ถึงแม้ว่างาน Google I/O 2016 (ต่อไปขอเรียกแค่ I/O 2016) จะเริ่มในอีกไม่นานนี้แล้ว แต่จริงๆแล้วจะมีอีกหนึ่งงานที่คนไปงาน I/O นั้นรู้กันครับ นั่นก็คืองาน Intel’s Google I/O Day Zero Party ซึ่งเป็นงานของทาง Intel ที่จะจัดก่อนหนึ่งวัน ซึ่งปีที่แล้วก็มีแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นระหว่างรองาน I/O จะเริ่มก็ขอพาทัวร์ในงานนี้กันก่อนนะครับ

      งานนี้ก็เป็นงานโชว์เทคโนโลยีจากทาง Intel ครับ งานเริ่มตอนหนึ่งทุ่มของวันที่ 17 ซึ่งเป็นวันที่รับ Badge I/O โดยจะจำกัดผู้เข้างานเฉพาะคนที่ได้เข้างาน I/O เท่านั้น และต้องจองตั๋วผ่าน Evenbrite ที่มีจำนวนจำกัด สำหรับปีก่อนจะจัดใกล้ๆ Moscone Center (ที่จัดงาน I/O ในปี 2015) แต่สำหรับปีนี้เนื่องจากงาน I/O ย้ายไปอยู่ที่ Mountain View ก็เลยทำให้งาน Intel นี้ต้องย้าย จตามครับ แต่ก็อยู่ไกลจากงาน I/O พอสมควร คือที่ Devils Canyon Brewing Company ซึ่งอยู่แถว San Carlos ห่างกันประมาณ 19 กม. เลยแน่ะ

 

      เข้ามาถึงที่หน้างานปุ๊ปก็จะเจอกับรถบรรทุกคันใหญ่เบ้อเริ่มของ Intel ทันที ตอนเข้าซอยมาก็นึกว่าหลง แต่พอเห็นรถคันนี้ก็มั่นใจว่ามาถูกทางละ

 

      ทางเข้างานก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจบัตร I/O และพาร์สปอร์ต แล้วก็เดินเข้าไปลงทะเบียนอีกทีหนึ่ง (เข้มงวดจัง..)

       เมื่อเดินเข้ามาก็จะเจอเวทีที่มีดีเจเล่นดนตรีอยู่ และฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นเคาเตอร์เครื่องดื่มครับ ซึ่งหน้าจอของดีเจมันเจ๋งก็ตรงที่เค้าใช้โปรเจคเตอร์ยิงจากด้านหลัง เลยทำให้เห็นทั้งสองฝั่งเลย

 

 

      เอาสาระก่อนละกัน เดี๋ยวจะหาว่าผมมาเพราะความบันเทิงมากกว่าสาระ แต่ขอบอกก่อนเลยนะครับว่าแต่ละบูธที่โชว์ในงานนี้ค่อนข้างมืด มีไฟประดับตกแต่งแต่ไม่สว่างมาก เลยทำให้ภาพถ่ายในแต่ละบูธนั้นมีแต่แสงจากหน้าจอพวกคอม มือถือ และแทบเลตเป็นหลัก

      เริ่มจากบูธ ART ที่อยู่บน Android 5.0 ขึ้นไป ซึ่งเค้าโฆษณาว่าเครื่องที่ใช้ CPU ของ Intel น่ะ เมื่อรันกราฟฟิคเทียบกับตัวธรรมดาๆ จะเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ!! โดยมีเกมตัวอย่างเพื่อทดสอบ Framerate ให้ดูกัน ณ ตรงนั้นเลยครับ และมีตัวอย่างการสั่งติดตั้งแอพจำนวน 15 ตัว เพื่อเทียบให้เห็นว่าเร็วกว่าเช่นกัน 

 

      ถัดมาเป็นบูธที่โชว์ความสามารถในการทำงานของ Intel ในแอพที่ต้องจัดการเกี่ยวกับภาพ ซึ่งยกตัวอย่างด้วยแอพ Handy Photo ที่สามารถทำงานเกี่ยวกับภาพได้มากมายบนอุปกรณ์ที่ใช้ Intel ไม่ว่าจะการจัดการกับ Tone และ Color Correction รองรับการแสดงภาพความละเอียดสูง (ได้ถึง 36MP เลยล่ะ) รองรับไฟล์ GPU และสามารถดึงประสิทธิภาพของ CPU และ GPU ได้อย่างเต็มที่

 

      แล้วก็มี TestDroid ที่เป็นบริการ Cloud Test เผื่อใครยังไม่รู้จักนะครับ โดยปกติแล้วเวลานักพัฒนาแอพจะทดสอบแอพมักจะมีปัญหาว่าเครื่องที่ใช้ทดสอบมีน้อยเกินไป และงบก็ไม่พอจะไประดมซื้อมาลองเทสด้วย ดังนั้นจะมีเว็ปให้บริการที่เรียกว่า Cloud Test นี่แหละ ที่จะให้นักพัฒนาสามารถโยนไฟล์แอพขึ้นไปแล้วเซิฟเวอร์จะเอาไปติดตั้งลงบนอุปกรณ์ต่างๆที่เค้ามีไว้ให้แล้วทำการทดสอบให้ 

      ซึ่งเจ้านี้ก็จะมีจุดเด่นตรงที่เปิดให้นักพัฒนาสามารถทำ Cloud Test เป็นของตัวเองได้โดยใช้เซิฟเวอร์ส่วนตัวต่อกับอุปกรณ์ที่มีอยู่ ซึ่งจะเหมาะกับบริษัทที่มีเครื่องเทสเยอะ แต่อยากจะทำระบบเทสอัตโนมัติผ่านเซิฟเวอร์ภายใน โดยในงานนี้ก็แสดงตัวอย่างการทำ Cloud Test โดยใช้ Mac Mini เป็นเซิฟเวอร์

 

      อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจก็คือเรื่อง IoT โดยใช้ Brillo และ Intel Edison (บอร์ดพัฒนาจากทาง Intel) ซึ่งทางทีม Intel เค้าได้พัฒนาไลบรารีขึ้นมาเพื่อให้สามารถเขียนโปรแกรม Android Studio แล้วทำเป็นไฟล์ APK ไปติดตั้งลงใน Intel Edison ได้ ซึ่งเดิมทีตัว Brillo นั้นไม่ได้รองรับ Java แต่จะเป็น C/C++ เพราะเรื่องของทรัพยากรที่มีจำกัด แต่เมื่อใช้ไลบรารีของทาง Intel ที่ชื่อว่า libupm ก็จะทำให้สามารถติดตั้ง APK แล้วทำงานบน Brillo ได้ ซึ่งไลบรารีก็มีให้ครอบคลุมพื้นฐานเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเซ็นเซอร์หรือโมดูลพื้นฐานอย่าง LCD หรือ LED ก็ยังรองรับการสื่อสารแบบ I2C UART หรือ SPI อีกด้วย (เป็นการสื่อสารมาตรฐานบนไมโครคอนโทรลเลอร์)

 

      และยังมีตัวอย่างของการทำ IoT โดยใช้ Brillo และ Weave บนบอร์ด Intel Edison โดยมีตัวอย่างเป็นการเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์และโมดูลต่างๆให้ดู

 

      และนอกจากนี้ยังมีการใช้ Bluetooth และ NFC บนแอนดรอยด์ผ่าน Chrome Browser หรือพูดง่ายๆก็คือเขียนหน้าเว็ปแล้วเปิดด้วย Chrome บนแอนดรอยด์ก็สามารถเรียกใช้งานพวก Bluetooth หรือ NFC เพื่อเชื่อมต่อกับบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ได้

 


      ส่วน Cordava ตอนนี้ก็รองรับการเขียนบน Intel Edison เรียกได้ว่าใช้ IDE ตัวเดียวก็เขียนได้ทั้ง Cross Platform ยันบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์แล้ว แต่ว่าต้องเขียนโค้ดต่างกันนะ ใช้โค้ดร่วมกันเลยไม่ได้

      รู้สึกว่าปีนี้ทาง Intel เริ่มมีตัวอย่างด้านฮาร์ดแวร์เยอะขึ้นแฮะ 

      ตัวอย่างการใช้งาน Chromebook ภายในห้องเรียนเพื่อการศึกษา (เพราะ Chromebook ส่วนใหญ่นั้นใช้ CPU Intel)

 

      มีการแสดงตัวอย่างการใช้งานแทบเล็ตที่ใช้ชิป Intel มาต่อกับอุปกรณ์ดนตรีให้ได้ลองทดสอบกันจริงๆเลย

 

      และที่น่าสนใจมากๆก็คือบูธที่ชื่อว่า Mutiple Device Wireless Display ซึ่งเป็นการทำ MiraCast หลายๆเครื่องพร้อมกันแล้วให้ไปเองออกบนหน้าจอตัวเดียวกัน ซึ่งหน้าจอปลายทางสามารถควบคุมแต่ละหน้าจอได้ด้วย รวมไปถึงการแชร์ไฟล์ระหว่างเครื่องก็ทำได้ โดยมีเบื้องหลังคือใช้แทบเลตตัวหนึ่งที่มีแอพเฉพาะคอยควบคุมแล้วต่อออกหน้าจอใหญ่ๆ

 

      แต่น่าเสียดายว่ามันเป็นแค่โปรเจค Showcase เท่านั้น ไม่ได้ Public หรือทำเป็น Production เค้าแค่ต้องการให้เห็นตัวอย่างการนำไปประยุกต์ใช้งาน

Play video  

 

      บูธที่จะพูดถึงเรื่องของการวิเคราะห์ท่าทางของผู้ใช้งานจากข้อมูลต่างๆ ซึ่งจุดน่าสนใจก็คงอยู่ตรงที่การเอากล้องติดบนโดรนแล้ววิเคราะ์ท่าทางผู้ใช้จากกล้องนี่แหละ แต่ไม่มีเดโมนะ เพราะพื้นที่ไม่กว้างพอขนาดนั้น

 

      บูธคีบตุ๊กตาแอนดรอยด์เวอร์ชัน Intel ซึ่งการควบคุมจะใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจจับมือ คือต้องยื่นมือไปแตะบริเวณเซ็นเซอร์เพื่อควบคุมคันโยกนั่นแหละ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้คีบง่ายๆนะ เพราะมีคนคีบได้ปุ๊ปก็เฮลั่นบูธเลย 

 

      บูธถ่ายภาพด้วยกล้อง Intel RealSense ที่จะจับเฉพาะตัวคนเท่านั้นแล้วตัดฉากหลังออกเพื่อเอาตัวเราไปแปะบนโปสการ์ด โดยจะมีเครื่องปริ้นเพื่อปริ้นภาพให้ ณ ตอนนั้นเลย แต่จากที่ลองแล้ว ไม่ค่อยแฮปปี้กับตัวกล้องมันซักเท่าไร เพราะมันตัดหัวผมแหว่งไปเลย..

       และในทุกๆปีของงานนี้ก็จะมีกิจกรรมให้สะสมคูปองกันครับ ซึ่งคูปองจะได้จากการเข้าบูธ ซึ่งจะได้แตกต่างกันไปตามแต่ละคน ถ้าคนไหนถามเยอะๆ และถามคำถามดีๆเค้าก็จะให้เยอะหน่อย ซึ่งเมื่อสะสมได้ก็จะเอาไปแลกของที่หน้าทางเข้าได้ครับ 

 

      และภายในงานยังมี Raffle Drawings ที่จะจับแจกของทุกๆครึ่งชั่วโมง โดยเริ่มตั้งแต่ 9:00 จนถึง 10:30 และอย่าถามนะว่าผมได้หรือป่าว เพราะอะไรแบบนี้ผมไม่เคยดวงดีซักนิด

 

      ที่ขาดไม่ได้ก็คงเป็นของกินนี่แหละครับ ซึ่งมีให้เพรียบพร้อมอยู่ข้างนอก หลากหลายสไตล์อาหาร (แต่ไม่มีอาหารไทย)

 

      และข้างนอกยังมีรถที่วางอุปกรณ์แอนดรอยด์ที่ใช้ชิป Intel ให้ได้ลองเล่นกันอีกด้วย

 

      กว่าจะจบงานก็เรียกได้ว่าดึกมาก มากจนต้องเรียก Uber กลับ แต่ก็ต้องพบกับการโดนคูณค่าโดยสารไปเนื่องจากทุกๆคนกลับพร้อมๆกัน ซึ่งเช็คตอนนั้นพบว่าโดน x5.4 เท่ากันเลยทีเดียว!!

      จริงๆมีบางบูธที่ไม่ได้เก็บข้อมูลมาฝากครับ เนื่องจากเวลาไม่พอ เพราะมัวแต่สะสมคูปองไปแลกของกัน แต่ก็น่าจะทำให้เห็นเทคโนโลยีต่างๆจากทาง Intel แล้วเนอะ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตอนนี้ทาง Intel เริ่มหันมาทางฮาร์ดแวร์เพิ่มมากขึ้นแล้ว หลังจากที่สร้าง Intel Edison มานมนาน 😀

      เอาล่ะ อีกไม่กี่ชั่วโมงงาน Google I/O 2016 ก็จะเริ่มแล้ว!! อย่าลืมรอติดตามข่าวสารกันได้ที่นี่นะครับ 😀