ผลการทดสอบความเร็วเน็ตมือถือทั้ง 3G/4G ของผู้ให้บริการยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 ค่ายในบ้านเรา ออกมากันอีกรอบแล้ว ซึ่งผลคราวนี้ก็ยังใช้บริการจาก Ookla Speedtest และ nPerf กันอยู่เหมือนเดิม และผลการวัดคะแนนค่ายที่ทำความเร็วอันดับ 1 ของทั้ง 2 บริการก็แตกต่างกันอีกเช่นเคย โดยทาง AIS ยังคงอยู่ที่อันดับ 1 ของ Ookla ส่วน Truemove H ก็ยังคงเป็นอันดับ 1 ของ nPerf อีกเหมือนผลที่เคยประกาศกันมาก่อนหน้า

AIS ได้ผลการทดสอบอันดับ 1 จาก OOKLA Speedtest

มาเริ่มกันที่การประกาศผลจาก OOKLA Speedtest ซึ่งยังคงประกาศผลให้ เครือข่ายมือถือที่เร็วที่สุดในไทย ตกเป็นของ AIS เป็นปีที่ 4 ติดต่อกันแล้ว โดยทาง OOKLA ได้แจ้งว่าผลที่ออกมานี้ วัดจากผู้ใช้งานมือถือในประเทศไทยที่ร่วมกันทดสอบความเร็วมากกว่า 7 ล้านครั้ง ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา และผลที่ได้ก็คือ AIS ยังคงขึ้นแท่นอันดับ 1 เน็ตมือถือที่เร็วที่สุดในประเทศไทยนั่นเอง ถัดมาอันดับที่ 2 ก็คือ dtac และที่ 3 คือ TrueMove H

ผลการทดสอบความเร็วเน็ตมือถือช่วงครึ่งหลังของปี 2018

ผลการทดสอบความเร็วเน็ตมือถือช่วงครึ่งแรกของปี 2018

และในช่วงครึ่งหลังของปี 2018 เรายังได้เห็นการพัฒนาของเครือข่าย dtac อีกด้วย จากเมื่อครึ่งแรกของปี 2018 ความเร็วเฉลี่ยของ dtac อยู่ที่อันดับ 3 และมีความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 10 Mbps เท่านั้น แต่พอช่วงครึ่งปีหลังกลับแซง TrueMove H ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 2 ได้ โดยมีความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 16.69 Mbps

 

TrueMove H ได้ผลการทดสอบอันดับ 1 จาก nPerf

ส่วนอีกค่ายที่เร็วไม่แพ้กันอย่าง TrueMove H ก็ได้ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ถึง 3 ปีซ้อน จากบริการวัดความเร็วของ nPerf ซึ่งมีผู้ใช้งานมือถือในประเทศไทยใช้ทดสอบความเร็วมือถือกันไปกว่า 1.2 ล้านครั้ง ในช่วงเวลาทั้งปี 2018 โดยผลคะแนนการทดสอบของที่ออกมาก็มีดังนี้

  • Success ratio (อัตรารับส่งข้อมูลสำเร็จ) : dtac 88.50%
  • Download bitrate (ความเร็วดาวน์โหลดเฉลี่ย) : TrueMove H 18.35 Mb/s
  • Upload bitrate (ความเร็วอัพโหลดเฉลี่ย) : TrueMove H 9.87 Mb/s
  • Latency (ความเร็วในการตอบสนอง, ปิง) : AIS 46.69 ms
  • Streaming (ประสิทธิภาพในการดูหนังต่อเนื่อง) : TrueMove H 72.34%
  • Browsing(ประสิทธิภาพในการดูท่องเว็บ) : TrueMove H 49.96%
  • Streaming YouTube (ประสิทธิภาพในการดูวิดีโอจาก YouTube) :TrueMove H 72.34%
  • รวมคะแนน : TrueMove H = 50,155 คะแนน, dtac = 44,600 คะแนน, AIS 44,527 คะแนน

จากข้อมูลดังกล่าวจะเริ่มเห็นว่าคราวนี้ dtac เริ่มกระเตื้องขึ้นมาให้เห็นบ้างแล้วในหัวข้อ Success ratio (อัตรารับส่งข้อมูลสำเร็จ) ที่มีคะแนนสูงกว่าอีก 2 ค่าย นอกจากนี้คะแนนรวมยังเฉือนเอาชนะ AIS ขึ้นมาอยู่ที่ 2 ได้ในระดับหลักสิบคะแนนอีกด้วย ซึ่งถือว่ามีการพัฒนาในเรื่องความเร็วโดยรวมขึ้นมาพอตัวจากการทดสอบเมื่อช่วงครึ่งปี 2018 ที่ผ่านมา dtac รั้งอันดับ 3 ด้วยคะแนนที่ห่างจาก AIS ในระดับหลายพันคะแนนเลยทีเดียว ส่วนอันดับ 1 อย่าง TrueMove H ก็ยังคงทิ้งห่างทั้ง 2 ค่ายในระดับหลายพันคะแนนอยู่เหมือนเมื่อครั้งที่แล้วอีกเช่นเคย

ผลการทดสอบ nPerf ช่วงครึ่งปีแรก 2018

ข้อมูลของค่ายไหนแม่นยำกว่า OOKLA หรือ nPerf

ถ้าอ้างอิงตามหลักสถิติแล้ว OOKLA ก็ดูจะมีภาษีมากกว่า nPerf อยู่พอสมควรด้วย Sample Size ที่ใหญ่กว่าเกือบ 6 เท่า โดยการทดสอบของ OOKLA ได้มีการเปิดเผยตัวเลขของการทดสอบจากแต่ละเครือข่ายมาให้เห็นด้วย ดังนี้

จำนวนการทดสอบความเร็วผ่าน OOKLA แบ่งตามเครือข่ายที่ใช้ในการทดสอบ

  • AIS ทดสอบทั้งหมด 2,537,755 ครั้ง
  • dtac ทดสอบทั้งหมด 1,555,154 ครั้ง
  • TrueMove H ทดสอบทั้งหมด 2,730,293 ครั้ง
  • my ทดสอบทั้งหมด 244,551 ครั้ง

ซึ่งก็น่าสนใจว่าการทดสอบของ AIS – TrueMove H มีจำนวนที่สูงกว่า dtac เกือบเท่าตัว และเพียงแค่เครือข่ายเดียวก็มีจำนวนมากกว่าจำนวนการทดสอบของ nPerf ทั้งหมดแล้ว แต่ถามว่าผลการทดสอบจะออกมาแบบนี้ การจะบอกว่าเน็ตใครแรงไม่แรงก็ยังพูดได้ลำบาก เพราะผลการใช้งานจริงของเราเองต่างหากที่สำคัญที่สุด บางคนเห็นผลคะแนนแบบนี้ก็อาจจะค้านว่าตอนที่ใช้บริการของค่ายที่ได้อันดับ 1 เร็วสู้กับอันดับ 2 หรือ 3 ที่ใช้อยู่ไม่ได้เลย แต่สาเหตุจริงๆ แล้วมาจากในแต่ละพื้นที่ สัญญาณและความหนาแน่นของผู้ใช้งานแต่ละค่ายไม่เท่ากันนั่นเอง เพราะฉะนั้นจะใช้เครือข่ายไหนก็ให้ดูที่การใช้งานของเราเอง หรือคนที่อยู่ในพื้นที่ตลอดจะดีที่สุดนะ

dtac พัฒนามาไกล ดีขึ้นจนรั้งอันดับสอง ทั้งสองตาราง

ระหว่างที่สาวกของทั้งสองค่ายกำลังเถียงกันว่าเครือข่ายไหนดีกว่ากัน สิ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ dtac ที่เคยเป็นเครือข่ายรองบ่อน และถูกมองข้ามในหมู่ผู้ใช้งานมาตลอดช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา กลับมาทำความเร็วดาวน์โหลดได้สูงจนรั้งอันดับสองทั้งสองตารางไปเรียบร้อย ซึ่งถ้าใครที่ยังอยู่กับดีแทคไม่ย้ายไปไหน ก็น่าจะรู้สึกได้ถึงความเร็วและความครอบคลุมที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังการได้มาของคลื่น 2300 MHz และ 900MHz ในปีที่ผ่านมา แต่ส่วนที่ยังรอการพัฒนาก็คือการอัพโหลดที่ยังเป็นคอขวด เพราะคลื่น 2300 MHz ที่เป็นกำลังหลักของการสร้างสปีดในครั้งนี้ถูกปรับแต่งให้เน้นทำความเร็วดาวน์โหลดเท่านั้น ไม่เน้นอัพโหลดเอาซะเลย ถ้าใครที่ต้องอัพงานขึ้นคลาวด์หรือ YouTube Facebook และใช้ดีแทคอาจจะต้องรอนานกว่าอีกสองเครือข่ายพอสมควรครับ

 

ที่มา : OOKLA, nPerf