ช่วงนี้จะเห็นว่ามีสมาร์ทโฟนเข้ามาถึงมือทีมงาน DroidSans กันแบบจ้าล่ะหวั่นจริงๆ เล่นกันแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว ล่าสุดก็ถึงคิวของ Vivo Y12s มือถือรุ่นเริ่มต้นราคาประหยัด ที่มากับหน้าจอขนาดใหญ่ กล้องคู่ถ่ายรูปสวย แบต 5,000 มิลลิแอมป์ ใช้งานแบบจุกๆ ว่าแต่เอาไปใช้งานจริงจะเป็นไงบ้าง วันนี้ผมทดลองมาให้หมดแล้วครับ

สัมผัสแรกใช้งาน

บอกเลยว่าความรู้สึกแรกหลังจับเจ้า Vivo Y12s ส่วนตัวผมว้าวมากๆ เพราะแม้ว่าค่าตัวของมันจะอยู่ที่เพียงแค่ 4,299 บาท แต่งานประกอบ รวมถึงดีไซน์การออกแบบตัวเครื่องในภาพรวมของรุ่นนี้ ถือว่าใช้งานได้ดีเลยล่ะ ฟีลลิ่งเหมือนจับมือถือราคาหมื่นกว่าบาทอยู่เลย

หน้าจอของ Vivo Y12s เลือกใช้เป็นแบบ IPS LCD ขนาด 6.51 นิ้ว ใหญ่เต็มตา บนความละเอียด HD+ ตรงนี้จะสังเกตเห็นว่าขอบข้างจะค่อนข้างหนาอยู่พอสมควร แต่อัตราส่วนของหน้าจอรุ่นนี้ถือว่าเยอะอยู่นะ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์กว่า 81.6% เลยทีเดียว ทั้งนี้ก็น่าจะเพราะการเลือกใช้ดีไซน์หยดน้ำสำหรับวางกล้องหน้านั่นเอง

พลิกมาด้านหลัง ตอนแรกผมคิดว่า Vivo Y12s มีกล้องหลัง 3 ตัวซะอีก แต่ที่ไหนได้ใส่มาแค่ 2 ตัวเท่ากัน ฮ่าๆ โดยกล้องคู่ของ Vivo Y12s ประกอบด้วย เซ็นเซอร์หลักความละเอียด 13MP รองรับ PDAF และกล้อง Depth Sensor ความละเอียด 2MP สำหรับเข้ามาช่วยละลายฉากหลังเวลาถ่ายโหมด Portrait

ด้วยความที่ Vivo Y12s เลือกใช้หน้าจอประเภท IPS LCD ทำให้มีข้อจำกัดบางอย่างของเทคโนโลยี ทำให้ไม่สามารถใส่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเข้าไปไว้ที่ใต้หน้าจอเหมือนพวกสมาร์ทโฟนที่ใช้จอ OLED ได้ ในส่วนนี้ทาง Vivo ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการใส่เซ็นเซอร์ดังกล่าวมาไว้กับปุ่ม Power เปิด-ปิดเครื่องแทน

ถาดใส่ซิมของ Vivo Y12s จะมาเป็นแบบ Hybrid Slot กล่าวคือ สามารถเลือกได้ว่าจะใส่ซิม 2 อันพร้อมกัน หรือว่าจะเลือกใส่ซิม 1 อัน + microSD Card สำหรับเพิ่มพื้นที่ความจุตัวเครื่อง

แอบผิดหวังเล็กๆ ที่ Vivo Y12s ยังคงใช้พอร์ตชาร์จแบบ micro USB อยู่ แต่ก็ยังดีที่พวกเขายังใจดี ไม่ตัดรูหูฟังมาตรฐาน 3.5 มม. ออกไป ตรงนี้แม้ว่าส่วนตัวผมจะมูฟออนไปใช้หูฟังไร้สายแล้ว แต่บอกเลยว่าเวลาอยากใช้หูฟังมีสายตัวเก่งล่ะก็ ยังไง 3.5 มม. ก็ยังสำคัญอยู่ดี

UI การใช้งาน

Vivo Y12s มากับระบบ Funtouch OS 11 ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 10 โดยตรงนี้ต้องบอกว่าฟีเจอร์ต่างๆ ทาง Vivo ใส่มาให้ครบแบบจัดเต็มเลยทีเดียว อีกทั้งหน้าตา UI รวมไปถึง UX ต่างๆ ตอนนี้ก็ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับ Stock Android แล้ว ดูคลีน ดูสะอาดขึ้นกว่าเดิมเยอะมากๆ

 

เสียดายที่ Vivo Y12s รองรับการเข้ารหัส Netflix เพียงแค่ L3 เท่านั้น ดังนั้นถ้าใครจะเอาสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ไปดูคอนเทนต์ต่างๆ บน Netflix ล่ะก็ จะได้เพียงแค่ความละเอียดแบบ SD เท่านั้นนะครับ แม้ว่าจะสมัครแพ็คเกจ 4K ก็ตาม

การปลดล็อคหน้าจอ

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า Vivo Y12s รุ่นนี้มากับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝั่งติดกับปุ่มเปิด-ปิดเครื่องไปเลย ซึ่งตรงนี้ก็เจอปัญหาอยู่เล็กน้อย เพราะว่าตำแหน่งของตัวเซ็นเซอร์ดันพอดีกับนิ้วโป้งมากเกินไป ทำให้บางทีแค่เอานิ้วไปโดนเฉยๆ มันก็ปลดล็อคให้เลยซะงั้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากไปขุดๆ มา ก็พบว่ามันสามารถปรับตั้งค่าได้ ว่าถ้าจะปลดล็อค ให้ลงแรงเพิ่มอีกนิดนึง แตะเฉยๆ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อีกหนึ่งปัญหาก็คือ ตัวเซ็นเซอร์นั้นมีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก ทำให้บางทีมุมองศาของนิ้วมือเวลาสแกนมันดันไม่ตรงกับตอนที่ลงทะเบียน ส่งผลให้สแกนไม่ผ่าน ยิ่งเวลาใส่เคสด้วยนะ สแกนยากเลยล่ะ ตรงนี้ก็แก้ไขด้วยการลงทะเบียนนิ้วให้หลากหลายมุม หลากหลายองศานั่นเองครับ

นอกจากนี้ Vivo Y12s ยังมีระบบปลดล็อคแบบ Face Wake อีกด้วย ซึ่งอันนี้จากที่ลองใช้งานมา เวลาลงทะเบียน แสงรอบๆ ตัวต้องเยอะพอสมควรนะ ถ้าลงทะเบียนในที่มืด จะติดค่อนข้างยาก

อีกทั้ง Vivo Y12s ยังสามารถเลือกได้อีกว่า เมื่อสแกน Face Wake เสร็จแล้ว จะให้มือถือปลดล็อคเลยไหม หรือว่าจะให้เราเลื่อนจอขึ้นอีกทีนึง

รวมๆ ถือว่าค่อนข้างโอเคเลยล่ะ ระบบปลดล็อคของ Vivo Y12s ทั้งแบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง และแบบ Face Wake สแกนใบหน้า

ประสิทธิภาพการใช้งาน

Vivo Y12s มากับชิปเซ็ต Helio P35 จาก MediaTek ซึ่งเมื่อลองเอาไปรันกับแอปทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องอย่าง Geekbench 5 ก็พบว่า สมาร์ทโฟนรุ่นนี้สามารถทำคะแนนแบบ Single-Core ไปได้ที่ 169 แต้ม และแบบ Multi-Core ที่ 948 แต้ม

แต่ถ้าใครยังไม่เห็นภาพล่ะก็ อันนี้ผมก็นำเจ้า Vivo Y12s ไปทดสอบกับ AnTuTu Benchmark ก็พบว่ารุ่นนี้กวาดคะแนนไปทั้งหมด 108,658 แต้มด้วยกัน ซึ่งแรงกว่ามือถือในย่านราคานี้หลายตัวอยู่

ส่วนเรื่องประสิทธิภาพความแรงหน่วยความจำ Vivo Y12s ก็ทำคะแนนกับ AndroBench ได้ตามนี้เลยครับ ซึ่งถือว่าทำได้ตามมาตรฐานของหน่วยความจำแบบ eMMC 5.1 นั่นเอง

เล่นเกมเป็นไง

Vivo Y12s มี Ultra Game Mode สำหรับเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการเล่นเกมโดยเฉพาะ ซึ่งตัวโหมดนี้จะบล็อกการแจ้งเตือนทั้งหมด ไม่ให้เด้งมากวนใจระหว่างกำลังตีป้อม หรือช่วยควบคุมอุณหภูมิตัวเครื่องไม่ให้ร้อนเกินไปอีกด้วย

อันนี้คือประหลาดใจมากๆ เพราะพอเอาไปเล่น RoV ก็พบว่า Vivo Y12s สามารถปรับกราฟิกได้แบบจัดสุดจริงๆ ทั้งภาพ HD แบบสูงมาก และการแสดงผลแบบสูง

ยอมรับตามตรงว่ามีหวั่นอยู่นิดหน่อยว่า เอาไปเล่นจริง จะมีอาการกระตุกหรือเปล่า แต่พอเล่นจริงๆ ก็พบว่าเฟรมเรทไม่แกว่งเลย วิ่ง 29 – 30 fps ตลอด เล่นลื่นๆ สบายๆ

ส่วน PUBG อันนี้จะปรับกราฟิกได้ถึงแค่สมดุล และเฟรมเรทที่กลางเท่านั้นนะครับ

กล้องถ่ายรูป

Vivo Y12s มากับกล้องหน้า-หลังรวมกัน 3 ตัว แบ่งออกเป็นกล้องหลัง 2 ตัว + กล้องหน้า 1 ตัว ซึ่งจากที่ลองเอาไปถ่ายภาพโน่นนี่นั่นดู ก็จะได้มาตามนี้เลยครับ

ภาพตัวอย่างจาก Vivo Y12s 

ภาพตัวอย่างกล้องหน้า และการถ่ายบุคคลของ Vivo Y12s

 

…น่าเสียดายที่ Vivo Y12s ดันไม่มีโหมดถ่ายภาพกลางคืนมาให้ซะงั้น

แบตเตอรี่

มาถึงจุดขายอีกหนึ่งจุดของ Vivo Y12s อย่างแบตเตอรี่ขนาด 5,000 มิลลิแอมป์กันบ้าง ซึ่งจากที่ลองเอาไปใช้งานทั่วไปดู ก็ต้องบอกว่ามันอึดสมคำร่ำลือจริงๆ เอาไปเล่น Facebook, Twitter หรือไถเว็บ Google Chrome ประมาณชั่วโมงนิดๆ แบตลดไปแค่ประมาณ 10% เท่านั้นเอง เรียกว่าลากใช้งาน 2 – 3 วันได้แบบสบายๆ กรณีคนไม่เล่นเกม

ขณะที่เรื่องระบบชาร์จไว Vivo Y12s ไม่ได้มีมาให้ ใส่มาแค่ 10W เท่านั้น

สรุป Vivo Y12s น่าซื้อไหม

ข้อดี 

  • ดีไซน์งานประกอบเกินราคามาก
  • หน้าจอใหญ่เต็มตาดี
  • กล้องใช้ได้
  • เล่นเกมดีกว่าที่คิด
  • แบตอึด ใช้งานยาวนาน

ข้อสังเกต

  • พอร์ตชาร์จน่าจะให้มาเป็น USB-C ได้แล้ว
  • ดู Netflix แบบ HD ไม่ได้

สเปค Vivo Y12s

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.51 นิ้ว ความละเอียด HD+ ค่ารีเฟรชเรท 60Hz
  • ชิปเซ็ต MediaTek Helio P35
  • RAM 3GB
  • ความจุ 32GB
  • กล้องหลัง 2 ตัว
    • Wide: 13MP
    • Depth Sensor: 2MP
  • กล้องหน้า 8MP
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง
  • Bluetooth 5.0, WiFi 2.4/5GHz
  • GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh
  • ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 11 บนพื้นฐาน Android 10

รวมๆ แล้ว Vivo Y12s ถือเป็นสมาร์ทโฟนราคาประหยัดอีกหนึ่งรุ่นที่น่าซื้อมาใช้เลยทีเดียวล่ะ เอาไปเล่นโซเชียลทั่วไปก็ทำได้ เล่นเกมปรับกราฟิกพอไหวอยู่ เด็ดสุดคงจะหนีไม่พ้นแบตเตอรี่ขนาด 5,000 มิลลิแอมป์ ที่ชาร์จเต็มที ใช้งานได้เพลินๆ เกือบครึ่งอาทิตย์ เอาเป็นว่าในราคานี้ 4,299 บาท หามือถือรุ่นอื่นๆ มาสู้ยาก บอกเลย