เมื่อวานที่ผ่านมา หลังจากที่มีราคาของ Samsung Galaxy Watch6 Series หลุดออกมาให้ทราบ ตอนนี้ก็เริ่มมีสเปคหลักของตัวนาฬิกาทั้งรุ่นมาตรฐาน และรุ่น Classic หลุดออกมาให้ทราบกันเพิ่มเติมแล้ว มีข้อมูลทั้งในด้านขนาดหน้าจอ ความจุแบตเตอรี่ ชิปที่จะใช้ เรียกได้ว่าพัฒนาแบบรอบด้านเลยทีเดียว

ข้อมูลที่หลุดออกมาเผยว่า Galaxy Watch6 Series ทุกรุ่นจะได้รับการอัปเกรดจอให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 20% ขอบจอลดลงถึง 30%  และจะมาพร้อมกับชิปสำหรับนาฬิกาอัจฉริยะเจเนอเรชันใหม่ Exynos W930 ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม ขนาด 5 นาโนเมตร รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 และ Wi-Fi นอกจากนี้ทุกรุ่นจะได้รับการอัปเกรด RAM นิดหน่อยเป็น 2GB จากเดิมที่ให้มาแค่ 1.5GB เท่านั้น ส่วนความจุให้มาที่ 16GB เท่าเดิม

ด้านแบตเตอรี่ Galaxy Watch6 Series คาดว่าแบตเตอรี่จะอึดขึ้นกว่าในรุ่นก่อนถึง 20% ซึ่งในรุ่นมาตรฐานจะได้รับการอัปเกรดความจุด้วย โดยรุ่นหน้าปัด 40 มม. จะได้แบตเตอรี่ขนาด 300 mAh (อัปเกรดจากความจุ 284 mAh ในรุ่นก่อน) ส่วนรุ่นหน้าปัด 44 มม. จะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 425 mAh (อัปเกรดจากความจุ 410 mAh ในรุ่นก่อน)

ส่วน Galaxy Watch6 รุ่น Classic คาดว่าจะได้ใช้แบตเตอรี่ความจุเดียวกัน ในรุ่นหน้าปัด 43 มม. จะได้แบตเตอรี่ขนาด 300 mAh ส่วนรุ่นหน้าปัด 47 มม. จะได้แบตเตอรี่ขนาด 425 mAh ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นในกลุ่มราคาเดียวกันเมื่อปีที่แล้วอย่าง Watch5 Pro (590 mAh) ถือว่าน้อยลงกว่าเดิม แต่ถ้าเทียบกับ Galaxy Watch4 Classic ถือว่าอัปเกรดเยอะพอสมควร อย่างไรก็ตามชิปรุ่นใหม่ที่ใส่มาอาจจะช่วยในเรื่องการจัดการให้ดีขึ้นก็เป็นได้

ตัวเลือกสี Galaxy Watch6

นอกจากนี้ข้อมูลที่หลุดออกมายังเผยถึงสีตัวเรือนของ Galaxy Watch6 Series ด้วย โดยทุกรุ่นจะมาพร้อมกับตัวเรือนให้เลือก 2 สีคือ สีเทา Graphite และสีเงิน Silver แต่รุ่นเริ่มต้นอย่าง Galaxy Watch6 40 มม. จะไม่มีสีเงินให้เลือก และแทนที่ด้วยสีทอง Gold และนอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีสีพิเศษวางจำหน่ายเพิ่มเติมในบางตลาดด้วย

ตัวเลือกสี Galaxy Watch6 Classic

Samsung Galaxy Watch6 Series มีกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม 2023 ซึ่งตอนนี้ทาง Samsung ก็ยังไม่เคาะวันที่แน่ชัดออกมา ส่วนราคาเปิดตัวที่หลุดออกมาจากฝั่งยุโรปเริ่มต้นที่ 319 ยูโร (~12,000 บาท) ซึ่งหากลองหักลบดูแล้ว ในไทยน่าจะเริ่มต้นที่ประมาณ 8,xxx บาท ไม่ห่างจากเดิมมาก

 

ที่มา: GSMArena (1) (2), Ahmed Qwaider (Twitter)