Skullcandy ได้นำหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ Push Active เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นทางเลือกสำหรับคนที่กำลังมองหาหูฟังใส่ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมลุย ๆ ตามชื่อ ‘Active’ ของมัน ทาง DroidSans เลยจะนำมารีวิวให้ชมกันว่า ใช้งานจริงเป็นอย่างไร แบตอึดแค่ไหน เสียงดีหรือเปล่า รวมถึงพวกฟังก์ชันและฟีเจอร์ต่าง ๆ สามารถทำอะไรได้บ้าง สมราคาไหมกับค่าตัว 4,990 บาท

อุปกรณ์ภายในกล่อง มาแบบรักษ์โลก

เริ่มที่ตัวแพ็กเกจกันก่อน สิ่งแรกที่ประทับใจเลยคือ Skullcandy เลือกใช้กระดาษแข็งเป็นวัสดุหลักของแพ็กเกจ เป็นไปตามเทรนด์รักษ์โลกในปัจจุบัน ลดการสร้างขยะโดยไม่จำเป็น โดยในกล่องจะมีพลาสติกน้อยมาก มีแค่ถุงใส่เคสชาร์จ กับแผ่นแปะขั้วชาร์จของหูฟังเล็ก ๆ กระจึ๋งเดียว

อุปกรณ์ที่อยู่ในกล่อง ให้มาตามมาตรฐานทั่วไป ประกอบด้วย

  • หูฟังและเคสชาร์จ
  • จุกหูฟังขนาด S และ L สำหรับเปลี่ยน (ส่วนขนาด M ติดตั้งอยู่ที่ตัวหูฟัง)
  • สายชาร์จ USB-A to USB-C
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

ที่ชอบอีกอย่างหนึ่งคือ การออกแบบสายชาร์จของ Skullcandy ในฝั่ง USB-A สามารถพลิกเสียบได้ทั้งสองด้าน เป็นอะไรที่เจ๋งดี ไม่ค่อยมีแบบนี้ให้เห็นกันบ่อยนัก

เคสชาร์จก้อนสบู่ กับแบตสุดอึด

ถัดมากับเคสชาร์จของ Push Active ที่ต้องว่ามีขนาดใหญ่สะดุดตาเลย แต่ที่เป็นแบบนี้ก็มีเหตุผลอยู่ เพราะตัวหูฟังมีก้านเกี่ยวหู ทาง Skullcandy เลยต้องออกแบบเคสให้ครอบคลุม ใส่ลงไปได้มิด และแบตที่ให้มาก็ถือว่าเยอะ จึงเป็นอะไรที่เข้าใจได้

ด้านหน้าของเคสมีไฟ LED บอกสถานะแบตเตอรี่ ในขณะที่ด้านหลังมีพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จ พร้อมยางปิดสำหรับกันน้ำและฝุ่น เผื่อเกิดอุบัติเหตุ

ทั้งนี้ ข้อสังเกตที่พบคือ เคสมันเปิดฝายากพอสมควร เนื่องจากรูปร่างเป็นแบบโค้งมนทั้งชิ้น เหมือนก้อนสบู่ก็ไม่ปาน แถมเท็กซ์เจอร์ยังเป็นผิวทรายลื่น ๆ อีก นิ้วเลยเกาะไม่ค่อยอยู่ เวลาเปิดเลยต้องใช้ความตั้งใจพอสมควร

หูฟังสวมใส่กระชับ ไม่ต้องกลัวหลุด

Push Active เป็นหูฟังแบบอินเอียร์ พร้อมก้านเกี่ยวหูตามสไตล์ของหูฟังสำหรับออกกำลังกาย เพื่อให้สวมใส่ได้แน่นหนาและกระชับ ไม่ทำตก หลุด ร่วง โดยไม่ได้ตั้งใจ หูฟังมีให้เลือก 3 สีแบบทูโทน ใช้คู่สีแบบเจ็บ ๆ จี๊ด ๆ ตามสไตล์ Skullcandy ได้แก่ ดำ-ส้ม เทา-ฟ้า และ น้ำเงินเข้ม-เขียว ดีไซน์ออกมาได้สวยเท่ทุกสี จนทำใจเลือกลำบากอยู่เหมือนกัน

คนที่เคยใช้งานหูฟังที่มีก้านเกี่ยวหูอยู่แล้ว คงจะสวมใส่ได้ไม่ยาก แต่ถ้าไม่เคยใช้งานมาก่อน อาจต้องปรับตัวเล็กน้อยในช่วงแรก เคล็ดลับคือ ใช้นิ้วจับในลักษณะคีบที่ตัวหูฟัง เอาก้านเกี่ยวกับใบหูก่อน จากนั้นจึงค่อยสวมหูฟังตามทีหลัง แล้วบิดไปด้านหลังให้ก้านเกี่ยวเข้ากับใบหูได้ลงล็อก วิธีนี้จะช่วยให้สวมใส่ได้ด้วยมือข้างเดียวได้ง่าย ๆ

จากที่ทดลองดูหลาย ๆ อย่าง ทั้งวิ่ง ทั้งกระโดด ทั้งโยกหัวไปมา หูฟังก็ยังอยู่ดี ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดแม้แต่น้อย แน่นหนา ไว้ใจได้ หายห่วง และตัวบอดี้มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ทำให้สวมใส่ได้นานโดยไม่ปวดหรือล้าหู นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติทนน้ำและฝุ่น IP55 อีกต่างหาก

เสียงฟังสนุก สไตล์ Skullcandy

หูฟังจากแบรนด์ Skullcandy จะได้ชื่อเรื่องการให้เสียงที่ฟังสนุก และใน Push Active เองก็ยังคงเป็นอย่างนั้นเช่นกัน ฟังได้เรื่อย ๆ เพลิน ๆ ไม่มีเบื่อ ตัวนี้จะทำได้ดีในเรื่องของเสียงกลางที่เคลียร์ ใส เอาไว้ฟังเพลงก็ดี หรือเอาไว้ดูหนังเสียงพูดก็ไม่เพี้ยน เบสพอมีให้ได้ยินบาง ๆ อาจไม่ได้มีแรงปะทะที่หนักหน่วงอะไรมาก แต่ส่วนตัวคิดว่ามันไม่บวมจนกลบย่านอื่น ถือว่าโอเคแล้ว

ปุ่มควบคุมตั้งค่าได้หลากหลาย ใช้เป็นชัตเตอร์กล้องยังได้

Push Active รองรับการควบคุมทั้งแบบกายภาพ และการควบคุมด้วยเสียง การควบคุมแบบกายภาพ ทำได้ผ่านปุ่มกดที่อยู่บนตัวหูฟังแต่ละข้าง ซึ่งจะรองรับอินพุตถึง 5 รูปแบบ คือ

  • กด 1 ครั้ง
  • กด 2 ครั้ง
  • กด 3 ครั้ง
  • กดค้าง 1 วินาที
  • กดค้าง 3 วินาที

ค่าเริ่มต้นจากโรงงานจะเป็นอินพุตแบบมาตรฐาน เช่น กด 1 ครั้งเพื่อเล่นหรือหยุดเพลง หรือกด 2 ครั้งเพื่อปรับระดับเสียง เป็นต้น หากไม่ถูกใจสามารถกำหนดอินพุตเองได้ภายหลังจากแอป Skullcandy บนสมาร์ทโฟน มีตัวเลือกที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น ตั้งค่าเป็นรีโมตชัตเตอร์ หรือตั้งค่าเป็นทางลัดสำหรับเปิดแอปต่าง ๆ กรณีที่ตั้งค่าเป็นอย่างหลัง กับแอป Spotify จะได้ความพิเศษเพิ่มเติมคือ มันจะเปิดแอปพร้อมเล่นเพลงในทันที ถ้าใช้แอปนี้เป็นแอปฟังเพลงหลักอยู่แล้วจะสะดวกสุด ๆ

รองรับการสั่งงาน Google Assistant และ Siri ด้วยเสียง

การควบคุมด้วยเสียง ให้พูดว่า “Hey Skullcandy…” แล้วทิ้งช่วงสักครู่หนึ่ง รอให้หูฟังส่งเสียงตอบรับกลับมาก่อน จึงค่อยพูดคำสั่งเสียงที่ต้องการ โดย Push Active จะรองรับคำสั่งตามรายการด้านล่าง ดังนี้

  • …Play (เล่นเพลง)
  • …Pause (หยุดเพลง)
  • …Volume Up (เพิ่มระดับเสียง)
  • …Volume Down (ลดระดับเสียง)
  • …Next (เพลงถัดไป)
  • …Previous (เพลงก่อนหน้า)
  • …Stay Aware On (เปิดโหมด Stay Aware)
  • …Stay Aware Off (ปิดโหมด Stay Aware)
  • …Spotify (เล่นเพลงจาก Spotify ทันที)
  • …Assistant (เรียกใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ)

สำหรับคำสั่ง “Hey Skullcandy Assistant ” จะเรียกผู้ช่วยอัจฉริยะขึ้นมาตามการตั้งค่าของอุปกรณ์ที่กำลังเชื่อมต่อ ยกตัวอย่าง Android ทั่ว ๆ ไปก็จะเป็น Google Assistant ในขณะที่ iOS ก็จะเป็น Siri ซึ่งการสั่งงานต่อจากนี้ก็จะมีความหลากหลาย รองรับคำสั่งเพิ่มเติมอีกมากมาย ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ช่วยอัจฉริยะนั้น ๆ

มีคำสั่งเสียง 2 รายการที่เป็นข้อยกเว้น ไม่ต้องพูด “Hey Skullcandy…” ก่อน คือ Accept สำหรับรับสายโทรเข้า และ Reject สำหรับปฏิเสธสายโทรเข้า

ไม่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ด้วยฟีเจอร์ Stay Aware

เนื่องจาก Push Active เป็นหูฟังแบบอินเอียร์ เสียงจากภายนอกจึงเล็ดลอดเข้ามาได้ยาก ซึ่งอาจไม่ปลอดภัยสำหรับการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายบางประเภท ทาง Skullcandy ก็คิดมาแล้ว จึงใส่ฟีเจอร์ Stay Aware เข้ามาด้วย เป็นโหมดสำหรับเปิดรับเสียงจากภายนอกเข้ามา ทำให้ผู้ใช้งานสามารถฟังเพลงไปด้วย ในขณะที่ยังได้ยินเสียงรอบข้างอยู่

Stay Aware เปิดใช้งานได้จากแอป Skullcandy หรือจะเปิดใช้งานจากคำสั่งเสียงโดยการพูด “Hey Skullcandy Stay Aware On” ก็ได้เช่นกัน ถ้าจะปิดก็พูด “Hey Skullcandy Stay Aware Off” แทน

ฟีเจอร์อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจของ Push Active คือ Tile สำหรับระบุพิกัดของหูฟัง เอาไว้ตามหาหูฟังกรณีเผลอวางลืมไว้ ทำหาย หรือโดนขโมย หากเข้าใกล้พอจนอยู่ในระยะเชื่อมต่อ ยังสามารถสั่งให้หูฟังส่งเสียงร้องออกมาได้ด้วย โดยฟีเจอร์นี้ DroidSans เคยรีวิวเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว (อ่านเพิ่มเติม)

สรุป Push Active น่าซื้อไหม แล้วเหมาะกับใคร

Push Active เป็นหูฟังที่ออกแบบมาสำหรับคนชอบทำกิจกรรมและออกกำลังกาย แน่นอน ก็ย่อมต้องเหมาะกับคนชอบทำกิจกรรมและออกกำลังกาย ด้วยค่าตัว 4,990 บาท ก็ดูจะได้ฟีเจอร์ครบครันหากเทียบกับหูฟังในกลุ่มเดียวกันที่ช่วงราคาใกล้เคียงกัน ข้อดีของมันมีหลายอย่าง ตามที่เห็นกันไปแล้วในรีวิว ที่สำคัญคือ แบตอึดมาก ชาร์จทีเดียวอยู่ได้เกือบ 2 อาทิตย์ แต่เหรียญมีสองด้านฉันใด ข้อจำกัดที่ควรทราบของหูฟังรุ่นนี้ก็มีบ้างเหมือนกันฉันนั้น

อย่างแรกเลยคือ เคสมีขนาดใหญ่พอสมควร ถ้าใส่ในกระเป๋ากางเกง ใส่รวมกับโทรศัพท์ ไม่เวิร์กแน่ ๆ เพราะมันจะแน่นมาก ถัดมาคือ Push Active ไม่รองรับการถอดรหัสเสียงคุณภาพสูง ถ้าฟังเพลงจากตรีมมิ่งเป็นหลัก จะไม่มีผลอะไร แต่ถ้าเอามาฟังเพลงแบบสุนทรีย์ คงไม่ตอบโจทย์นัก และอย่างสุดท้ายคือ มันไม่รองรับฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน

ถ้าพิจารณาแล้วว่า 3 ข้อจำกัดที่กล่าวไป ไม่ได้มีผลต่อการใช้งานอะไร Push Active ก็ถือเป็นตัวเลือกสำหรับคนรักการออกกำลังกายที่น่าสนใจมากตัวหนึ่งเลยทีเดียว

จุดเด่น

  • แบตมหาอึด กรณีใช้งานปกติ ชาร์จครั้งเดียวอาจอยู่ได้นานถึง 2 สัปดาห์
  • รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว
  • ทนน้ำตามมาตรฐาน IP55
  • มีก้านเกี่ยวหู มั่นใจได้ว่าหูฟังจะไม่หลุดง่าย ๆ
  • รองรับการควบคุมและคำสั่งเสียงหลากหลาย ใช้งานสะดวก
  • ปรับแต่ง ตั้งค่า และอัปเดตเฟิร์มแวร์หูฟังได้ง่าย ๆ จากแอป Skullcandy
  • หูฟังหาย ตามหาได้ผ่านฟีเจอร์ Tile
  • ราคาไม่สูงจนเกินไป หากเทียบกับหูฟังในกลุ่มเดียวกันของแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ

จุดสังเกต

  • เคสชาร์จมีขนาดใหญ่พอสมควร
  • ไม่รองรับการถอดรหัสเสียงคุณภาพสูง
  • ไม่รองรับฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติม : Skullcandy