สำหรับยุคน้ำมันแพงแบบนี้ หลายๆ คนเริ่มมีตัวเลือกในการเดินทางในระยะใกล้ๆ เพิ่มขึ้นหลากหลายวิธีโดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำมัน ไม่ว่าจะทนเดินเอาเอง สบายขึ้นมาหน่อยก็ปั่นจักรยาน หรือจะให้สบายกว่าก็ใช้จักรยานไฟฟ้า หรือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเอาซะเลย แต่ถ้าใครอยากเดินทางในระยะสั้นๆ แบบมีสไตล์ไม่เหมือนใครก็ลองหันมาดูเจ้าสเก๊ตไฟฟ้า Segway Drift W1 กันหน่อยมั้ยล่ะ เพราะเราแทบจะไม่ต้องทำอะไร แค่ขึ้นไปยืนแล้วเอนตัวไปในทิศทางที่ต้องการก็วิ่งฉิวกันได้เลย

พวกอุปกรณ์ช่วยในการเดินทางประเภทที่ใช้เทคโนโลยี Self-Balancing ตามที่เราเคยเห็นหรือเคยเล่นกันมาในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมานี้ จะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้การยืนทรงตัวบนอุปกรณ์เหล่านั้น และใช้การเอนตัวเล็กน้อยไปในทิศทางที่เราต้องการจะไป ซึ่งเอาจริงๆ สำหรับบางคนก็ถือเป็นเรื่องง่ายสุดๆ ลองยืนไม่กี่ครั้งก็ใช้เป็นแล้ว แต่สำหรับบางคนก็กลายเป็นเรื่องยากเพราะลองเล่นเป็นชั่วโมงๆ ก็ไม่ได้ซักที (แต่ถ้าเป็นแล้วมันก็จะเป็นไปตลอดเหมือนขี่จักรยานนั่นแหละ) ซึ่งอุปกรณ์ Self-Balance ที่ผ่านๆ มาและมีขายในบ้านเราก็จะมีอยู่ 2 แบบ คือแบบล้อเดียวขึ้นไปยืนคร่อม และแบบที่ฮิตกันอยู่พักนึงก็คือ Hoverboard ที่เป็นกระดานมี 2 ล้อ

Hoverboard ที่ใช้เทคโนโลยี Selfi-Balancing แบบเดียวกัน

Segway Drift W1 คืออะไร

เจ้า Drift W1 จะเป็นเหมือนกับสเก๊ตไฟฟ้ามากกว่า เพราะมันมี 2 ข้าง ข้างละ 1 ล้อ เวลาจะเล่นก็ให้เอาเท้าขึ้นไปเหยียบบนนั้น แล้วเอนตัวเอา ไม่ต้องไถเองเหมือนสเก๊ตปกติ สามารถทำความเร็วได้ถึง 12 กม. / ชม. และรับน้ำหนักผู้เล่นได้ 100 กก. Drift W1 แต่ละข้างมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 3.5 กก. รวม 2 ข้างก็เป็น 7 กก. ก็ถือว่าหนักพอสมควรสำหรับการยกไปไหนต่อไหน แต่ก็ยังเบากว่าพวก Scooter ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีน้ำหนัก 10 กก. ขึ้นไป

แต่ละข้างก็ไม่มีอะไรมาก มีแค่ปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่องเท่านั้น ส่วนที่เป็นจุกสีขาวด้านซ้ายนั่นเป็นช่องสำหรับเสียบสายชาร์จ โดยการชาร์จให้เต็มจากที่หมดเกลี้ยงในแต่ละครั้ง ใช้เวลาราวๆ 3 – 4 ชั่วโมง และสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 45 นาที

มีสายยางยืดสำหรับหิ้วไปไหนต่อไหนได้ แต่ดูแล้วไม่รู้ว่ามันจะทนทานใช้หิ้วได้นานซักแค่ไหน ส่วนปุ่ม Power ถ้ากดค้างก็จะเป็นการเปิด-ปิดไฟ หรือเปลี่ยนสีไฟ (มี 2 แบบ คือสีฟ้า และสีรุ้งกระพริบแบบศาลพระภูมิ)

 

วิธีการใช้งาน และเล่นยากรึเปล่า?

การเล่นเจ้า Drift W1 อย่างที่บอกไปแล้วว่าสำหรับบางคนก็ง่าย บางคนก็ยาก เพราะมันอยู่ที่การทรงตัวอย่างเดียวเลยล่ะ เริ่มต้นก็ให้วางเจ้า Drift W1 เอาไว้ข้างๆ กันแบบนี้ จากนั้นก็กด Power เพื่อเปิดเครื่อง 1 ที แล้วมันก็จะตั้งขึ้นมาในแนวระนาบให้เองโดยอัตโนมัติ (ตอนนี้พยายามอย่าไปดึงไปดันมันเข้าล่ะ เพราะถ้ามันเสียระดับปุ๊บ มันจะวิ่งหนีเราไปเองเลย 555)

จากนั้นก็ก้าวขาขึ้นไปยืนทีละข้าง แต่ตอนนี้ต้องใช้ความมั่นใจนิดนึงนะ แบบต้องขึ้นไปยืนให้มั่นๆ เลย อย่ากล้าๆ กลัวๆ ยุกยิกๆ แล้วมันจะเซ ต้องก้าวขึ้นไปยืนเหมือนเราเดินขึ้นไปบนพื้นธรรมดาแล้วจะดีเอง (ใครหวั่นๆ ว่าเท้ามันจะลื่นก็ลองถอดรองเท้าดูได้)

ถ้าขึ้นไปยืนได้แบบนิ่งๆ เมื่อไหร่ก็ถือว่าพร้อมเล่นแล้วล่ะ เพราะจริงๆ แค่เราทรงตัวยืนให้ได้ก็จบแค่นั้นแหละ เวลาเราจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าก็แค่เอนตัวไปเล็กน้อยมันก็จะวิ่งฉิวไปเลย เวลาจะเบรคก็แค่ดึงตัวกลับมาให้ตรงเหมือนเดิมก็พอ

ส่วนเวลาเลี้ยวก็ไม่ยากเท่าไหร่ แค่เราทิ้งน้ำหนักลงไปบนขาข้างที่ต้องการจะเลี้ยว (ประมาณว่าใช้ขาข้างนั้นเป็นแกนเพื่อให้ขาอีกข้างหมุนตาม) ก็เรียบร้อย

Play video

เมื่อเล่นเสร็จก็หยุดให้นิ่งซะก่อนแล้วก้าวลงมาได้เลย อย่ากระโดดเพราะอาจเสียหลักหรือลื่นล้มหน้าคว่ำเอาได้

สรุป Drift W1 เหมาะสำหรับใช้งานแบบไหน

ข้อดี

  • เล่นง่าย บังคับง่าย ซอกแซกหลบคนหรือสิ่งกีดขวางได้
  • ใช้เวลาเรียนรู้ไม่นาน (ไม่ถึง 10 นาทีก็เล่นเป็นแล้ว)
  • เร็วกว่าเดินปกติ 3 – 4 เท่า
  • ไม่จำเป็นต้องใส่รองเท้าผ้าใบเล่น
  • การใช้งานไม่ซับซ้อน กดปุ่ม Power แล้วใช้ได้เลย
  • กันน้ำได้ในระดับฝนตก
  • เท่ดี

ข้อด้อย

  • ใช้งานได้ดีกับพื้นที่เรียบจริงๆ เพราะถ้าใช้กับพื้นขรุขระจะเมื่อยกว่าเดิน และใช้ความเร็วมากไม่ได้
  • ไม่เหมาะกับการใช้งานบนทางเท้า (บ้านเรา)
  • ไม่มีแรงขึ้นทางลาดชันเกิน 10 องศา
  • ชาร์จนานถึง 3 – 4 ชม. แต่ใช้งานได้แค่ประมาณ 30 – 45 นาที
  • เสี่ยงล้มได้ง่ายๆ ถ้าเจอเนินหรือเหยียบก้อนหิน

จากที่ลองใช้งานมาได้ซักพักก็ขอสรุปให้ว่า Segway Drift W1 เหมาะกับการใส่เล่นตามหมู่บ้าน หรือสวนสาธารณะที่มีพื้นเรียบๆ มากกว่า เพราะการใช้งาน Drift W1 บนพื้นเรียบนั้นแทบไม่มีปัญหาอะไรเลย สามารถเร่งความเร็วได้เต็มที่ประมาณ 10 – 12 กม./ชม. และเล่นได้สนุกดี แต่ถ้าหากใครที่คิดจะซื้อมาเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง ก็ต้องลองคิดใหม่นะครับ เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่าทางเท้าของประเทศไทยนั้นโคตรจะเรียบเนียนเลยล่ะ…ด้วยความที่ล้อแต่ละข้างมันไม่ได้ใหญ่มาก แค่เจอรอยแยกหรือรอยนูนนิดๆ หน่อยๆ ก็จะทำให้เสียการทรงตัวได้แล้ว รวมถึงมันไม่เหมาะกับการขึ้นเนินที่มีความลาดชันเกิน 10 องศา (จริงๆ มันก็พอขึ้นไหว แต่มันต้องเค้นแรงพอสมควร ถ้าขึ้นๆ ลงๆ บ่อย มันก็จะเปลืองแบตกว่าเดิม) และถ้าสมมุตว่าวิ่งมาเร็วๆ แล้วเจอแค่ก้อนหิน หรือฝาเบียร์ก็รับรองได้ว่าเสียหลักหน้าทิ่มแน่นอน นอกจากนี้การใช้งาน Drift W1 บนทางที่ไม่ค่อยจะเรียบเนียนยังทำให้เราต้องเกร็งขามากกว่าปกติเพื่อบังคับทิศทาง จนคิดว่ามันเมื่อยกว่าเดินปกติซะอีก

Play video

ส่วนราคาของ Segway Drift W1 ในบ้านเราก็อยู่ที่ประมาณ 19,xxx – 20,xxx บาท (แล้วแต่ตัวแทนจำหน่าย) และมีประกันศูนย์ไทยกับบริษัท Monowheel มีอะไหล่พร้อมเปลี่ยนเรียบร้อย ไม่ต้องกลัวว่าพังแล้วจะไม่มีที่ซ่อมด้วยล่ะ