เรียกว่าการเปิดตัวในครั้งนี้สำหรับ iPhone 15 Pro Max ก็ทำให้ใครหลายคนเกิดอาการว้าวุ่นใจเลยทีเดียว เพราะครั้งนี้มีการอัปเกรดดีไซน์ และพอร์ตแบบใหม่จนเราอดไม่ได้ที่จะหยิบตัวท็อปจากฝั่งแอนดรอยด์มาชนกันสักตั้ง มาดูกันเมื่อเปรียบเทียบกับคู่กัดอย่าง Samsung Galaxy S23 Ultra ใครจะเหนือกว่า ชนกันให้ตายไปข้างนึงเลย เผื่อประกอบการตัดสินใจสำหรับคนที่คิดอยู่ว่าควรเลือกเครื่องไหนดี จะได้ตัดสินใจได้ถูก

เปรียบเทียบ IPHONE 15 PRO MAX กับ SAMSUNG GALAXY S23 ULTRA

ระหว่าง Samsung Galaxy S23 Ultra กับ iPhone 15 Pro Max เรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดมาก ๆ เลยทีเดียว เพราะทั้ง 2 รุ่นนี้ต่างมาพร้อมกับจอที่ใหญ่ และสเปคที่อัดแน่นแบบไม่มีใครยอมใคร เราจะพามาดูทุกจุดเด่น ๆ ว่ามีอะไรบ้างที่น่าสนใจ

จอแสดงผล

Galaxy S23 Ultra ถือว่ามาเหนือในด้านของความละเอียดของจอภาพ เพราะเค้าให้ความละเอียดมาถึง 2K (QHD+) ต่างจาก iPhone 15 Pro Max ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นตัวท็อปที่สุดแต่ก็ยังให้จอความละเอียดมาแค่ FHD+ ตามมาตรฐานเท่านั้น แต่ในส่วนของอัตตรา refresh rate ให้มาได้เท่ากันที่ 120 Hz

เรามาดูขนาดของจอแสดงผลของ Samsung S23 Ultra กันเรียกว่ายังใหญ่กว่า iPhone 15 Pro Max รุ่นท็อปสุดด้วย (S23U 6.8 นิ้ว / iPhone 15 Pro Max 6.7 นิ้วและมีความขอบจอบางขึ้น ดูสวยงามไม่น้อย ) ถึงแม้ว่าจอของฝั่ง Samsung จะใหญ่กว่าและมีความสว่างที่ 1750 nits แต่ว่า Apple ได้ให้ความสว่างสูงสุดที่ 2,000 nits เลยทีเดียว  

กล้องถ่ายภาพและวิดีโอ

Samsung S23 Ultra ได้ยกระดับการถ่ายภาพในที่แสงน้อยให้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญทำออกมาได้สุดยอดในเรื่องของการซูมที่ยังคงทำได้ดีเหมือนเดิมจะซูมในระยะ 30 เท่า ก็สามารถเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน และคมชัด รวมถึงเมื่อซูมไป 100 เท่าเต็มความสามารถแล้ว ก็ไม่มีอาการสั่นให้เห็น เรียกว่านิ่งจนน่าทึ่ง ซึ่งนอกจากจะเด่นในด้านฟีเจอร์แล้ว ด้านฮาร์ดแวร์ก็ถือว่ายังได้เปรียบ iPhone 15 Pro Max ที่เพิ่งอัปเกรดกล้องหลังจาก 12MP เป็น 48M ด้วย แต่ครั้งนี้ทางด้าน iPhone 15 Pro Max ได้มีการอัปเกรด Periscope ซูม 5x ทำให้ภาพที่ได้ออกมามีความชัดและดูไม่ขัดตาเหมือนเก่า แถมยังลดนอย์ในภาพอีกด้วย

แต่ที่ได้เปรียบกว่าเป็นเพราะกล้องหลังใน Galaxy S23 Ultra ได้มีการปรับปรุงอัปเกรดเซนเซอร์กล้องหลังใหม่ ที่มีความละเอียดรสูง ถึง 200MP พร้อมอัปเกรดเซนเซอร์อัลตราไวด์เป็นเซนเซอร์รุ่นที่ใหม่กว่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกล้อง Telephoto 2 ตัว มากกว่า iPhone 15 Pro Max ที่มีเพียงแค่ 1 ตัวเท่านั้น ทำให้การถ่ายภาพแบบซูมไกลนั้นทำได้ไกลกว่า

ส่วนสเปคกล้องหน้าของ Samsung Galaxy S23 Ultra นั้นใช้เซนเซอร์เดียวกับรุ่นน้องทั้ง 2 รุ่น ถึงแม้ว่าในสองรุ่นน้องจะเรียกว่าเป็นการอัปเกรด แต่ในรุ่นท็อปถือเป็นการดาวน์เกรดลดสเปคจากกล้อง 48MP เหลือเพียง 12MP ทำให้ครั้งนี้จากที่กล้องหน้าของ S22 Ultra ที่เคยเหนือกว่า iPhone 14 Pro Max ในรุ่นนี้กลับกลายเป็นจุดที่ด้อยกว่าเสียอย่างนั้น แต่ตอนนี้ยังไม่ขอปักธงว่าคุณภาพของรูปถ่ายของใครด้อยกว่าใคร แต่ถ้าใครอยากเห็นภาพถ่ายจาก Galaxy S23 Ultra ในบทความ Hands-On เราก็มีตัวอย่างภาพให้ชมนะ หรือจะรับชมการใช้งานฉบับเต็ม คลิกได้ที่ลิ้งค์นี้เลย รีวิว Samsung Galaxy S23 Ultra มือถือตัวท็อปสุด

ในเรื่องของงานวิดีโอนั้น iPhone 15 Pro Max เก่งกว่าในเรื่องของฟีเจอร์พิเศษระดับมืออาชีพอย่าง ProRes สามารถถ่ายวิดีโอได้แบบเต็มคุณภาพ ลดการบีบอัด ทำให้ได้ไฟล์วิดีโอแบบ RAW ง่ายต่อการปรับสีในโปรแกรมตัดต่อ ทำให้มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ที่สำคัญความละเอียดได้เพิ่มเป็น 4K@60FPS ต่างจากรุ่นก่อนที่จำกัดแค่ความละเอียด 4K@30FPS

แต่สิ่งที่น่าสนใจ iPhone 15 Pro Max มีฟีเจอร์ กล้อง Spatial video  โดยการบันทึกวิดีโอ Spatial video ที่ให้ใช้งานได้แล้วบน iPhone ซึ่งถ่ายวิดีโอบน iPhone 15 Pro แล้วมาย้อนดูบน Apple Vision Pro ให้ความทรงจำดูเหมือนจริงยิ่งขึ้น และ iPhone 15 Pro สามารถถ่ายวิดีโอแบบ 3D โดยใช้กล้องอัลตร้าไวด์และกล้องหลักสุดล้ำเพื่อมาย้อนดูช่วงเวลาที่น่าประทับใจได้บนแว่น Apple Vision Pro อีกด้วยนะ ถึงแม้ว่า Samsung S23 Ultra จะยังไม่มีแว่นที่เอามาขิงค่ายผลไม้ และไม่สามารถถ่ายวิดีโอแบบไฟล์ RAW ได้ แต่ก็มีการทดแทนด้วยความสามารถในการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 8K@30FPS ที่พัฒนาจากรุ่นก่อน ที่ทำไว้ได้สูงสุดแค่ 8K@24FPS ส่วนคุณภาพจะสู้ได้หรือไม่ได้ ต้องรอติดตามผลทดสอบกล้องกันอีกทีเร็ว ๆ นี้

ประสิทธิภาพ

ต้องบอกว่า iPhone 15 Pro Max มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง A17 Pro ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 3 นาโนเมตรเป็นครั้งของวงการสมาร์ทโฟน ซึ่งทาง Apple ได้เคลมความแรงไว้ว่า CPU จะแรงกว่าเดิมถึง 10% และมี GPU ที่แรงกว่าเดิมถึง 20% และได้ Neural Engine ที่เร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า แถมยังเหนือกว่า Samsung S23 Ultra ในด้านเกม เพราะสามารถเล่นเกมระดับ AAA อย่าง Resident Evil 4 Remake และ Resident Evil Village ระดับ AAA และพอร์ทเกมลงให้เล่นกันบนมือถือได้เลย เรียกว่าน่าสนใจเอามาก ๆ

ส่วนฝั่งซัมซุง Snapdragon 8 Gen 2 มี GPU ที่แรงกว่า แต่โดยรวมแล้วยังตามหลังกันไม่มาก แต่อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าชิป Snapdragon 8 Gen 2 ที่มากับ Samsung S23 Ultra เป็นชิปรุ่นพิเศษที่มีการปรับแต่งให้แรงยิ่งขึ้น ซึ่งจะแรงแซงหน้าคู่แข่งคนสำคัญมั้ย ต้องรอติดตามผล Bechmark กันอย่างใกล้ชิดอีกที

ส่วนเรื่อง Multi-Tasking ในฝั่ง Samsung ก็ยังหายห่วง เพราะเขาให้ RAM มาสูงสุดถึง 8 – 12GB ซึ่งมากกว่า iPhone 15 Pro Max ที่มีให้ราว ๆ 6GB ดังนั้น เรื่องความเร็วในการสลับใช้งานแอปต่าง ๆ ต้องบอกว่าเร็วเหลือ ๆ ไม่มีปัญหา

แบตเตอรี่และการชาร์จ

Samsung Galaxy S23 Ultra ยังคงมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh เหมือนเดิม ซึ่งถ้าเทียบกันในด้านความจุแล้ว ยังไงก็ถือว่าชนะ iPhone 15 Pro Max แบบขาดลอย ส่วนแบตรุ่นไหนจะอึดกว่ากันนั้น อาจจะยังตอบไม่ได้เพราะต้องดูประสิทธิภาพการจัดการพลังงานของชิป A17 Pro ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวทางเรามารีวิวให้ดูอีกทีค่ะ

แต่ในด้านการชารจ์ไร้สาย Galaxy S23 Ultra ยังคงเสมอกับ iPhone 15 Pro Max เพราะทั้ง 2 รุ่นสามารถชาร์จไร้สายได้สูงสุด 15W เท่ากัน แต่การชาร์จผ่านสาย Galaxy S23 ถือว่ายังนำอยู่ เพราะชาร์จได้ที่กำลังไฟสูงสุด 45W มากกว่า iPhone 15 Pro Max ไปแบบครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว สำหรับการชาร์จ iPhone 15 Pro Max รองรับชาร์จไวจาก 0 – 50% ใช้เวลา 30 นาทีเมื่อใช้หัวชาร์จ 20W ซึ่งเทียบเท่ากับในรุ่นก่อนเช่นกัน

สรุปการเปรียบเทียบ

iPhone 15 Pro Max vs Galaxy S23 Ultra

Galaxy S23 Ultra เรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อที่สุดของ iPhone 15 Pro Max เพราะมาพร้อมกับสเปคที่อัดแน่นในทุกด้าน ทั้งกล้องถ่ายภาพ จอแสดงผล แบตเตอรี่ มาในราคาที่ต่ำกว่าเล็กน้อย แถมความจุเริ่มต้นยังสูงกว่าด้วย ถ้าแฟน ๆ iOS คนไหนอยากเปลี่ยนมาใช้ Android Samsung Galaxy S23 Ultra ก็ย่อมได้ แต่อย่างไรก็ตามให้ทุกคนรอการรีวิวของ iPhone 15 Pro Max กันอีกทีล่ะ