung UX 9.0
- หน้าจอ: sAMOLED ขนาด 5.6 นิ้ว ความละเอียด HD+ 1480 x 720 พิกเซล (~294 ppi) อัตราส่วน 18:5:9
- CPU: Exynos 7870 Octa-core 1.6 GHz Cortex-A53
- GPU: Mali-T830 MP1
- RAM 3GB
- หน่วยความจำภายใน: 32GB + รองรับ microSD สูงสุด 256GB
- กล้องหลัง: 16 MP (f/1.7) + LED flash
- กล้องหน้า: 16 MP (f/1.9) + LED flash 3 ระดับ
- รองรับเครือข่าย: 2G/3G/4G (LTE Cat.6, 2CALTE Cat.6, 2CA)
- รองรับ 2 ซิม (Dual stand-by)
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n (2.4/5GHz), HT40, Bluetooth® v 4.2 (LE up to 1Mbps), ANT+, USB Type-B, Location (GPS, Glonass)
- เซนเซอร์: Accelerometer, Fingerprint Sensor, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Proximity Sensor, RGB Light Sensor
- แบตเตอรี่: 3,000 mAh (ถอดแบตไม่ได้)
- ขนาดเครื่อง: 149.9 x 70.8 x 7.7 มม.
- ราคา 8,900 บาท
ในส่วนสเปคของ Galaxy A6 นั้นถือว่าให้มากลางๆ ค่อนข้างจะไปใกล้เคียงกับตระกูล J เลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ได้ดีไซน์ใหม่เอกลักษณ์ความบอดี้โลหะดูพรีเมียมของตระกูล A เอาไว้ ซึ่งเปิดตัวมาพร้อมกับ Galaxy A6+ แฝดพี่ที่สเปคให้มาแตกต่างกันพอสมควร ทั้งกล้อง ชิปประมวลผล ขนาดหน้าจอ ฟีเจอร์ และสเปคกล้องทั้งหน้า – กล้องหลัง หากใครอยากรู้ว่าเจ้า 2 รุ่นนี้ต่างกันขนาดไหน สามารถกลับไปอ่านได้ที่ เปรียบเทียบสเปค Galaxy A6 และ Galaxy A6+
สรุปการใช้งาน
การใช้งานโดยรวมสำหรับเจ้า Galaxy A6 นั้นโดยรวมยังไม่เจอปัญหาอะไร การใช้งานโดยรวมก็ถือว่าโอเคกับมือถือราคาต่ำหมื่น เล่นเกมได้ บางเกมโหลดช้าหน่อย แต่ก็ลื่น เกมกราฟิคหนักๆ เปิดความละเอียดสูงๆ ก็อาจจะมีกระตุกบ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ได้ประทับใจถึงขั้นต้องตัดสินใจซื้อเลยโดยไม่ชั่งใจเลย ยิ่งถ้าเทียบกับสมาร์ทโฟนร่นกลางในช่วงราคาต่ำกว่าหมื่นในตลาดมือถือก็คงต้องต่อสู้แบบหนักอยู่ และยิ่งมีตัวเปรียบเทียบเป็นแฝดพี่อย่าง Galaxy A6+ ที่ออกมาพร้อมกัน แม้ว่าจะอยู่คนละช่วงราคา แต่ก็ห่างกันไม่มาก แถมปัจจัยความคุ้มค่าทั้งฟีเจอร์และสเปค ก็อาจจะทำให้หลายคนเอนเอียงไปทางนั้นได้ไม่ยากเลยค่ะ
ราคานี้สเปคนี้ เหมาะกับคุณลุงคุณป้าที่ไม่รู้เรื่องมือถือมากครับ แบรนด์ดังใช้แล้วสบายใจดีครับ
แต่สำหรับคนทั่วไปบอกคำเดียวว่าไม่ครับ แพง สเปคห่วย (งั้นๆ) เล่นเกมส์ได้แบบทุลักทุเล ราคาขนาดนี้อย่างน้อยต้องได้ sd625 เป็นอย่างต่ำแล้ว ยิ่ง A6+ ไม่ต้องพูดถึงเลย ได้แค่ sd450?
เข้าข่ายเอาเปรียบผู้บริโภครึเปล่าเนี่ย ซังซวย
งั้นช่วยแนะนำหน่อยได้มั้ยครับ ว่างบนี้ควรจะซื้อยี่ห้อไหนดีครับ
Droidsan จำเป็นต้องรีวิวแบบดึงจุดเด่นออกมานั่นแหละถ้าเป็นพันทิปก็คือ SR ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นในช่วงราคานี้ ก็บึนปากใส่อย่างเดียว
ราคาแบบนี้ สเปคแบบนี้ ในปี 2018 Sansung จะสู้เค้าได้เร้อ…