หลังจากที่เงียบหายไปนานสำหรับ Self-Repair Program ที่ทาง Samsung ได้จับมือกับเว็บสอนซ่อมชื่อดัง iFixit ขายอะไหล่มือถือให้ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ซื้อไปซ่อมด้วยตนเองไปเมื่อเดือนเมษายนปีก่อน ซึ่งในตอนนั้นเองก็ได้วางจำหน่ายอะไหล่เพียงแค่รุ่น Galaxy S20 Series, Galaxy S21 Series และแท็บเล็ต Galaxy Tab S7+ เท่านั้น ไม่ได้อัปเดตรุ่นใหม่อีกเลยหลายเดือน ในที่สุดวันนี้ก็มีข่าวดีเพราะทาง Samsung ได้เริ่มขายอะไหล่ Galaxy S22 Series แล้ว
หน้าเว็บของ iFixit ได้มีการอัปเดตอะไหล่แท้ที่ได้รับการรับรองจากทาง Samsung ของ Galaxy S22, Galaxy S22+, Galaxy S22 Ultra ให้ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ได้เลือกซื้อกันไปซ่อมเองตามกฎ Right-to-repair โดยมีให้เลือกตั้งแต่ แบตเตอรี่ และกระจกหน้าจอ, กระจกหลังเครื่อง และพอร์ตชาร์จ USB-Type C ซึ่งแต่ละชุดอะไหล่มีราคา (ยังไม่รวมภาษี) ดังนี้
ราคาอะไหล่แท้ Galaxy S22 จาก iFixit
- อะไหล่พอร์ตชาร์จ: ราคาพร้อมชุดซ่อม 66.99 เหรียญ (2,217 บาท) / ไม่มีชุดซ่อม 59.99 เหรียญ (1,985 บาท)
- กระจกหลังตัวเครื่อง: ราคาพร้อมชุดซ่อม 66.99 เหรียญ (2,217 บาท) / ไม่มีชุดซ่อม 59.99 เหรียญ (1,985 บาท)
- ชุดจอแสดงผล พร้อมแบตเตอรี่: ราคาพร้อมชุดซ่อม 166.99 เหรียญ (5,526 บาท) / ไม่มีชุดซ่อม 159.99 เหรียญ (5,294 บาท)
ราคาอะไหล่แท้ Galaxy S22+ จาก iFixit
- อะไหล่พอร์ตชาร์จ: ราคาพร้อมชุดซ่อม 66.99 เหรียญ (2,217 บาท) / ไม่มีชุดซ่อม 59.99 เหรียญ (1,985 บาท)
- กระจกหลังตัวเครื่อง: ราคาพร้อมชุดซ่อม 66.99 เหรียญ (2,217 บาท) / ไม่มีชุดซ่อม 59.99 เหรียญ (1,985 บาท)
- ชุดจอแสดงผล พร้อมแบตเตอรี่: ราคาพร้อมชุดซ่อม 189.99 เหรียญ (6,287 บาท) / ไม่มีชุดซ่อม 182.99 เหรียญ (6,056 บาท)
ราคาอะไหล่แท้ Galaxy S22 Ultra จาก iFixit
- อะไหล่พอร์ตชาร์จ: ราคาพร้อมชุดซ่อม 66.99 เหรียญ (2,217 บาท) / ไม่มีชุดซ่อม 59.99 เหรียญ (1,985 บาท)
- กระจกหลังตัวเครื่อง: ราคาพร้อมชุดซ่อม 66.99 เหรียญ (2,217 บาท) / ไม่มีชุดซ่อม 59.99 เหรียญ (1,985 บาท)
- ชุดจอแสดงผล พร้อมแบตเตอรี่: ราคาพร้อมชุดซ่อม 239.99 เหรียญ (7,942 บาท) / ไม่มีชุดซ่อม 232.99 เหรียญ (7,710 บาท)
ซึ่งนอกจากจะมีอะไหล่ Galaxy S22 Series ให้เลือกซื้อไปซ่อมเองแล้ว Samsung และ iFixit ยังได้ขายอะไหล่โน้ตบุ๊คอย่าง Galaxy Book Pro และ Galaxy Book Pro 360 ให้เลือกซื้อไปซ่อมด้วย แต่อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าโปรแกรม Self-Repair เปิดให้ใช้งานเฉพาะในสหรัฐเท่านั้น ในบ้านเราถ้าเครื่องปัญหาก็ยังคงต้องพึ่งศูนย์ซ่อมอยู่นะ
ที่มา: PhoneArena, iFixit
Comment