กำลังเป็นประเด็นที่โจษจันและถกเถียงกันมาก เกี่ยวกับเครื่องให้บริการอัตโนมัติของ AIS ซึ่งแน่ละว่าเหตุผลในการทำเครื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนที่ต้องการเปิดใช้บริการกับเครือข่าย ลงทะเบียนซิมผู้ใช้งานระบบเติมเงิน เรียกว่ามันทำอะไรได้หลายอย่าง โดยนอกจากจะสะดวกใช้งานง่ายแล้ว ยังไม่เสียค่าบริการเลยซักบาท แต่มีบริการนึงของตู้นี้ที่น่าเป็นห่วง นั่นก็คือบริการขอซิมใหม่ที่ใช้หลักฐานแค่บัตรประชาชนกับเบอร์โทรศัพท์เท่านั้น ด้วยความง่ายในการขอซิมใหม่ของมันนี่แหละ อาจถูกมิจฉาชีพนำไปออกซิมใหม่ได้ ซึ่งอาจะเกี่ยวพันกับธุรกรรมทางการเงินหรือบัตรเครดิตต่างๆ ที่มีการผูกการยืนยันผ่านรหัส OTP ได้นั่นเอง

ตัวผมเองนั้นเคยลองใช้บริการนี้แล้วครับ ตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา (แต่ได้ข่าวว่าตู้นี้ตั้งมาหลายเดือนก่อนหน้านั้นอีก) โดยหลักการทำงานของมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย แค่คุณมี “บัตรประชาชน + หมายเลขโทรศัพท์” สาเหตุที่ผมมาขอนั่นก็เพราะว่า มาเปลี่ยนขนาดซิมการ์ดจาก mini sim เป็น micro หรือ nano sim รวมถึงคนที่ทำซิมการ์ดหาย ต้องการออกซิมใหม่ เครื่องนี้ก็สามารถทำได้ โดยขั้นตอนการใช้งานคร่าวๆ ของเจ้าตู้ออกซิมนี้ก็คือ

  • เลือกบริการเปลี่ยนซิมใหม่
  • เสียบบัตรประชาชนเข้าไป
  • กดหมายเลขโทรศัพท์ของเราที่ต้องการขอซิมใหม่ (ซึ่งต้องตรงกับที่ลงทะเบียนไว้)
  • ถ้ามีซิมเดิมสามารถคัดลอกข้อมูลเช่นเบอร์โทรศัพท์หรือรายชื่อในซิมได้ โดยวางไปที่ถาดซิมด้านขวา แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร
  • จากนั้นรอสักครู่ ซิมใหม่จะหลุ่นตุ๊บลงมาในช่องรับซิม

เพียงเท่านี้เราก็จะได้ซิมใหม่เบอร์เดิมเป็นที่เรียบร้อย จะเห็นว่าขั้นตอนมันง่ายจริงๆ ไม่มีการตรวจสอบอะไรเพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้น แค่มี บัตรประชาชน + เบอร์โทรศัพท์ ที่ถูกต้องก็สามารถขอซิมได้ทันที บางคนบอกว่าการเชื่อมชื่อในบัตรประชาชนกับเบอร์โทรศัพท์นั้นไม่ใช่ง่ายๆ แต่ผมกลับมองว่ามันง่ายมาก และไม่ได้ยากขนาดนั้น

เจ้าตู้ service vending นั้นมันก็สะดวกดีครับ สามารถให้บริการได้หลากหลาย แต่บริการเปลี่ยนซิมนั้นน่าจะต้องมีการทบทวน หรืองดให้บริการในส่วนนี้ไปก่อนหรือไม่ จนกว่าจะหาทางตรวจสอบหรือมีรายละเอียดที่รัดกุมมากขึ้นกว่านี้ 

การขอซิมใหม่ทำได้ง่ายเกินไป

ปัจจุบันเรามีการผูกบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต ซื้อของออนไลน์ รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินนั้นมีการพ่วงการยืนยันตัวตนหรือยืนยันการทำรายการด้วย One Time Password ที่เราคุ้นชื่อกันว่า OTP เป็นรหัสส่งมาที่เบอร์โทรศัพท์ที่เราลงทะเบียนเอาไว้ ทำให้การขอซิมใหม่ที่ง่ายเกินไปนั้นมีความเสี่ยงขึ้นมาทันที

เพราะถ้าหากมิจฉาชีพสามารถเอาบัตรประชาชนเราไปออกซิมใหม่ได้แบบนี้ มันก็เหมือนกับการโดนขโมยรหัส OTP ไปในทันที ถึงแม้ว่าระบบธุรกรรมธนาคารจะมีเรื่องของ username + password ในการใช้บริการป้องกันอยู่อีกที แต่การออกซิมใหม่โดยมีการตรวจสอบน้อยเกินไปนั้นก็ดูจะสุ่มเสี่ยงไปหน่อย (ถ้ายังจำกันได้ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องของการลงแอพธนาคารปลอมในมือถือ แล้วโดนขโมยรหัส OTP ไปทำธุรกรรม และโดนหลอกเข้าเวบธนาคารปลอมโดยขโมยรหัสผ่าน)

การขอซิมใหม่ที่หน้าเคาน์เตอร์ปลอดภัยแค่ไหน

ถามว่าแล้วในกรณีการไปขอซิมใหม่ที่หน้าเคาน์เตอร์นั้นง่ายมากน้อยแค่ไหน หากเค้ามีบัตรประชาชนของเรา หรือเค้ามีสำเนาพร้อมกับมีลายเซ็นต์มอบอำนาจเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะออกซิมให้เลยหรือไม่? คือมีแค่ใบมอบอำนาจ + สำเนาบัตร + หมายเลขซิม ก็ขอได้หรือไม่? หรือต้องมีซิมเก่าไปยืนยันด้วย? ส่วนนี้เป็นส่วนที่ผมสงสัย ใครเคยให้เพื่อน คนในครอบครัว หรือแมสเซนเจอร์ไปรับซิมใหม่ หรือไปเปลี่ยนซิมแทนตนเองยังไงลองมาแสดงความคิดเห็นเพิ่มได้นะครับ คือยังไม่มีเวลาไปลอง แค่อยากรู้ว่ามันปลอดภัยมากกว่าไหม หรือมีความยุ่งยากกว่าปกติหรือไม่ เจ้าหน้าที่มีความลังเลที่จะออกซิมให้หรือเปล่า หรือไม่สามารถขอซิมใหม่ได้เลย นอกเสียจากว่าจะมีซิมเดิมมายืนยัน

ความปลอดภัยของรหัส OTP

หากการขอซิมใหม่ของหลายๆ ค่ายนั้นทำได้ง่ายและไม่ต้องทำอะไรยุ่งยาก ก็มีความเสี่ยงที่รหัส OTP ของเราจะโดนถูกเอาไปใช้งานได้ง่ายๆ และในตอนนี้เราก็ยังไม่มีการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัยกว่ารหัส OTP ทางแก้เพื่อลดความเสี่ยงจะต้องทำยังไง?

เพื่อนผมบางคนใช้ซิมสำรองที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน และไม่ได้ให้เบอร์นี้กับใคร พูดง่ายๆ ว่าเป็นเบอร์ที่ไม่มีใครรู้จักในการรับ OTP ใส่ในฟีเจอร์โฟนที่ลงแอพอะไรไม่ได้เลย และยังเป็นของค่ายเล็กๆ ที่การไปหาศูนย์บริการหรือขอซิมใหม่นั้นทำไม่ได้ง่ายๆ ก็ถือเป็นวิธีการที่ดีวิธีหนึ่งครับ

บัตรประชาชนมีข้อมูลอะไรบ้าง

เรื่องนี้น่าจะแตกออกมาเป็นคนละประเด็น แต่ผมเองก็มีความสงสัยอยู่เหมือนกันว่าบัตรประชาชนที่เราถืออยู่นั้น ในชิปมันมีข้อมูลอะไรบ้างและมันมีวันหมดอายุหรือไม่ เพราะเอาจริงๆ ตอนนี้แค่เอาบัตรไปเสียบตาม 7-11 ก็สามารถซื้อซิมใหม่ได้แล้ว พนักงานมีการเช็คข้อมูลหรือไม่ว่าเราเป็นเจ้าของบัตรจริงๆ หรือเปล่า กรณีบัตรหายหรือโดนขโมย แน่นอนว่าข้อมูลภายในชิปนั้นยังอยู่ และคาดว่ามันน่าจะเอาไปเสียบเพื่อดึงข้อมูลไปใช้ได้เหมือนเดิมหรือเปล่า ซึ่งตรงนี้ผมว่าอันตรายไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เช่นกัน

ตอนนี้เบอร์โทรศัพท์และซิมการ์ดนั้นไม่ควรถูกมองว่าเป็นแค่เบอร์มือถือแล้วครับ เพราะมันถูกนำไปพ่วงกับการทำธุรกรรมต่างๆ มากมาย รวมถึงใช้ในการยืนยันตัวตนของเราด้วย เพราะฉะนั้นผู้ให้บริการมือถือค่ายต่างๆ ควรจะมีความรัดกุมในการออกซิมการ์ดใหม่เบอร์เดิม หรือการขอเปลี่ยนซิมให้มากขึ้นกว่าเดิม

 

source : blognone