Synology แบรนด์ NAS อันดับ 1 ของโลก ด้วยรายได้มากกว่า 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เตรียมเปิดตัวระบบปฏิบัติการตัวล่าสุด DSM 7.2 ช่วงต้นปี 2023 วันนี้มาพรีวิวความสามารถให้ได้ดูก่อนว่ามีฟีเจอร์อะไรน่าสนใจบ้าง และเตรียมขยายธุรกิจเพิ่มในไทย ทั้งในสายผลิตภัณฑ์ NAS และบุกตลาดโซลูชันไอทีที่ครอบคลุมสำหรับธุรกิจทุกขนาดตั้งแต่ SME ไปจนถึงระดับองค์กรขนาดใหญ่

Synology คือใคร? ทำอะไร?

Synology เป็นผู้ให้บริการด้านการจัดการและปกป้องข้อมูลระดับโลก โดยในปี 2564 ที่ผ่านมา มีรายได้มากกว่า 21.6 พันล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์อันดับ 1 กลุ่มผลิตภัณฑ์ NAS ของโลก ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในช่วงโควิดที่ผ่านมา หลายธุรกิจต้องมีการปรับตัวให้เข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น มีการลงทุนในด้านดิจิทัลกันเพิ่มขึ้นกว่า 60% และมีหลายบริษัทเลือกที่จะใช้บริการและผลิตภัณฑ์ของ Synology เพื่อเสริมแกร่งขีดจำกัดด้านการจัดการข้อมูล

NAS หรือ Network Attached Storage ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของทาง Synology เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบหนึ่ง ที่หลายคนเคยเข้าใจว่าเป็น HDD เชื่อมเน็ตได้ แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาไปไกลขึ้นกว่านั้นมาก จนเรียกว่าได้เป็น Server ส่วนตัว ที่สามารถใช้แทนบริการ Cloud ต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเสียเงินรายเดือน และได้พื้นที่จัดเก็บที่ขนาดใหญ่กว่า สามารถสำรองข้อมูล และแชร์ให้คนอื่นเข้าถึงได้แบบง่ายๆ เช่น

  • ไฟล์เอกสาร
  • ไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่
  • รูปภาพ
  • คลิปวิดีโอ

โดย NAS ของทาง Synology ยังมีแอปพลิเคชั่นอื่นๆที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น เช่น Chat, Calendar,  Synology Office สำหรับธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงผู้ใช้งานระดับองค์กร โดยโซลูชันเหล่านี้ไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่มเติม และเพิ่มจำนวนผู้ใช้ได้แบบไม่จำกัดอีกด้วย

DSM 7.2 เพิ่มความสามารถให้พร้อมกับทุกการใช้งาน

DSM หรือ DiskStation Manager เป็นระบบปฏิบัติการบนพื้นฐานเว็บของทาง Synology ที่มีให้บริการมาจนถึงเวอร์ชั่น 7.1 และเตรียมอัปเดตเป็นเวอร์ชั่น 7.2 ในช่วงต้นปี 2023 นี้ มีการพัฒนาปรับปรุงในด้านต่าง ๆ ดังนี้

เข้ารหัสไดร์ฟปลอดภัยกว่า ตอบโจทย์กฎการปกป้องข้อมูลแบบ3-2-1 ลดความเสี่ยงจากการโจมตีโดยแรนซัมแวร์

เข้ารหัสแบบ full-volume และเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้มากถึง 48% ด้วยการเข้ารหัส shared folder นอกจากนี้ DSM 7.2 ยังนำเสนอระบบ “write once, read many” (WORM) เพื่อรักษาความถูกต้องของข้อมูล โดยเราสามารถตั้งค่าให้ shared folder ที่ต้องการ เข้ารหัสและป้องกันการแก้ไขหรือลบข้อมูลระหว่างช่วงเวลาที่กำหนดไว้ แม้แต่แอดมินเองก็ไม่สามารถแตะต้องได้ เช่นเดียวกับใน Hyper Backup ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่สร้างไว้แล้ว เจอแรนซัมแวร์*หรือมัลแวร์ที่ทะลุทะลวงเพียงใด ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลในโฟลเดอร์นี้ได้

*Ransomware เป็นมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ที่เคยระบาดหนักในปี 2021 ที่ผ่านมา หลายบริษัทรวมถึงองค์กรใหญ่ในไทยข้อมูลหายเพราะตัวมัลแวร์ไปเข้ารหัสข้อมูลของบริษัททั้งหมด เช่น ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการซื้อขาย จนระบบไม่สามารถใช้งานได้ และมีเรียกค่าไถ่หลายร้อยล้านบาทเพื่อปลดล็อคข้อมูลเหล่านี้ โดยหลายบริษัทที่มีการ backup ข้อมูลเอาไว้ก็ไม่รอด เพราะตัว ransomware มีการเข้าไปเปลี่ยนข้อมูลในนั้นด้วย ซึ่งฟีเจอร์ใหม่ของ Synology เน้นเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลเป็นหลักสำคัญ เนื่องจากทาง Synology เล็งเห็นว่าข้อมูลคือหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิตอล

แชร์และทำงานร่วมกันได้รวดเร็ว สร้างลายน้ำและข้อกำหนดได้

แชร์ไฟล์ได้สะดวกและฟีเจอร์ครบถ้วนที่สุดผ่าน Synology Drive แอปพื้นที่เก็บข้อมูลแบบคลาวด์ส่วนบุคคลของ Synology ภาพรวมความสามารถเหมือน Cloud Storage ในท้องตลาด สามารถโยนไฟล์ สร้างลิงก์ดาวน์โหลด จำกัดสิทธิ์ต่าง ๆ ได้ไม่ได้แตกต่างกัน แต่พิเศษกว่าที่ข้อมูลทั้งหมดเก็บอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของเราเอง และเวอร์ชั่นล่าสุดได้มีการอัปเดตความสามารถอีกหลายด้าน เช่น

  • แชร์ข้อมูลระหว่างทีมปลอดภัยยิ่งขึ้น พร้อมลายน้ำและข้อกำหนดการดาวน์โหลด
  • ลบข้อมูลจากระยะไกลช่วยลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
  • สามารถลบโฟลเดอร์ที่ซิงค์ออกจาก Client Windows และ macOS ที่ถูกขโมยได้ทันที
  • Automatic login ด้วย AD credentials หลังจากการปรับใช้งานจำนวนมากรวมถึงการจัดเตรียมการสำรองข้อมูลและการซิงค์ ทำให้การปรับใช้งานจำนวนมากง่ายยิ่งขึ้น
  • สามารถล็อกไฟล์ข้ามโปรโตคอลระหว่าง SMB file share และ Synology Drive หมดกังวลว่าไฟล์ที่ใช้งานอยู่จะไม่ถูกแก้ไขหรือเขียนทับ
  • รองรับ SMB multichannel transfer โดยใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อเครือข่ายทั้งหมดที่พร้อมใช้งานระหว่างเซิร์ฟเวอร์และไคลเอนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ SMB file transfer

สำหรับองค์กรไหน ธุรกิจขนาดใดที่มีการรับส่งข้อมูลกันตลอดเวลา ถ้า Cloud Storage ที่ใช้งานอยู่ยังรู้สึกไม่ตอบโจทย์ ไม่แน่ว่า Synology อาจจะเป็นทางเลือกนึงที่น่าสนใจนะครับ

พร้อมขยายได้ ตามการเติบโตของข้อมูลและบริษัท

บริษัทที่จัดการดี ก็มักจะมีการเติบโตที่ดีตาม ยิ่งบริษัทโตข้อมูลต่าง ๆ ก็เพิ่มเป็นเงาตามตัว ดังนั้น NAS ก็ควรจะต้องรองรับการขยายได้อย่างยืดหยุ่น และใน DSM 7.2 ก็มีระบบ scale-out ที่ออกแบบสำหรับการจัดเก็บไฟล์และออบเจกต์มาเพื่อรองรับการขยายนี้ ความเร็วของคลัสเตอร์ scale-out จะสูงกว่าโซลูชันที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันของ Synology อย่างมาก ด้วยการขยายประสิทธิภาพและความสามารถในการทำงานเมื่อมีการเพิ่มยูนิตมากขึ้น รองรับคลัสเตอร์ของเซิร์ฟเวอร์พื้นที่จัดเก็บประสิทธิภาพที่มากกว่า 12 PB ได้สูงสุด 60 เซิร์ฟเวอร์ โดยให้ประสิทธิภาพในการเขียนข้อมูลแบบ sequential มากกว่า 60 Gb/s รองรับการเชื่อมต่อพร้อมกัน (CAR) มากกว่า 80,000 ผู้ใช้ในเวลาเดียว เรียกว่าจะองค์กรสเกลไหน ก็ Synology Solution ก็พร้อมขยายตัวตามได้

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความปลอดภัย และเครื่องมือในการดูแลระบบที่ดียิ่งขึ้น

  • แพลตฟอร์มการจัดการใหม่สำหรับ Active Backup และ C2 Backup
  • บริการคลาวด์แบบไฮบริดที่สามารถตรวจจับการตรวจจับการรั่วไหลและการใช้ข้อมูลในทางที่ผิด
  • Active Insight เครื่องมือช่วยป้องกันกิจกรรมที่เป็นภัยต่างๆ หากผู้ใช้หรือระบบเกิดความเสี่ยง ก็จะสามารถส่งการแจ้งเตือนหรือดำเนินการต่างๆ เพื่อป้องกันได้ เช่น ยกเลิกการเชื่อมต่อที่สงสัยว่าจะติดไวรัสจากแรนซัมแวร์
  • รองรับการลงชื่อเข้าใช้ระบบโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน ด้วยแพลตฟอร์ม Synology C2 Identity สามารถใช้งานควบคู่ไปกับ Windows Hello และ Face ID/Touch ID ของ Apple
  • สามารถเปิดใช้งาน 2FA สำหรับบริการที่มีความสำคัญ เช่น ระบบ ERP หรือ CRM ของบริษัท

เปิดตัว DS923+ ศูนย์รวมข้อมูลสำหรับบ้านและสำนักงาน

นอกจากนี้ Synology ยังได้เปิดตัว NAS ตัวใหม่ Synology DiskStation DS923+ รุ่น 4-bay ซึ่งถึงเป็นซีรีย์ All-in-one ตัวล่าสุด เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานภายในบ้าน และสำนักงาน ซึ่งแน่นอนว่าจะมาพร้อมกับ DSM รุ่นล่าสุด และความสามารถด้านเน็ตเวิร์คที่ครบครัน ช่วยให้การใช้งานง่ายและยืดหยุ่น สำรองข้อมูลและซิงค์ไฟล์กับอุปกรณ์ Windows หรือ macOS จำนวนมากได้โดยไม่ยุ่งยาก

สเปคภาพรวมของ Synology DS923+

  • CPU: AMD Ryzen R1600
  • RAM: 4 GB DDR4 ECC
  • รองรับหน่วยความจำสูงสุด: 32 GB (16 GB x 2)
  • Drive Bays: 4 ช่อง
  • ประเภทหน่วยความจำที่รองรับ: 3.5″ SATA HDD, 2.5″ SATA SSD, M.2 2280 NVMe SSD
  • พอร์ต: 2x RJ-45, 2x USB 3.2 Gen1, 1x eSATA,
  • ขนาดและน้ำหนัก: 166 x 199 x 223 มม., 2.24 กก.
  • ความดัง: 22.9 dB
  • อัตราการใช้พลังงาน: 35.51 W (Access) / 11.52 W (HDD Hibernation)

กล้องไอพี Synology 500 พร้อมเทคโนโลยี AI

นอกจาก NAS แล้วทาง Synology ยังมีโซลูชั่นกล้องวงจรปิดด้วย ซึ่งมีการเปิดตัวกล้อง IP กับซีรีส์ Synology 500 ที่ไม่ใช่แค่บันทึกภาพ แต่ยังตรวจจับเหตุการณ์ต่างๆได้ด้วย สามารถตั้งค่ากล้องทั้งหมดที่จัดการโดยตรงจากแอป Surveillance Station ที่มีมาให้บน NAS ของทาง Synology เกือบทุกรุ่น พร้อมความสามารถ Edge AI เช่น การป้องกันโซนการตรวจจับการบุกรุก ลดการใช้งานทรัพยากรของเซิร์ฟเวอร์การบันทึก เพื่อสามารถปรับใช้งานเทคโนโลยี AI ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ขณะที่การประมวลผลเฉพาะงานช่วยเพิ่มความเร็วในการค้นหาบุคคลและยานพาหนะได้ทุกที่ในเฟรมวิดีโอ

สเปคของ BC500 และ TC500

  • เซนเซอร์ความละเอียด 5MP
  • สัดส่วนภาพ 16:0
  • บันทึกที่ความละเอียด 3K (2880×1620) ที่ 30 FPS
  • กล้องรองรับ PoE
  • ทนทานต่อสภาพอากาศ (IP67)
  • มาตรฐาน US NDAA/TAA
  • สามารถใช้งาน Surveillance Station ได้โดยไม่ต้องซื้อ License เพิ่ม

สนใจแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง

การเริ่มต้นซื้อ NAS เพื่อไปติดตั้งที่บ้านหรือที่สำนักงาน สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานใดมาก่อนเลย น่าจะฟังดูเป็นเรื่องที่วุ่นวายเกินความสามารถ การสมัครบริการ Cloud เพื่อใช้งานก็ดูจะตอบโจทย์กว่าสำหรับหลายคน แต่สำหรับใครที่มีพื้นฐาน มีข้อมูลรูปภาพและวิดีโอต่างๆมีจำนวนมาก จนสำรองใช้เองดูคุ้มกว่า ก็น่าซื้อมาลองใช้งานเองได้ เพราะทาง Synology มีคู่มือและข้อมูลออนไลน์เพื่อช่วยสนับสนุนมากในระดับนึง

แต่ถ้าคุณมีธุรกิจที่ต้องการขยาย มีข้อมูลปริมาณมากที่ต้องดูแล การมีเจ้าหน้าที่ IT มาช่วยดูแลบริหารเพิ่มเติมก็น่าจะสะดวกกว่า หรือจะใช้บริการ Outsource เพื่อช่วยสนับสนุนและติดตั้งในช่วงแรก ก็จะเป็นการช่วยร่นระยะเวลาในการเรียนรู้ไปได้มาก

ปัจจุบัน Synology ประเทศไทย จะมีดีลเลอร์อยู่หลายเจ้าเจ้าที่พร้อมให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่ขายไปจนถึงติดตั้งพร้อมใช้งาน ซึ่งสามารถเข้าไปดูข้อมูลได้จากหน้าเว็บไซต์ของ Synology ตามลิ้งก์ด้านล่างนี้ได้

https://www.synology.com/en-global/wheretobuy?name=Thailand&tab=System_Integrator 

โดยรุ่นยอดนิยมสำหรับเริ่มต้นใช้งาน 

  • ระดับภายในบ้าน: Plus series รุ่น 2 และ 4 เบย์ จัดเก็บและจัดการไฟล์โดยไม่ต้องเสียค่าบริการรายเดือนด้วย Synology Drive จัดเก็บ และBackup รูปภาพ ไฟล์มัลติมีเดียผ่านแอป Synology Photos
  • ธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง: Rack รุ่น Plus series ขนาด 1 และ 2 โดยรุ่น RACK xs+ จะเป็นตัวที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับตัวอย่างการนำไปใช้ในธุรกิจต่างๆ ซึ่งมีองค์กรตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่ เลือกใช้โซลูชั่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น

  • C.P. Group เลือกใช้ระบบ Surveillance เพื่อลดค่าใช้จ่าย จากที่ต้องจ่ายค่าไลเซนส์เป็นจำนวนมากต่อปี
  • Workpoint ใช้ NAS เป็นศูนย์กลางเก็บข้อมูล ของไฟล์รายการต่างๆในองค์กร

สามารถเข้าไปดู case study การใช้งานจากลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศเพิ่มเติมได้ที่ https://www.synology.com/th-th/company/case_study