CyberCPU Tech ช่องยูทูบสายเทคถูกลบวิดีโอสอนติดตั้ง Windows 11 สองคลิป หลังระบบของ YouTube มองว่าเป็น “เนื้อหาอันตราย” ทั้งที่เป็นเพียงคลิปสาธิตเชิงเทคนิค ภายหลัง YouTube คืนคลิปให้พร้อมชี้แจงว่าไม่ใช่ความผิดของระบบอัตโนมัติ แต่ไม่ได้อธิบายเหตุผลชัดเจนว่าทำไมถึงถูกลบตั้งแต่แรก เหตุการณ์นี้สะท้อนปัญหาความไม่โปร่งใสของการจัดการคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม และสร้างความกังวลให้ครีเอเตอร์สายไอทีที่อาจโดนระบบมองผิดได้ทุกเมื่อ
ไมโครซอฟท์ปรับโฉมระบบอัปเดต Windows ให้เข้าใจง่ายและดูเป็นมิตรมากขึ้น โดยเปลี่ยนชื่อการอัปเดตให้สั้น กระชับ และบอกสาระสำคัญเท่านั้น เช่น จากชื่อยาว ๆ อย่าง “Cumulative Update for Windows 11, version 25H2…” กลายเป็น “Security Update (KB5066835)” ที่ดูเรียบง่ายและเข้าใจได้ทันที การเปลี่ยนแปลงนี้ครอบคลุมทั้งอัปเดต Windows หลัก .NET Framework ไดรเวอร์ และส่วนประกอบ AI ช่วยให้ผู้ใช้ทั่วไปตรวจสอบอัปเดตได้สะดวกขึ้น พร้อมแก้ไขปัญหาบั๊กและข้อผิดพลาดให้ระบบเสถียรยิ่งกว่าเดิม
Windows 11 เตรียมเพิ่มระบบแจ้งเตือนให้สแกนหน่วยความจำอัตโนมัติหลังเครื่องเกิดจอฟ้า (BSOD) หรือค้าง เพื่อช่วยหาสาเหตุว่าปัญหามาจาก RAM หรือหน่วยความจำที่ทำงานผิดปกติหรือไม่ โดยเมื่อผู้ใช้รีสตาร์ทกลับเข้าสู่ระบบ Windows จะมีข้อความแนะนำให้รันเครื่องมือ Windows Memory Diagnostic ซึ่งจะตรวจสอบความผิดปกติของหน่วยความจำในระหว่างการบูตครั้งถัดไป ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ก่อนจะแสดงรายงานผลทันที ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหาต้นเหตุของปัญหาเครื่องค้างหรือรีสตาร์ทซ้ำได้รวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมภายนอก
Microsoft ปล่อยอัปเดต Windows 11 แพตช์ KB5067036 มาพร้อมเมนู Start โฉมใหม่ที่สวยขึ้น เรียบขึ้น และใช้งานง่ายกว่าเดิม สามารถเลื่อนดูรายชื่อแอปทั้งหมดได้ในหน้าเดียว ปิดส่วน Recommended ได้จริง และมีระบบปรับตามขนาดหน้าจออัตโนมัติ แต่หลังจากอัปเดต มีผู้ใช้รายงานว่าเมนู Start มีบั๊กไม่อัปเดตรายชื่อแอปหลังติดตั้งใหม่ ต้องรีสตาร์ตก่อนถึงเห็น รวมถึงบางครั้งคลิกแอปแล้วเมนูเลื่อนกลับไปด้านบนเอง ทำให้ผู้ใช้หลายคนเริ่มตั้งคำถามถึงความเสถียรของอัปเดตนี้
รายงานล่าสุดจาก Counterpoint Research ระบุว่าตลาดพีซีทั่วโลกในไตรมาส 3 ปี 2025 เติบโตขึ้น 8.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากการที่ Microsoft เตรียมหยุดสนับสนุน Windows 10 ในเดือนตุลาคมนี้ ส่งผลให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรจำนวนมากต้องเร่งเปลี่ยนเครื่องใหม่เพื่ออัปเกรดเป็น Windows 11 แม้คอมเก่าจะยังใช้งานได้ดี แต่ความกังวลเรื่องความปลอดภัยและการอัปเดตที่สิ้นสุด กลายเป็นแรงผลักให้ตลาดพีซีกลับมาคึกคักอีกครั้ง แม้จะเป็นการเติบโตที่เกิดจากความจำใจมากกว่าความต้องการจริง
เรียกได้ว่าเพิ่งอัปเดต Windows 11 25H2 ไปไม่ทันไร ข่าวลือของเวอร์ชันใหม่ก็โผล่มาอีกแล้ว โดยรายงานบอกว่า Microsoft เตรียมเปิดตัว Windows 11 26H1 ในช่วงต้นปีหน้า แต่จะยังไม่ปล่อยให้ทุกเครื่องได้อัปเดตพร้อมกัน เพราะรอบนี้จะเปิดให้เฉพาะอุปกรณ์ที่มาพร้อมชิป ARM ที่เป็น Qualcomm Snapdragon X2 เท่านั้น ซึ่งแนวทางนี้ก็คล้ายกับตอนออกเวอร์ชัน 24H2 ที่ให้ Copilot+ PC ได้ใช้ก่อนแล้วค่อยปล่อยให้ PC ชิป x86 ที่เป็น Intel AMD ทั่วไปได้ใช้ตาม
ตั้งแต่ Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 เป็นต้นไป Microsoft ได้เปิดใช้งานฟีเจอร์ Device Encryption เป็นค่าเริ่มต้นตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Home หรือ Pro ระบบจะเข้ารหัสไดรฟ์ให้อัตโนมัติเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าถึงข้อมูลเมื่อเครื่องถูกขโมยหรือถอด SSD ไปเสียบในเครื่องอื่น แต่ผู้ใช้หลายคนไม่รู้ว่าฟีเจอร์นี้เปิดอยู่ตั้งแต่ต้น หากไม่ได้เก็บ Recovery Key ไว้ ข้อมูลอาจถูกล็อกจนกู้ไม่ได้ บทความนี้จึงมีวิธีง่าย ๆ สำหรับตรวจสอบและปิด BitLocker หรือ Device Encryption เพื่อป้องกันปัญหาข้อมูลถูกล็อกในอนาคต
ไมโครซอฟท์ออกมาชี้แจงสาเหตุที่ Windows บางครั้งติดตั้งไดรเวอร์ที่ดูเหมือนเก่าหรือซ้ำกัน โดยยืนยันว่าไม่ใช่ความผิดพลาดของระบบ แต่เป็นการทำงานตามการออกแบบของ Windows ที่จะเลือกไดรเวอร์ที่เหมาะสมและเสถียรที่สุดตามข้อมูลจากผู้ผลิต ไม่ได้พิจารณาจากวันที่หรือหมายเลขเวอร์ชัน นอกจากนี้ อุปกรณ์บางชนิดยังต้องใช้ไดรเวอร์หลายตัวเพื่อแยกฟังก์ชันการทำงาน เช่น กราฟิก เสียง หรือพลังงาน จึงอาจเห็นไดรเวอร์ที่ชื่อคล้ายกันหลายตัว ซึ่งเป็นเรื่องปกติของระบบอัปเดตใน Windows
ผู้ใช้ Windows 11 รายหนึ่งต้องสูญเสียข้อมูลกว่า 3TB หลัง BitLocker เข้ารหัสไดรฟ์เองโดยไม่รู้ตัว เหตุเกิดจากฟีเจอร์ Device Encryption ที่ Microsoft เปิดใช้งานอัตโนมัติในอัปเดตเวอร์ชัน 24H2 ทำให้ไดรฟ์ถูกเข้ารหัสทันทีแม้ผู้ใช้ไม่ได้ตั้งใจ หากไม่มี Recovery Key ก็ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อีกต่อไป ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบสถานะ BitLocker บันทึกคีย์กู้คืน และสำรองข้อมูลไว้หลายชุด ป้องกันเหตุซ้ำรอยที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้ทั่วไปโดยไม่รู้ตัว
หลังอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคม 2025 (KB5066835) ผู้ใช้จำนวนมากเจอปัญหาเมาส์และคีย์บอร์ดแบบ USB ใช้งานไม่ได้ในหน้า Recovery รวมถึงบั๊ก Localhost (127.0.0.1) ที่ทำให้นักพัฒนาไม่สามารถรันเว็บหรือโปรแกรมบนเครื่องตัวเองได้ ล่าสุด Microsoft ปล่อยแพตช์ฉุกเฉิน KB5070773 และ KB5070762 แก้ปัญหาอุปกรณ์ USB ในโหมดกู้คืน พร้อมออก Known Issue Rollback สำหรับแก้บั๊ก Localhost ชั่วคราว ผู้ใช้สามารถติดตั้งผ่าน Windows Update หรือดาวน์โหลดไฟล์ Group Policy เพื่อให้ระบบกลับมาใช้งานได้ปกติ