OpenAI เปิดตัวโมเดล AI ตัวใหม่ในชื่อ Sora โดยโมเดลนี้สามารถเปลี่ยนข้อความ คำสั่ง Prompt ให้กลายเป็นวิดีโอเคลื่อนไหวได้ สามารถ Generate ได้ทั้งมุมกล้อง ซีนซับซ้อนที่มีคนหรือองค์ประกอบฉากเยอะ ๆ รวมถึงยังสามารถระบุสีหน้า อารมณ์ และท่าทางของตัวละครที่ Generate บนวิดีโอได้อีกด้วย
Audacity โปรแกรมตัดเสียงฟรีในตำนาน ได้จับมือกับ Intel ใช้เครื่องมืออย่าง OpenVINO เพื่อสร้าง Plug-In เพิ่มฟีเจอร์ AI ใหม่ให้กับตัวโปรแกรมแบบฟรี ๆ โดยฟีเจอร์ที่ใช้ AI เข้ามาช่วยมีทั้งฟีเจอร์ลดเสียงรบกวนในคลิปเสียง, แปลงเสียงพูดเป็นตัวหนังสือ, สร้างเอฟเฟกต์เสียงประกอบโดยกรอก Prompt สั้น ๆ และมีฟีเจอร์อื่น ๆ อีกเพียบ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2023 ทางการจีนได้ออกกฎควบคุมจัดระเบียบ AI โดยก่อนที่จะเปิดให้ใช้งาน AI แบบ Public Release ได้ในจีน บริษัทต่าง ๆ จะต้องยื่นแบบประเมินด้านความปลอดภัย และรับต้องได้รับการตรวจสอบก่อน ไม่งั้นจะถูกจำกัดให้ทดสอบกับผู้ใช้งานกลุ่มเล็ก ๆ เพียงเท่านั้น และตอนนี้ก็มี Baidu ผ่านการอนุญาตเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเปิดให้ใช้งานแบบ Public Release แล้วด้วย
Google Bard ระบบแชตบอตตัวใหม่ที่หวังจะมาตี Chat GPT จากฝั่ง Microsoft Bing ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่กี่วันสร้างเรื่องเสียแล้ว เพราะเมื่อเช้านี้สื่อใหญ่อย่าง Reuters ได้รายงานว่าหุ้นของ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) ได้ร่วงลงเกือบ 9 เปอร์เซ็นต์เมื่อวันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สาเหตุเป็นเพราะ Bard ได้โชว์ขายหน้า ตอบคำถามด้วยข้อมูลผิด ๆ ในรูปโปรโมทเสียอย่างงั้น
หลังจาก OpenAI ได้สร้างกระแสฮือฮากันบนโลกอินเทอร์เน็ตในช่วงที่ผ่านมากับ ChatGPT แชตบอต AI อัจฉริยะผู้รอบรู้ที่ถามอะไรไปก็ตอบได้หมด แถมยังแต่งนิยาย แต่งกลอน ช่วยเขียนบทความต่าง ๆ แทนมนุษย์จนกลายเป็นประเด็นใหญ่ขึ้นมา และในคราวนี้ฝั่งจีนก็ไม่ขอน้อยหน้า เพราะ Baidu บริษัทเสิร์ชเอนจินในตำนาน เตรียมเดินหน้าปล่อยแชตบอตของตัวเองในเร็ว ๆ นี้แล้ว
ในที่สุดสิ่งที่คนคาดเดาไว้ว่า OpenAI จะทำออกมาก็มาแล้วจริง ๆ นั่นคือ ChatGPT เวอร์ชันตัวเต็ม ปลดล็อกการจำกัดพลัง ที่มีการอัปเกรดฟีเจอร์ความสามารถหลาย ๆ อย่างเพิ่มขึ้นมาให้ ใช้ชื่อเต็ม ๆ ว่า ChatGPT Professional
ในโลกที่ทุกอย่างหันมาขับเคลื่อนด้วย AI มีทั้ง ChatGPT มีทั้ง Midjourney ออกมาให้ใช้ จนถึงตอนนี้ก็คงใกล้จะเหมือนหนังไซไฟในวัยเด็กของเราเข้าไปทุกทีแล้ว ล่าสุด Microsoft ยังตอกย้ำเทรนด์นี้เพิ่มอีกขั้นด้วยการเปิดตัว VALL-E ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ AI ที่สามารถเลียนเสียงให้เหมือนมนุษย์คนไหนก็ได้ ผ่านการเทรนด์โดยใช้ไฟล์เสียงพูดความยาวสั้นสุด ๆ แค่ 3 วินาทีเท่านั้น
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford) และ Google DeepMind ได้ร่วมกันตีพิมพ์บทความวิชาการล่าสุด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ความก้าวหน้าของระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในบทความให้เหตุผลว่าปัจจุบันระบบ AI เริ่มมีพฤติกรรมที่ดูอันตรายขึ้น และอาจเข้าขั้นก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ เนื่องจากระบบของมันเริ่มรู้จักวิธีสร้างกลยุทธ์ในการโกงผลลัพธ์แล้ว ผ่านเทคโนโลยีที่เรียกว่า “GAN”
ยิ่งเทคโนโลยีของปัญญาประดิษฐ์ล้ำขึ้นฉลาดขึ้นมากเท่าไหร่ โลกเราก็ดูจะน่ากลัวขึ้นมากเท่านั้น หลังจากที่ปัจจุบันเริ่มมีข่าวการเอาปัญญาประดิษฐ์ไปใช้งานในรูปแบบผิด ๆ เพื่อสนองความต้องการของมิจฉาชีพและในแวดวงอาชญากรรม ล่าสุดเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในอังกฤษถูก AI ปลอมเสียงเป็น CEO ออกคำสั่งให้โอนเงินไปให้ รู้ตัวอีกทีเสียไปร่วม 7 ล้านบาท
บริษัทเก็บข้อมูลชื่อดัง Loup Ventures ได้ทำการทดสอบ Annual Digital Assistant IQ Test หรือเรียกง่ายๆ ว่าการทดสอบ IQ ของเหล่าผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Google Assistant, Siri และ Alexa ว่าใครจะมีประสิทธิภาพในการตอบคำถามได้ถูกต้องและแม่นยำมากที่สุด โดยผลทดสอบปรากฎว่า Google Assistant ยังคงครองแชมป์อยู่ เพราะได้คะแนนไปเกือบๆ 93% ทิ้ง Siri และ Alexa แบบไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว
