วันนี้ Droidsans ขอเอาหูฟังไร้สายเอาใจสายสปอร์ตอย่าง WF-SP800N จาก Sony ซึ่งเป็นหูฟังไร้สายประเภท True Wireless แบบ in-ear ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบตัดเสียงรบกวน ANC สุดล้ำ และมาตรฐานกันน้ำระดับ IP55 ไปจนถึงคุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยมไม่เสียชื่อ Sony ส่วนการใช้งานจริง จะเป็นยังไง ตัดเสียงได้มากน้อยแค่ไหน และเสียงจะดีจริงหรือเปล่า…มาดูกันครับ

สเปค Sony WF-SP800M

ขนาดไดรเวอร์6 มม.
ย่านความถี่4 Hz-40,000 Hz
ฟอร์แมตเสียงที่ซัพพอร์ตSBC
AAC
Active Noise Cancelation (ระบบตัดเสียงรบกวน)
✔️
Ambient Sound Mode (ระบบเร่งเสียงภายนอก)
✔️
Quick Attention✔️
แบตเตอรี่ฟังต่อเนื่อง 9 ชั่วโมง
ชาร์จต่อจากกล่องอีก 9 ชั่วโมง
ระบบชาร์จไฟUSB-C
ชาร์จ 2.5 ชม. เต็ม
Bluetooth5.0

ดีไซน์

สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกเลยก็คือตัวเคสที่ออกแบบมาได้อย่างหรูหรามีสไตล์มาก ๆ โดยสีที่ทางทีมงาน Droidsans ได้มาเป็นสีขาวดูเรียบหรู ตัวเคสก็จะออกแบบมาเน้นดีไซน์ที่โค้งมนพร้อมวัสดุเป็นพลาสติกที่ให้สัมผัสเรียบ ๆ ด้าน ๆ ไม่สะท้อนแสงแถมไม่เก็บลายนิ้วมืออีกด้วย บนตัวกล่องก็จะมีไฟ LED เล็ก ๆ อยู่ 1 ตัวเอาไว้บอกสถานะในการชาร์จไฟว่าอยู่ในระดับไหนแล้ว

พอเปิดมาก็จะเจอกับตัวหูฟังที่นอนอยู่ทั้ง 2 ตัว สิ่งที่น่าสนใจคือแม่เหล็กที่ทำหน้าที่ยึดตัวหูฟังไว้กับกล่องนั้นดูดแรงมาก เวลาเอาหูฟังใส่ก็เข้าที่ดัง แกร๊ก รู้สึกแน่นปลอดภัยมาก ๆ อีกทั้งตัวหูฟังยังวางองศาเอียงขึ้นหน่อย ๆ ทำให้สามารถหยิบออกมาจากกล่องได้ง่าย ส่วนข้างใต้เป็นพอร์ต USB-C สำหรับเสียบชาร์จแบตเตอรี่

เจ้า WF-SP800N ตัวนี้ก็มาในรูปแบบของหูฟัง in-ear ที่มี Ear-fin ช่วยล็อคกับรูหู ใส่แล้วแนบชิดปลอดภัยไม่หลุดง่าย แถมสบายหูอีกด้วย ทำให้หูฟังตัวนี้เหมาะกับการออกกำลังกายทั่วไป เพราะไม่ว่าจะวิ่ง จะปั่นจักรยาน จะกระโดดเชือก ก็ไม่หลุดออกมาแน่นอน

ส่วนของบอดี้หูฟังจะมีความใหญ่ในระดับหนึ่ง (พอใส่แล้วก็จะเห็นตัวหูฟังยื่นออกมาบ้าง) เริ่มจากด้านนอกของตัวหูฟังจะเห็นว่ามีแถบควบคุมแบบสัมผัสที่เราสามารถตั้งค่าให้ทำงานควบคุมเพลงของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่น หรือ หยุดเพลง แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถควบคุมเสียงแบบใช้นิ้วลากขึ้นลงได้

ถัดมาด้านในเราก็จะได้เห็นกับแถบดำ ๆ บนตัวหูฟังซึ่งมันก็คือ Proximity Sensor สำหรับฟีเจอร์ Wear Detection ที่จะหยุดเพลงให้ทุกครั้งถอดหูฟังออก และเล่นเพลงต่อเมื่อใส่กลับ เพิ่มความสะดวก ไม่ต้องกดหยุด-กดเล่นเอง

ระบบตัดเสียง ANC (Active Noise Canceling)

จุดเด่นของ WF-SP800N ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน ANC ที่ทำงานได้ดีไม่เสียชื่อ Sony จริง ๆ เพราะระบบตัดเสียงที่ให้มา มีประสิทธิภาพที่เรียกว่าไม่น้อยหน้ารุ่นพี่อย่าง WH-1000XM4 เลยทีเดียว และด้วยความที่ตัวหูฟังเป็นรูปแบบ In-Ear ทำให้ตัดเสียงไปได้ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ยิ่งได้ระบบ ANC มาช่วยเสริมแล้วก็ยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่เลย เสียงจำพวก เสียงพัดลมเสียงแอร์หายไปเกือบ ๆ 70% เลยครับ ถือว่าทำได้ดีมาก

Ambient Sound

เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์สุดเจ๋งที่ติดมากับ WF-SP800N ซึ่งสามารถเปิดโหมด Ambient Sound เพื่อรับเสียงรอบข้างเข้ามาในหูฟัง ทำให้สามารถใส่เดินข้างถนนได้ปลอดภัยโดยที่ยังได้ยินเสียงรถรารอบข้าง หรือจะใช้ตอนอยู่บนรถไฟฟ้าเพื่อคอยเงี่ยหูฟังสถานีก็ได้ แต่มีข้อสังเกตอยู่ที่ หากฟังเพลงเสียงดัง ๆ แล้วเจ้าระบบ Ambient Sound จะทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะโดนเสียงเพลงกลบหมดนั่นเองครับ

Ambient Sound สามารถปรับระดับได้มากถึง 20 ระดับตามความต้องการในการใช้งาน แถมยังมีฟีเจอร์ Focus on Voice ที่จะทำให้ ANC เน้นเฉพาะเสียงพูดแล้วตัดเสียงรบกวนอื่น ๆ ออกไปได้อีกด้วย เหมาะมาก ๆ สำหรับใช้ตอนคุยกับคนอื่น แต่ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าเปิดแบบปกติไปเลยจะรู้สึกโล่งสบายหูมากกว่า

Quick Attention

สำหรับอีกฟีเจอร์ที่หลาย ๆ คนชอบกันในหูฟังรุ่นใหญ่ WH-1000XM4 อย่าง Quick Attention ก็มีมาให้ได้ใช้บนรุ่นนี้อีกด้วย โดยเราสามารถแตะค้างที่ตัวหูฟังข้างซ้ายเพื่อปิด ANC แล้วเพิ่มเสียงรอบตัวชั่วขณะเพื่อคุย หรีอฟังคนอื่นได้ เป็นฟีเจอร์แสนสะดวกที่ช่วยผมตอนซื้อของในเซเว่นได้โดยที่ไม่ต้องถอดหูฟัง 🤣 แต่ Quick Attention จะมีระดับความดังเท่ากับ Ambient Mode ขั้นที่ 20 เพราะฉะนั้นใครที่เปิด Ambient Mode อยู่แล้วก็จะเหมือนใช้งาน Quick Attention ตลอดเวลานั่นเอง

Wearing Detection

อีกหนึ่งฟีเจอร์สุดสะดวกอย่าง Wearing Detection ก็ถูกใส่มาให้กับ WF-SP800N ด้วย โดยตรงตัวหูฟังจะมี Proximity Sensor ทำให้หยุดเล่นเพลงอัตโนมัติได้ เมื่อถอดหูฟังออก และจะเล่นต่อเมื่อใส่กลับเข้าไปใหม่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรียกว่าไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่มีแล้วก็สะดวกขึ้นมากเลย

มาตรฐานกันน้ำ IP55

ด้วยความที่ WF-SP800N ถูกทำมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานสายแอคทีฟที่ชอบออกกำลังกายทำให้ตัวหูฟังมาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำ IP55 กันน้ำกันเหงื่อได้ไม่มีปัญหาเลย ไม่ว่าจะวิ่งออกกำลังกายกลางฝน หรือ โยคะเบา ๆ จนเหงื่อท่วมก็ไม่มีปัญหาเลยครับ

Sony 360 Reality

ฟีเจอร์ระบบเสียง 360 Reality ที่มากับหูฟังรุ่นนี้ จะทำให้เราสามารถฟังเพลงที่รองรับเทคโนโลยี 360 Audio ในแอปสตรีมเพลงต่าง ๆได้ โดยทีมงานได้ทำการทดสอบฟีเจอร์นี้กับแอป Tidal ระดับเสียง Hi-Fi ปรากฏว่าเสียงที่ได้นั้นรู้สึกมีมิติที่กว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แถมเสียงองค์ประกอบเครื่องดนตรีต่าง ๆ ก็หมุนไปมาให้ความรู้สึกเหมือนเล่นอยู่ในห้องสด ๆ ตรงนั้นเลยอีกด้วย ถือว่าเป็นฟีเจอร์ต้องได้สัมผัสกันเองถึงจะเข้าใจจริง ๆ

คุณภาพเสียง

เสียงย่านต่ำ (BASS)

น่าจะเป็นเสียงที่ WF-800N ทำออกมาได้ดีที่สุดแล้วกับย่านเบสที่หนักแน่นทรงพลัง และเต็มหน้าที่สุด เป็นเบสที่มีอิมแพคแน่นผลมาจากหูฟังในรูปแบบ In-ear แถมเก็บตัวไว อุ่นกระชับเป็นลูก ๆ สั่นไปรอบ ๆ ใบหูเลย แถมเบสยังไม่ปนทับกับย่านอื่น ๆ อีกด้วยถือว่าทำได้น่าตกใจเลยกับไดรเวอร์ขนาดแค่ 6 มม. สำหรับคนที่ชอบเสียงเบสแน่นจ๋า ๆ ต้องบอกเลยว่าถูกใจแน่นอน แต่ส่วนตัวผมว่าหนักไปหน่อยต้องไปลดเบสใน EQ ลงมาซัก 3 ระดับ กำลังพอเหมาะฟังสบายเลยครับ

เสียงกลาง (mid)

เสียงกลางของ WF-800N เป็นเสียงกลางที่ชัดหวานรายละเอียดเยี่ยมมาก ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องหรือเสียงดนตรีก็ทำออกมาได้ชัดเจนรายละเอียดครบ แถมเสียงกลางก็ไม่ได้จัดอยู่ข้างหน้ามากเดินไป แต่ให้ความรู้สึกที่เปิดกว้างมีมิติ เสริมกับเสียงเบสที่จูนมาต่ำพอสมควร ทำให้เวลาฟังด้วยกันจะรู้สึกว่าเสียงกลางกับเบสแยกกันอย่างชัดเจนให้ Dynamic ที่กว้างมาก เหมาะกับเพลง Pop ไปจนถึง Hip-Hop เลย ยกตัวอย่างเพลง Stronger ของ Clean Bandit ที่มีการผสมผสานเสียงกลางอย่างเสียงร้องกับเปียโน ไปกับเสียงกลองกระเดื่องแบบสังเคราะห์ เจ้าตัว WF-800N ก็ทำขับออกมาได้ดีเยี่ยมฟังสนุกมาก ๆ เลยครับ

เสียงสูง (Highs)

สำหรับเสียงสูงของ WF-800N น่าจะเป็นจุดที่มีปัญหามากที่สุดในย่านทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีนะ เพราะรายละเอียดเสียงสูงอย่างพวกเสียงฉาบ หรือเสียงกรุ๊งกริ๊งต่าง ๆ นั้นก็ยังทำออกมาได้ดีอยู่ แต่ด้วยความที่ตัวเบสนั้นจัดมาก อาจจะทำให้ความเด่นของเสียงย่าน treble มีรายละเอียดที่ลดลงบ้าง แต่ถ้าฟังเพลงที่เสียงเบสน้อย ๆ ก็พอได้ยินเสียงสูงที่รายละเอียดดี ไม่เสียดหู และมีมิติมากครับ

เวทีเสียง (Soundstage)

ในเรื่องของเวทีเสียงนั้นจะออกมาในฟีลลิ่งทีกว้างแบบกลาง ๆ ไม่ได้โปร่ง แต่สิ่งที่ WF-800N ทำได้ดีอย่างน่าตกใจเลยคือการแยกเสียงชิ้นดนตรีที่ยอดเยี่ยมมาก ในขณะที่ Acoustic Chamber โดยรวมรู้สึกแคบ แต่ชิ้นเครื่องดนตรีกลับแยกที่ตั้งอย่างชัดเจน หลับตาฟังแล้วพอจะเอามือชี้ได้เลยว่าเสียงมาจากไหน ทำให้การฟังเพลงที่มีเครื่องดนตรีเยอะได้อรรถรสเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากการทดสอบฟัง Can’t Hide Love จาก Earth, Wind and Fire แล้วบอกได้เลยว่าฟินมาก เสียงเครื่องดนตรีกับเสียงร้องแยกซ้ายขวาอย่างชัดเจนมี Dynamic ฟังสนุกมาก

สรุปคุณภาพเสียง

โดยรวมแล้ว WF-800N ถูกดีไซน์มาเพื่อตอบโจทย์คนฟังเพลงแนว Pop, Rock, หรือ Hip-Hop ที่เน้นการใส่ฟังสนุกไม่ว่าจะเป็นออกกำลังกาย หรือฟังระหว่างเดินทาง ด้วยการจูนเสียงที่เน้นไปที่ย่านเบส และย่านกลางเป็นหลักทำให้ เสียงโดยรวมที่ออกมานั้นมีความหวานอุ่น ตามสไตล์หูฟัง Sony ครับ ซึ่งตอนนี้สนนราคาอยู่ที่ 6,490 บาท สามารถหาซื้อได้ในเว็บไซต์ Sony ได้ครับผม