หลังจากเมื่อช่วงกลางเดือนที่แล้วมีข่าว IT น่าสนใจอย่างเรื่องโรงพยาบาลในจังหวัดสระบุรีโดนไวรัส Ransomware โจมตีเพื่อเรียกค่าไถ่ และล่าสุดในสหรัฐอเมริกา ก็โดนเข้าบ้างแล้ว โดยโรงพยาบาลหลายแห่งที่อยู่ในเครือ UHS (Universal Health Services) โดน Ransomware โจมตีจนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ได้ ทำให้เหล่าบุคลากรทางการแพทย์ต้องกลับมาย้อนยุคด้วยการใช้กระดาษ และปากกาในการเก็บข้อมูลคนไข้แทน

มีรายงานว่าระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลในเครือ UHS ทั่วสหรัฐอเมริกาทั้ง แคลิฟอร์เนีย, ฟลอริด้า, นอร์ทดาโกตา, แอริโซนา ฯลฯ เริ่มพบกับความผิดปกติกับระบบคอมพิวเตอร์ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา โดยโรงพยาบาลบางแห่งรายงานว่าถูกล็อคระบบคอมพิวเตอร์ และระบบโทรศัพท์จนไม่สามารถเข้าถึงได้ จนทำให้เหล่าบุคลากรทางการแพทย์ต้องบันทึกข้อมูลคนไข้ด้วยการใช้กระดาษกับปากกาตามที่เกริ่นไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นระบบการจ่ายยาในโรงพยาบาลล้วนทำงานผ่านคอมพิวเตอร์ทั้งสิ้นทำให้การทำงานเป็นไปได้อย่างยากลำบาก

ข้อความประชาสัมพันธ์จากทาง UHS

ถึงแม้ว่าทาง UHS จะไม่ได้ให้ข้อมูลตรง ๆ ว่าโรงพยาบาลถูกโจมตีด้วย Ransomware แต่ได้มีการโพสต์ข้อความประชาสัมพันธ์ว่า “ระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนี้ เนื่องจากความขัดข้องทางระบบความปลอดภัย IT” อย่างไรก็ตามได้มีการให้ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ประสงค์ออกนาม ออกมาบอกว่าสาเหตุจากระบบล่มครั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นการโจมตีจาก Ransomware 

ปกติแล้ว Ransomware คือประเภทของไวรัสที่จะเข้าไปแทรกแซงในคอมพิวเตอร์หรือ เซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ จากนั้นจะทำการล็อคข้อมูลไม่ให้เจ้าของเข้าถึงได้ แล้วค่อยเรียกค่าไถ่เป็นจำนวนเงินต่าง ๆ (ซึ่งเราก็เคยได้เห็นตัวอย่างจากทาง Garmin ไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา) แต่การโจมตีอุตสาหกรรมทางการแพทย์ในสเกลใหญ่ขนาดนี้เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นซักเท่าไหร่

อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าตัว Ransomware โดยตรงว่าเป็นชนิดไหน และโดนเรียกค่าไถ่เป็นจำนวนเท่าไหร่ รวมไปถึงทางแก้ไขว่าทาง UHS จะทำอย่างไรต่อไปครับ

 

Source: NBCNews Via TheVerge