ปัจจุบันผู้ใช้สมาร์ทวอทช์เพื่อตรวจจับด้านสุขภาพมีมากขึ้น อีกทั้งตัวสมาร์ทวอทช์เองก็ตรวจจับการนอนหลับได้ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งล่าสุด Samsung ก็ได้เผยถึงผลวิเคราะห์ข้อมูลด้านการนอนหลับที่วัดผ่าน Galaxy Watch series จำนวน 716 ล้านคืน ผลที่ได้พบว่าผู้ใช้งานพักผ่อนกันน้อยมาก

Samsung เผยผลการวิเคราะห์ด้านการนอนหลับจำนวนราว 716 ล้านคืน ผ่านแอป Samsung Health และ Galaxy Watch series ระยะเวลาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2021 ถึง พฤษภาคม 2023 เป็นเวลารวมกว่า 2 ปี พบว่า

จำนวนผู้ใช้งานติดตามการนอนหลับผ่านแอปพลิเคชันและสมาร์ทวอทช์มีเพิ่มมากขึ้น 182% ในขณะที่คุณภาพในการนอนหลับลดลงทุกที่ในทุกคนเลย

Samsung พบว่าค่าเฉลี่ยของระยะเวลาการนอนหลับลดลงทั่วโลก จากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ 7 ชั่วโมง 3 นาที ลดไปเป็น 6 ชั่วโมง 59 นาที ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่ National Sleep Foundation แนะนำ ควรอยู่ที่ 7 – 9 ชั่วโมง ในขณะเดียวกันการตื่นนอนกลางดึกกลับเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผลโดยรวมคือประสิทธิภาพของการนอนลดลง

ในช่วงเวลา 2 ปีนี้พบว่า เทรนด์การนอนหลับแบบนี้เกิดขึ้นกับคนทุกเพศ ทุกวัย และทุกภูมิภาคเลย และจากการวัดด้วยระยะเวลาแบบวันธรรมดาและวัดหยุดสุดสัปดาห์ พบว่า ผู้ใช้งานช่วงอายุ 20 ปี มีการอดนอนสะสม (Sleep Debt) เยอะกว่าผู้ใช้งานช่วงอายุ 70 ปีถึง 2 เท่า

สำหรับฟีเจอร์ Sleep Coaching ที่ทาง Samsung ได้ทำออกมาเพื่อตรวจวัดการนอนหลับแบบละเอียด แล้วกำหนดว่าใครมีพฤติกรรมเป็นสัตว์แบบไหน แล้วต้องปรับปรุงยังไงถึงจะดีต่อสุขภาพ ซึ่งพบว่ามีผู้ใช้จำนวนมากเป็น Nervous Penguins ถึง 32 % ซึ่งกลุ่มนี้จะมีพฤติกรรมการนอนที่คงที่ แต่จะตื่นกลางคันบ่อย

ส่วนรองลงมาจะเป็น Cautious Deer ที่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มนี้จะมีระยะเวลานอนหลับที่สั้นและตื่นบ่อย ขณะที่กลุ่มช่วงอายุ 20 ปี มักจะเป็น Sensitive Hedgehogs และ Sun Averse Moles

ข้อมูลอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

  • เมื่อเทียบประสิทธิภาพการนอนหลับ ผู้หญิงจะมีประสิทธิภาพการนอนลดลงเห็นได้ชัดกว่าผู้ชาย
  • กลุ่มผู้ใช้งานที่มีอายุมากกว่า 70 ปี มีประสิทธิภาพการนอนลดลงมากขึ้น
  • จากข้อมูล ผู้ใช้งานอเมกาเหนือมีปัญหาการนอนมากที่สุด คนเอเชียปัญหาน้อยสุด
  • หากไม่รวมผู้ใช้งานในอเมริกาเหนือและยุโรป ค่าเฉลี่ยระยะเวลาการนอนหลับของคนในภูมิภาคอื่น ๆ น้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อคืน

นอกจากนี้ Samsung ยังเผยว่า ผู้ที่ใช้ Samsung Health ปรับพฤติกรรมการนอนหลับนอนได้ดีขึ้นหลังจากปรับใช้เป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เทคโนโลยีสามารถช่วยเรื่องสุขภาพเราได้มากขึ้น

ที่มา : SAMMOBILE