แคมเปญ Stop Killing Games กำลังกลายเป็นพลังใหม่ในวงการเกม เมื่อเสียงของผู้เล่นเริ่มดังพอที่จะส่งไปถึงระดับการเมืองในยุโรป ล่าสุด Nicolae Ștefănuță รองประธานรัฐสภายุโรปจากประเทศโรมาเนีย ได้ออกมาสนับสนุนแคมเปญนี้อย่างเปิดเผย โดยลงชื่อร่วมด้วยตัวเอง และกล่าวผ่าน Instagram ว่า “เกมที่ขายไปแล้ว ต้องเป็นของลูกค้า ไม่ใช่ของบริษัท” พร้อมให้คำมั่นว่าจะผลักดันประเด็นนี้ต่อในระดับนโยบาย
แคมเปญ Stop Killing Games เกิดขึ้นจากความไม่พอใจของผู้เล่นที่ซื้อเกมมาอย่างถูกต้อง แต่กลับไม่สามารถเข้าถึงตัวเกมได้ในภายหลัง เนื่องจากบริษัทผู้จัดจำหน่ายตัดสินใจปิดเซิร์ฟเวอร์ แม้ตัวเกมจะมีโหมดเล่นคนเดียวก็ตาม ตัวอย่างที่จุดกระแสให้ลุกลามคือกรณี The Crew ภาคแรกของ Ubisoft ซึ่งถูกยุติการให้บริการอย่างถาวร แม้จะยังมีผู้เล่นเป็นเจ้าของตัวเกมอยู่ แต่เมื่อเกมต้องเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ตลอดเวลา การปิดเซิร์ฟเวอร์จึงเท่ากับการริบเกมคืนจากลูกค้าโดยปริยาย

แคมเปญนี้เรียกร้องให้มีการออกกฎหมายบังคับให้บริษัทต้องจัดการกับเกมที่จำหน่ายไปแล้วอย่างรับผิดชอบ โดยเฉพาะในกรณีที่เกมสามารถเล่นคนเดียวได้ ก็ควรเปิดให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงโหมดออฟไลน์ได้ตลอดไป แม้วันหนึ่งบริษัทจะเลิกสนับสนุนก็ตาม
แม้ในตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมรายชื่อและตรวจสอบภายใต้กลไก European Citizens’ Initiative (ECI) แต่ยอดผู้ร่วมลงชื่อก็ทะลุ 1 ล้านคนแล้ว ซึ่งเป็นจำนวนขั้นต่ำที่ทำให้แคมเปญมีสิทธิเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาโดยคณะกรรมาธิการยุโรป และอาจนำเข้าสู่การอภิปรายในรัฐสภายุโรปได้ในอนาคต

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกฝ่ายจะเห็นด้วย โดย Video Games Europe ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ของบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ในยุโรป ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลว่า หากถูกบังคับให้ต้องดูแลเกมเก่าไม่ให้ปิดบริการถาวร อาจเพิ่มต้นทุนจนกระทบต่อการพัฒนาเกมใหม่ และการดำเนินธุรกิจในระยะยาว
แต่ในขณะเดียวกัน แคมเปญนี้กลับได้รับการสนับสนุนจากคนดังในวงการเกมอย่างกว้างขวาง เช่น Ross Scott ยูทูบเบอร์จากช่อง Accursed Farms ผู้จุดประกายแคมเปญนี้, PewDiePie ยูทูบเบอร์ระดับโลก, Notch อดีตผู้สร้าง Minecraft และ Jacksepticeye ที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา รวมถึง Elon Musk ที่ช่วยขยายเสียงผ่านการรีโพสต์บน X (Twitter)

แม้เส้นทางของแคมเปญจะยังอีกยาวไกล ต้องผ่านการตรวจสอบรายชื่อในแต่ละประเทศสมาชิก และรอลุ้นการผลักดันในรัฐสภายุโรป แต่การที่มีนักการเมืองระดับรองประธานสภาออกมาประกาศจุดยืนอย่างชัดเจน ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงกฎหมายในอนาคต
สิ่งที่ Stop Killing Games พยายามยืนยันคือสิทธิของผู้เล่นในการเข้าถึงเกมที่ตัวเองซื้อมาอย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับเซิร์ฟเวอร์ที่อาจถูกปิดลงเมื่อไรก็ได้ พวกเขาไม่ได้เรียกร้องให้บริษัทต้องเปิดออนไลน์ตลอดไป แต่ขอแค่ให้โหมดออฟไลน์ยังคงใช้งานได้ เพื่อให้ผู้เล่นสามารถกลับมาเล่นเกมของตัวเอง “เมื่อไรก็ได้” และ “ตลอดไป” แม้ในวันที่บริษัทจะไม่อยู่แล้วก็ตาม
ที่มา: PC GAMER X@nicustefanuta
Comment