Samsung Galaxy Note 10.1 (2014 edition) ได้ถูกเปิดตัวไปพร้อมๆกับ Galaxy Note 3 แต่ว่าวางขายช้ากว่าเล็กน้อย โดยในไทยเราเริ่มขายเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งต้องบอกว่าฟีเจอร์ต่างๆของ Galaxy Note 10.1 เรียกว่าแทบจะเหมือนกับ Galaxy Note 3 แบบ 100% ต่างกันเพียงขนาดหน้าจอที่เปลี่ยนไป UI และการทำงานมีการปรับให้เข้ากับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ใช้พื้นที่ได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าเดิม (สามารถไปดูรีวิว Galaxy Note 3 ประกอบได้ ข้อดี-เสียเหมือนกัน) วันนี้เดี๋ยวจะมาแชร์ให้ฟังว่าหลังจากที่ได้ลองเล่น Galaxy Note 10.1 (2014 edition) แล้วรู้สึกอะไรอย่างไรบ้าง

ขนาด น้ำหนัก การจับถือ ผิวสัมผัส

243.1 x 171.4 x 7.9 mm, 547g : ฝาหลังวัสดุ Faux Leather

Galaxy Note 10.1 (2014) มีการปรับปรุงเรื่องขนาดและน้ำหนัก รวมถึงงานประกอบ ให้ดีขึ้นจากรุ่นที่แล้วค่อนข้างมาก โดยเครื่องจะมีขนาดเล็กลง บางลง และเบาลงกว่าเดิมมาก แต่ว่ามันก็ยังไม่ถึงกับสามารถถือเป็นระยะเวลานานได้ รวมถึงยังต้องใส่กระเป๋าแบกไปไหนมาไหนอยู่ดี

ส่วนที่น่าชมที่สุดคงจะเป็นที่ Faux Leather หนังสังเคราะห์ ที่นำมาใช้เป็นแผ่นหลังของเครื่อง ซึ่งให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างดีเวลาจับ แต่ถ้าใครใช้สีขาวคงต้องระวังพอสมควร เพราะมันจะสกปรกง่ายมากกกกก

แนะนำลองไปหาจับเองหน้าร้าน ซึ่งใน Samsung Brandshop, TG, Jaymart, หรือร้านขายมือถือทั่วไปก็มีให้ลองกันหมดแล้วนะ

(✭COOL)หน้าจอ สีสัน ความคมชัด

Super clear LCD ขนาด 10.1 นิ้ว, 2560 x 1600 pixels (~299ppi)

หน้าจอนี่เรียกว่าเป็น Hilight ของ Galaxy Note 10.1 เลยก็ว่าได้ เพราะน่าจะเป็นแค่ตัวที่ 2 ของตลาดที่ทำหน้าจอขนาด 2560 x 1600 pixels ออกมาหลัง Nexus 10 ที่ทาง Samsung เคยทำให้ Google ไปก่อนหน้านี้ จับครั้งแรกแล้วก็ต้องบอกว่าประทับใจในความคมของภาพ แต่เหมือนว่าเครื่องที่ผมได้มาเทสต์นี้จะดูสีเพี้ยนๆหน่อย ภาพต่างๆจะดูสีตุ่นๆไปซะทั้งหมด ไม่ดูสดใสจริงนัก ยังไงถ้าใครจะซื้อ อยากให้ลองดูตรงนี้เอาไว้ด้วยนิดนึงครับ

[boathend wrote] หน้าจอของ Galaxy Note 10.1 ที่สีเพี้ยนๆตุ่นๆเกิดจากที่มีการจัดเรียงเม็ดสีประหลาดกว่าชาวบ้านเค้า เพิ่มหลอดสีขาวเข้าไป เรียงเม็ดสีเป็น RGBW เพื่อให้หน้าจอสว่างขึ้น แต่ผลข้างเคียงคือทำให้สีเพี้ยน

[Gimme wrote] ฝากลองไปดูหน้าจอเครื่องอื่นๆหรือเปรียบเทียบแล้วมาอัพเดทกันหน่อยนะว่าเป็นยังไงบ้าง 😀

 

(▼BUU)ความลื่นไหลและประสิทธิภาพการใช้งาน

แม้ว่า Galaxy Note 10.1 จะได้รับเสปคแบบเดียวกันกับ Note 3 มาแต่ว่าความลื่นไหลในการใช้งานจะต่างกันในระดับนึง โดยบน Galaxy Note 10.1 จะพบอาการกระตุก หน่วง ค้าง มากกว่าบน Galaxy Note 3 (เข้าแอพได้ช้ากว่า, ภาพจะหน่วงๆกระตุก, ลากแล้วไม่ไป, ฯลฯ)  โดยเฉพาะเวลาเปิดสองหน้าต่าง ทำงานพร้อมกัน ซึ่งปัญหานี้คาดว่าเกิดจากหน้าจอที่มีความละเอียดสูงจึงต้องมีการประมวลผลที่หนักขึ้น ต้องมีการปรับแต่ง Software ให้สมบูรณ์กว่านี้จึงจะสามารถทำงานได้ลื่นไหล แต่ในที่นี้เหมือนกับยังทำรอมมาไม่ดีพอจึงเกิดปัญหาตามมา ต้องรอลุ้นว่าจะมีการออกอัพเดทแก้ไขปัญหานี้ได้เมื่อไหร่ครับ

 

การถ่ายภาพ

กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล

ถอดฟีเจอร์เหมือนกับบน Galaxy S4, Note 3 มาเลย มีเพียงแค่โหมด Animated Photo และ Surround Shot เท่านั้นที่ไม่ได้ให้มาใช้กับกล้องบน Galaxy Note 10.1 (2014) ครับ

ไปดูภาพเพิ่มเติมได้ที่ Google+


(✭COOL)การใช้ S Pen ทดสอบฟีเจอร์ต่างๆ และความต่างของ Galaxy Note 10.1 ต่อ Note 3

เช่นเดียวกับบน Galaxy Note 3 ที่ได้บอกไปแล้ว ว่าการที่จะใช้แท็บเล็ตในซีรีย์สนี้ ควรต้องใช้ปากกา S Pen และฟีเจอร์ต่างๆ เช่น S Note, Multiwindow ให้เต็มที่ ถ้าไม่คิดจะพยายามใช้ ไม่แนะนำให้ซื้อ เพราะมันจะไม่คุ้มค่าคุ้มราคาเลย เอามาเล่นเกมใช้งานแอพทั่วไป ยอมทู่ซี้รับข้อเสียบางอย่างของ iPad แล้วเลือกทางนั้นเลยดีกว่าครับ ลองไปดูฟีเจอร์น่าสนใจ ทำอะไรได้บ้างที่ รีวิวฟีเจอร์ Galaxy Note 3

แม้ฟีเจอร์การใช้งานบน Note 3 และ Note 10.1 จะดูคล้ายกัน แต่ด้วยความที่หน้าจอของ Galaxy Note 10.1 มีขนาดใหญ่กว่า

– การขีดเขียนด้วย S Note / Sketchbook ก็จะทำได้สะดวกกว่า มีพื้นที่ให้วางมือได้ ตวัดลายเส้น ขีดเขียนอะไรก็ง่ายกว่าเดิม

– Multiwindow และ Pen Window   ก็จะใช้งานได้ง่ายขึ้น จากที่บน Note 3 จะมีหน้าจอที่ค่อนข้างจำกัด แยกได้แต่ก็ทำอะไรไม่สะดวกนัก

       

การเล่นเกม อ่านเว็บ โซเชียล แชท นำทาง ฯลฯ

มีความตลกอย่างนึงในการเล่นเกมบน Galaxy Note 10.1 คือ บางเกมไม่ได้ทำมารองรับความละเอียดระดับ  2560 x 1600 pixels เพราะนั่นหมายถึงขนาดเกมที่ต้องใหญ่ขึ้นด้วย ทำให้ต่อให้จอเราละเอียดแค่ไหน แต่ว่าภาพที่เล่นก็อาจจะไม่ได้คมกริบขนาดนั้น แต่ว่าโดยรวมการเล่นเกมบน Note 10.1 ก็เต็มตาเต็มจอดี เสียก็แค่ว่ามันหนัก ถือเล่นนานๆไม่ไหวนะ -*-

การอ่านเว็บทดสอบบน Chrome และ Internet Browser ของเครื่อง เหมือนว่า Chrome ยังทำการบ้านมาไม่ดีเท่าไหร่นักบนหน้าจอที่มีความละเอียดสูง ทำให้เวลาเล่นๆอยู่ค่อนข้างจะกระตุกไม่น้อย แต่ว่า Internet Browser ที่มากับเครื่องปรับแต่งมาได้ดีกว่าทำให้รู้สึกได้ว่ามันลื่นตากว่าเยอะนะ

การแชทบน Note 10.1 ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก เพราะจะพิมพ์ทีนึงมันต้องจริงจังมาก คิดให้ดีถ้าจะเอาไปใช้เพื่อการนี้ แต่ถ้าจะเอาไปใช้โยกข้อมูล ตัดแปะข้อความหน้าจอซ้ายขวา มันก็ดูจะพอโอเคนะ 

ระบบ GPS ของ Note 10.1 เท่าที่ลองดู เจ๋งไม่แพ้ Note 3 เลย แม่นยำและวางใจได้ระดับนึงเลยครับ

การรับสัญญาน 3G และ WiFi

HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100
802.11 a/b/g/n/ac 

พอดีผมไม่ได้ทดสอบลองใช้งานแบบเสียบซิมเท่าไหร่นัก จึงไม่ค่อยอยากจะคอมเม้นท์เท่าไหร่ แต่ว่าเรื่องสัญญาน WiFi ก็ไม่ได้เข้าข่ายดีเยี่ยม อยู่ระดับโอเคใช้งานได้

 

ความยาวนานในการใช้งาน

Battery 8,000 mAh

เท่าที่ทดสอบ แบตของ Galaxy Note 10.1 (2014) ค่อนข้างใช้งานได้ยาวพอตัว เล่นเน็ต Social เปิดเล่นสองหน้าจอ ดู YouTube ฯลฯ แบบเรื่อยๆ ไม่ได้อัดรวดเดียว 4-5 ชม. ก็วันนึงอยู่ได้นะ แต่ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้ใส่ SIM และใช้งานพวก Chat หรืออีเมลล์อะไรมากนัก ซึ่งเป็นตัวกินแบตเลย ถ้าเกิดว่าซื้อเอาไปใส่ซิมก็น่าจะใช้งานได้ลดลงอีกหน่อยนะครับ แต่เชื่อว่าใช้ทั่วไป 1-2 วันสบายๆครับ

 

สรุป

จุดเด่น

  • หน้าจอคมกริปม่อกๆ

  • งานประกอบที่ทำออกมาดูดี

  • มีฟีเจอร์และแอพที่รองรับการใช้งานปากกาครบ

ข้อควรพิจารณา

  • Software ณ วันนี้ 20 พฤศจิกายน ยังไม่น่าพอใจนัก

เมื่อมองโดยรวมแล้ว Galaxy Note 10.1 ก็มีความน่าใช้และน่าควักกระเป๋าตังค์จ่ายอยู่ในระดับนึง ซึ่งถ้าเกิดว่าได้ใช้ S Pen + Multi Window ด้วยแล้วก็ยิ่งคุ้มเข้าไปใหญ่ ด้วยราคาที่สเปคบางอย่างสูงกว่า Galaxy Note 3 แต่กลับเปิดราคามาถูกกว่าเกือบสามพันเลยทีเดียว

 

เปรียบเทียบกับ iPad Air จะซื้ออะไรดี 

เปรียบเทียบสเปคและราคาของ Galaxy Note 10.1 (2014 edition) และ iPad Air

Galaxy Note 10.1 (2014)

iPad Air

iPad 2

OS

Android 4.3

iOS7

iOS7

หน้าจอ

LCD 10.1” 2560x1600pixels (~299ppi)

IPS 9.7” 2048x1536pixel (~264ppi)

IPS 9.7” 1024x768pixel (~132ppi)

ขนาดและนำ้หนัก

243.1 x 171.4 x 7.9 มม., 547 g

240 x 169.5 x 7.5 มม., 478 g

241.2 x 185.7 x 8.8 มม., 601 g

หน่วยความจำ

32GB + ext.SD (เติมเพิ่มได้)

16/32/64 GB

16GB

จุดเด่น

S Pen

โอนย้ายไฟล์สะดวก

Polaris Office / Quick Office

App Store

iTunes

iWorks

App Store

iTunes

iWorks

ความยาวนานในการใช้งาน

เล่นเน็ตต่อเนื่อง 9 ชม.

ดูวิดีโอต่อเนื่อง 10 ชม

เล่นเน็ตต่อเนื่อง 9 ชม.

ดูวิดีโอต่อเนื่อง 10 ชม

เล่นเน็ตต่อเนื่อง 9 ชม.

ดูวิดีโอต่อเนื่อง 10 ชม

ราคา

32GB 20,900 บาท

16GB – 20,900

32GB – 24,400

64GB – 27,900

128GB – 31,400

*ราคาคาดการณ์

16GB – 17,500

พอดีได้มีโอกาสจับ iPad Air สักพักนึง ซึ่งต้องบอกเลยว่าประทับใจกับความเบาของมันสุดๆ และ iOS7 ที่ทำงานได้โอเคมากๆบน Hardware ใหม่ แต่ว่าด้วยราคา ข้อจำกัดในการถ่ายโอนไฟล์ และความสามารถต่างๆของ Galaxy Note 10.1 ก็ทำให้ต้องชั่งใจคิดพอสมควร เพราะฝั่ง Samsung จัดเต็มด้านสเปคและความยืดหยุ่นมาให้มากกว่า เพื่อเป็นการสรุป ผมขอเขียนเอาไว้เป็นแนวทางประมาณนี้แล้วกันครับ เห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไรมาแย้งกันได้นะ

ซื้อ iPad Air เถอะ

– เมื่อต้องการความเสถียร ความลื่นไหล และประสบการณ์ใช้งานที่พริ้วๆ

– ต้องการแอพ และเกมที่เจ๋งๆเล่นก่อนใคร

– อยากได้เครื่องเบาๆ ในขนาดหน้าจอราวๆ 10”

– ไม่แคร์เรื่องการ Sync files ผ่าน iTunes เท่านั้น

– มี iPhone อยู่แล้ว

 

ซื้อ Galaxy Note 10.1 ดีกว่า

– ถ้าชอบใช้ปากกา ขีดเขียน วาดรูป

– ชอบความยืดหยุ่น เพิ่มเมม แฟลชรอม ปรับแต่งส่วนต่างๆได้มากกว่า

– ต้องย้ายโอนไฟล์ระหว่างเครื่องคอมกับแท็บเล็ตเสมอๆ

– ต้องการพื้นที่เก็บภาพ เพลง หนังเยอะๆ โดยไม่ต้องจ่ายมากเกินไป

– อยากใช้งานหลายแอพพร้อมกันบนหน้าจอเดียว

 

ใครที่กำลังรอ iPad Air (3G+WiFi) อยู่ก็อีกไม่กี่อึดใจแล้ว เพราะต้นเดือนธันวาก็น่าจะได้เห็นกันละ ทั้งสามค่าย ประกาศให้เริ่มจองได้แล้วจ้า

ราคา iPad Air และ iPad mini with Retina Display มาแล้ว มีเปรียบเทียบราคากับแท็บเล็ตแอนดรอยด์ตัวอื่นด้วยนะ ไปลองดูกันได้ครับ https://droidsans.com/ipad-2013-thai-price-release-vs-android-price


 

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

1. สเปคแบบละเอียดของ Galaxy Note 10.1 และ Galaxy Note 3

2. เว็บบอร์ดของ Galaxy Note 3 เข้าไปสอบถามปัญหา พูดคุยกับเพื่อนๆที่ใช้กันได้

3. เปรียบเทียบชิพเซท Exynos vs Snapdragon