เมื่อเดือนก่อนเราเคยมารายงานไปแล้วว่าส.ว.ของอเมริกาได้มีการส่งจดหมายหานายกรัฐมนตรีของแคนนาดาเพื่อให้ทบทวนเรื่องเรื่องการนำเทคโนโลยี 5G ของ Huawei มาใช้ในโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ของประเทศแคนาดา ล่าสุด Wall Street Journal ได้กล่าวว่าสหรัฐฯ ได้ขยายคำเตือนเกี่ยวกับ Huawei ไปยังประเทศพันธมิตรของตัวเองทั้งหมดแล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 สภานิติบัญญัติของสหรัฐฯนั้นได้มีการกล่าวว่าแบรนด์จีน 2 แบรนด์อันได้แก่ Huawei และ ZTE นั้นเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีการคาดเดากันว่าผลิตภัณฑ์จากทั้ง 2 แบรนด์นี้นั้นสอดแนมผู้บริโภคชาวอเมริกันและบริษัทที่ใช้แล้วส่งข้อมูลกลับไปให้ยังรัฐบาลจีน และเมื่อช่วงต้นปีรัฐบาลสหรัฐฯได้บอกให้ผู้ให้บริการอย่าง AT&T และ Verizon ให้ยกเลิกแผนที่จะนำ Huawei Mate 10 Pro เข้ามาขายในร้านของตัวเอง
โดย Wall Street Journal เล่าว่า สหรัฐฯได้มีการเตือนประเทศพันธมิตรที่ได้ใช้อุปกรณ์เครือข่ายของ Huawei อยู่แล้ว ทั้งประเทศเยอรมัน, อิตาลีและญี่ปุ่น ซึ่งจากรายงานฉบับนี้ สหรัฐฯมีความคิดที่จะเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินในด้านการพัฒนาระบบการสื่อสารโทรคมนาคมแก่ประเทศที่สัญญาว่าจะไม่ใช้อุปกรณ์ที่ผลิตโดยบริษัทจากประเทศจีน
ในทวีปอเมริกาเหนือ แบรนด์ที่เป็นผู้นำด้านอุปกรณ์เครือข่ายคือ Nokia ตามมาด้วย Ericsson ส่วน Huawei นั้นเป็นผู้นำในตลาดยุโรปและตลาดเอเชียแปซิฟิก ถ้าวัดทั่วโลก Huawei ถือว่าเป็นผู้นำมีส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดอุปกรณ์ Telecommunication อยู่ที่ 22% ตามมาด้วย Nokia ที่ 13%
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้ง Huawei และ ZTE ได้มีการปฏิเสธไปแล้วว่าผลิตภัณฑ์ของตัวเองไม่ได้มีสอดแนมและเก็บข้อมูลส่งกลับไปให้รัฐบาลจีน ล่าสุด Huawei ก็ได้มีการออกแถลงการณ์กล่าวว่า “แปลกใจกับพฤติกรรมของรัฐบาลสหรัฐฯ หากพฤติกรรมของรัฐบาลสหรัฐฯขยายเกินขอบเขตอำนาจของตน กิจกรรมดังกล่าวไม่ควรได้รับการสนับสนุน” ยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร เราคงต้องรอดูกันต่อไป
ที่มา: PhoneArena
Trade war
อเมริกาชั่วร้ายจริงๆกร่างไปทั่วน่าทิ้งมันให้โ
ดดเดี่ยวจริงๆ
ทรัมป์นี้มันเลวจิง 55
ก็เลิกเฉไฉ เรื่องที่ควรจะตอบคำถามว่า รูปและ log file ส่งปจีนทำไม
ตอบทีแรกมันฟังไม่ขึ้น ถามทีสองก็เฉไฉ บอกกีดกันการค้า เล่นบทนาเล่นบทนางเอกโดนทำร้าย
เอา log file ลูกค้าไปทำไม มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ ถามก็ตอถามก็ตอบแบบกระอักกระอ่วน ตอนนี้มาตีบทนางเอก
ปล. ชอบ HUAWEI bดีไซน์มือถือตัวกลาง พวก Honor อ่ะ สวยทุกตัวเลย แต่ UI นี่ขัดหูตาอย่างแรง
ผมไม่ถึงพี่หัวเว้ย ผมพูดไปเรื่อย
เบื่อ UI เหมือนกันครับ พอมาเจอพอมาเจอห้าม unl9ck bootloader อีกนี่บายเลย
นึกถึงแอปถ่ายรูปจีน ที่ส่งรูปเรา กลับไปที่จีน
iosก็ไอ้กันgoogleก็ไอ้กันfacebookก็ไอ้กันแอพต่างๆที่เราต้องใช้ข้อมูลส่วนตัวเราก็ไอ้กันทั้งนั้น ถามติ่งไอ้กันหน่อยเป็นไปได้หรอที่ข้อมูลคนทั้งโลกจะไม่อยู่ในมือรัฐไอ้กันเพียงแต่มันคงไม่บอกใครหรอกมั้ง มันไม่แฟร์นะ
+1
พิสูจน์สิว่าพี่กันเองไม่ได้เก็บข้อมูลใดๆจาก hardware หรือ software หรือมีการสอดส่องใดๆพลเมืองชาติอื่น บอกว่าคาดเดา (ถ้างั้นก็แค่ใส่ร้ายสิ) หรือมีข้อมูล ก็แสดงว่าตัวเองเจาะเค้าไปทั่ว แล้วตัวเองรู้เพราะฝันเอาหรือดักเก็บข้อมูลชนกันล่ะ … พอกำลังตัวเองไม่พอก็ชวนพวกมาช่วยรุม ทำเหมือนหน้าขนบางชนิด และในหลายๆเหตุการณ์
เชื่อเถอะว่าสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ล้วนถูกควบคุม (แค่พอกลุ่มตนจะเสียการควบคุมส่วนใหญ่ไปทำเป็นดิ้น …)
แล้วค่ายไหนบ้างที่ไม่สอดแนม แค่ว่าเราจะรู้หรือไม่รู้ทั้งนั้น ทุกวันนี้เจ้าพ่อเฟสบุ๊คยังเอาสติกเกอร์ปิดไมค์ปิดกล้องอยู่เลย
กลัวว่าบริษัทสัญชาติจีนจะใหญ่เกินไป ยิ่งกีดกันยิ่งใหญ่โตครับ การค้าเสรีมันคุมไม่ได้ครับ ใครทำของถูกออกมาขายได้ คนนั้นก็ได้เปรียบ
ความเห็นส่วนตัว งานนี้ผมว่าน่าจะมีมูล และเป็นไปได้อยู่นะ
มือถือ ถึงจะเป็นแบรนด์จีน แต่อยู่บนพื้นฐานระบบปฏิบัติการณ์แอนดรอยด์ของอเมริกา
พวกโปรแกรมเมอร์เทพๆของ google เขาย่อมตรวจสอบอะไรแปลกๆในระบบแต่ละอันได้อยู่
ประเด็นหลักคงไม่ใช่เรื่องความมั่นคงทางทหารอะไร แต่น่าจะเป็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
เพราะตลาด อีคอมเมิร์ซ มันพ่วงมากับการดักข้อมูลบุคคลด้วยเสมอ และเรื่องการแอบเก็บข้อมูลส่งกลับบริษัท
มันทำกันทุกค่าย แต่อเมริกาครองความเป็นจ้าวในด้านนี้อยู่
ถ้าจีนสามารถครอบครองข้อมูลบุคคลได้ถึงดินแดนอเมริกา มันย่อมไม่เป็นเรื่องดีแน่ๆ
ทุกวันนี้บ้านผมติดกล้องวงจรปิดรอบบ้าน วันดีคืนดีเปิดกล้องมากลายเป็นไปเจอบ้านใครไม่รู้ที่ประเทศจีน
พอเอากล้องไปซ่อมที่ร้าน(แถวๆบ้านหม้อ) ช่างคนจีน(พูดไทยได้) เขาเปิดกล้องมาตั้ง ip ใหม่ ผมเหลือบไปเห็นว่า
เขาสามารถเปิดกล้องของลูกค้าทุกตัวได้หมดเลย แม้จะตั้งรหัสผ่านก็ตาม
แต่บ้านผมไม่ใช่ฐานทัพ หรือทำงานลับอะไร และก็ไม่ได้ติดกล้องที่ด้านในบ้าน เลยไม่คิดมาก
น่ากลัวนะเรื่องดูกล้องวงจรปิดลูกค้าได้ เทคโนโลยีที่สะดวกขึ้นแลกกับความเป็นส่วนตัวที่น้อยลง
หาาาาา…ฟังดูน่ากลัวนะ อยู่ดีๆเปิดกล้องวงจนปิดมาเป็นบ้านใครไม่รู้ที่จีน???
มันน่าแอบคิดนะว่าจริงๆแล้วของจีนที่มันราคาถูกส่วนนึง มันเพื่อจูงให้คนใช้งานเยอะๆ และส่งข้อมูลกลับไป "รัฐบาล" จริงๆรึเปล่าน่ะ ที่ต้องย้ำว่ารัฐบาลเนี่ย เพราะสเกลการดำเนินกิจกรรมต่างๆมันต่างกันมากนะ ระหว่างเอกชนกับรัฐบาลอ่ะ
สู้ไม่ได้ก็ใช้วิธีสกปรก สไตท์อเมริกา
นี่แค่คาดการณ์ถึงกับต้องเรียกพันธมิตร..เล่นโสโครกแบบนี้..แถมยังชวนชาติอื่นให้เล่นสกปรก..ถ้าพันธมิตรใดเข้าร่วมโสโครกตามจะมีการหนุนเงินเพิ่มในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม.เพิ่มขึ้นอีก..แบบว่าชั่วคนเดียวไม่พอซื้อใจผู้อื่นให้ชั่วตามตน..นี่แหละคือ..รัฐบาล อเมริกา..
นี่ถ้าตายไป เฮี้ยนสุดๆน่ะเนี่ย..ผีมะกัน