Apple เพิ่งชี้ชัดข้อสงสัยกรณีเปลี่ยนช่องพอร์ต Lightning ไปเป็น USB-C ในมือถือ iPhone โดยในระหว่างที่กำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ก็ระบุว่า iPhone จะได้ใช้ USB-C แน่นอน แต่ก็ได้พูดเปรยไว้บางช่วงว่า ตัวทีมที่ทำงานเกี่ยวกับด้านนี้ก็ไม่ได้รู้สึกพึงพอใจนักหรอกนะ พร้อมเลี่ยงที่จะตอบอย่างชัดเจนด้วยว่าจะเริ่มเปลี่ยนตอนไหน
สหภาพยุโรปได้ยื่นเรื่องกันมาซักพักใหญ่ ๆ เกี่ยวกับการให้มือถือรวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าพกพาต่าง ๆ หันมาใช้มาตรฐานพอร์ต USB-C เหมือนกัน เพื่อลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์และลดการสิ้นเปลืองของผู้บริโภคจากการต้องซื้อสายชาร์จหลายแบบในกรณีที่มีอุปกรณ์พกพาต่างค่ายกัน (แน่นอนว่าคือ Android กับ iPhone นั่นเอง) ซึ่งล่าสุดเรื่องนี้ก็มาถึงขั้นสุดท้ายเรียบร้อย โดยระบุออกมาว่าภายในปี 2024 มือถือและอุปกรณ์ไฟฟ้าพกพาต่าง ๆ ที่วางขายในโซนยุโรปจะต้องใช้พอร์ต USB-C ทั้งหมด
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรป หรือ European Commission ประกาศผ่าน Facebook และ Twitter ว่าได้มีการยื่นเสนอข้อกฎหมายให้สายชาร์จมือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในสหภาพยุโรปต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันและใช้งานร่วมกันได้ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่ามาตรฐานดังกล่าวก็คือพอร์ต USB Type-C ตามที่ได้มีการผลักดันกันมาอย่างยาวนานตลอดช่วง 2-3 ปีมานี้
สหภาพยุโรป (European Union: EU) ประกาศให้การรับรองใบรับรอง COVID-19 จากอีก 5 ชาติเพิ่มเติม ได้แก่ มอนเตเนโกร ไต้หวัน ไทย ตูนิเซีย และอุรุกวัย โดยสามารถนำใบรับรองไปใช้งานได้เทียบเท่ากับ EU Digital COVID Certificate และในขณะเดียวกัน ใบรับรองจากสหภาพยุโรปก็จะสามารถใช้ในชาติเหล่านี้ได้ด้วย ซึ่งตอนนี้มีจำนวนรวม 60 ชาติแล้ว ประกาศนี้มีผลบังคับใช้ทันทีตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนก่อน European Union (EU) หรือสหภาพยุโรป ได้ออกมายื่นร่างข้อเสนอให้ USB-C เป็นพอร์ตชาร์จสากล ซึ่งในส่วนนี้เหมือน Apple ยักษ์ใหญ่ของวงการจะไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าจะทำให้ไม่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้น ล่าสุด EU ได้ออกมาตอกกลับ Apple แล้วว่า หากมีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่า USB-C พวกเขาก็พร้อมดันสนับสนุนให้เป็นพอร์ตกลาง บังคับทุกแบรนด์มาใช้ร่วมกัน
ในปัจจุบันสมาร์ทโฟนที่ได้รับการอัปเดตเฟิร์มแวร์ยาวที่สุดก็คือ iPhone 6s ที่มีอายุปาเข้าไปถึง 6 ปี แล้วแต่จะยังได้รับการอัปเดต iOS 15 ที่พึ่งเปิดตัวไป ส่วนมือถือ Android ก็เริ่มมีหลายค่ายที่ขยายระยะเวลาในการอัปเดตเฟิร์มแวร์ข้ามเวอร์ชั่นให้รองรับยาวขึ้น แต่ก็ยังอยู่ที่ 3 ปี และแพทช์ความปลอดภัย 4 ปี เท่านั้น ซึ่งรัฐบาลประเทศเยอรมนีดูจะไม่พอใจกับนโยบายการอัปเดตซอฟต์แวร์ดังกล่าว โดยเตรียมจะผลักดันกฎหมายให้บริษัทมือถือทั้งหมดต้องมีการอัปเดตซอฟต์แวร์รองรับเป็นจำนวน 7 ปี รวมถึงต้องมีอะไหล่พร้อมซ่อมในช่วงนั้นด้วย
The European Commission หรือสหภาพยุโรป เตรียมยื่นร่างกฎหมายในชื่อ Digital Service Act ให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนทุกเจ้า อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถลบแอปที่ติดมากับเครื่องได้ตามอิสระ โดยที่ไม่ต้องนำเครื่องไปโม หรือรูท (Root) ให้ประกันขาด
ดูท่าทางว่า Huawei จะยังคงโดนมรสุมถาโถมเข้ามาอยู่เรื่อยๆ หลังจากที่โดนสหรัฐอเมริกาแบนจนไม่สามารถทำการค้าต่างๆ ด้วยได้ และยังโดนรัฐบาลอังกฤษสั่งแบนอุปกรณ์โทรคมนาคม 5G ตามไปอีกหนึ่งราย ซึ่งยังไม่หมดแค่นั้นเพราะล่าสุดทางสหภาพยุโรป (EU) ก็มีทีท่าว่าจะแบน Huawei ด้วยเช่นกัน ทำให้รัฐบาลจีนไม่สามารถนิ่งเฉย เตรียมออกมาตรตอบโต้บ้าง หาก EU จะแบน Huawei ตามสหรัฐ
คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) แถลงเริ่มต้นกระบวนการสอบสวน Apple อย่างเป็นทางการแล้ว กับข้อหา “ผูกขาดทางการค้า” ที่บรรดาธุรกิจที่เป็นทั้งคู่ค้าและคู่แข่งของ Apple ทั่วโลกนั้น ได้ร้องเรียนกันเป็นระยะ ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดมี Spotify และ Rakuten ร่วมแจมยื่นเรื่องฟ้องร้องว่า Apple นั้น ละเมิดนโยบายการแข่งขันทางการค้าของสหภาพยุโรปโดยอาศัยความเป็นเจ้าของระบบปิดเพื่อผูกขาดการให้บริการต่าง ๆ นั่นเอง
หากใครยังจำได้ มือถือทั่วๆ ไป รวมถึง Android รุ่นแรกๆ สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เอง ไม่ต้องพึ่งพาบริการจากศูนย์หรือช่างเลย แค่ถอดฝาหลังและเปลี่ยนแบตใหม่ จากแบต 0% ก็กลายเป็นเต็ม 100% ง่ายๆ แค่สลับแบต แต่สมัยนี้สมาร์ทโฟนเกือบทุกรุ่น ผู้ใช้กลับไม่สามารถถอดแบตเปลี่ยนเองได้แล้ว เพราะสมาร์ทโฟนทุกรุ่นนั้นถูกดีไซน์ให้ไม่สามารถแกะหรือถอดฝาหลังเองได้ แต่ล่า่สุดมีข่าวว่าสหภาพยุโรปหรือ EU กำลังเตรียมหาทางออกกฎบังคับให้สมาร์ทโฟนทุกรุ่น สามารถเปลี่ยนแบตได้ง่ายขึ้น เพื่อลดปริมาณขยะอิเล็คทรอนิคส์ลง
