หลายๆ คนที่ชอบฟังเพลงผ่านมือถือ ไม่ว่าจะฟังระหว่างเดินทางบนรถเมล์ รถไฟฟ้า เครื่องบิน หรือในช่วงนี้เทรนด์รักษาสุขภาพกำลังมาแรงก็ยังสามารถฟังเพลงในระหว่างออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความสนุกสนานได้อีก แต่การใช้หูฟังที่แถมมากับมือถือหรือหูฟังระดับหลักร้อย – หลักพันนิดๆ ก็จะติดปัญหาตรงที่มันเป็นหูฟังมีสาย…เวลาออกกำลัง หรือวิ่งบางทีแขนก็ไปเกี่ยวสายหลุดบ้าง ขาดในบ้าง หรือบางทีโดนเหงื่อพังก็มีเยอะแยะ วันนี้เราก็เลยมีหูฟังไร้สายราคาสุดประหยัดแต่อัดสเปคมาให้เต็มที่ อย่าง Treblab J1 มาให้เป็นตัวเลือกอีก 1 คู่

หลายๆ คนคงไม่เคยได้ยินหูฟังไร้สายแบรนด์ Treblab กันมาก่อนเลยแน่ๆ (รวมถึงผมด้วย) แต่จริงๆ แล้ว Treblab เป็นแบรนด์หูฟังไร้สายจากสหรัฐอเมริกาที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2015 จนปัจจุบันมีหูฟัง + ลำโพงไร้สายรุ่นต่างๆ ประมาณ 10 รุ่น และแต่ละรุ่นก็มีราคาที่ไม่ได้แพงมากมายเลย (แพงสุดที่ 69.97 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2,200 บาท) ซึ่งหูฟังแต่ละรุ่นของ Treblab ก็ได้รับเสียงชมจากเว็บไซท์ต่างๆ รวมไปถึงผู้ใช้งานจริงในด้านบวกทุกรุ่นเลยด้วย

และการที่ผมได้รู้จักกับแบรนด์ Treblab นี้ เป็นเพราะไปเห็นโฆษณาจากเว็บไซท์มือถือเว็บไซท์นึงเข้า ก็คิดว่า…ทำไมราคามันถูกจังวะ…แค่พันนิดๆ เอง ก็เลยลองหาข้อมูลดูว่ามันดีจริงรึเปล่า และตามที่บอกไปแล้วว่ารีวิวจากผู้ใช้งานจริง ให้คะแนนไปในทางบวกทั้งนั้น ก็เลยตัดสินใจลองสั่งรุ่น Treblab J1 มาดูซะเลย ซึ่งตอนนั้นสั่งในช่วงที่ทาง Treblab แจกโค้ดลดราคาอยู่ บวกค่าส่งมาไทยแล้วก็เหลือแค่ประมาณ 1,300 กว่าบาทเท่านั้นเอง รอซัก 2 อาทิตย์ ของก็มาส่งเรียบร้อย (ของราคาไม่ถึง 1,500 บาท รู้สึกจะไม่โดนภาษีนะ เพราะสั่งมา 2 ครั้งแล้ว)

ฟีเจอร์และสเปคต่างๆ ของ Treblab J1 ตามที่ระบุมา มีดังนี้

  • Bluetooth 4.1
  • ป้องกันน้ำ – เหงื่อ ระดับ IPX6 (โดนน้ำฉีดใส่ได้ โดนฝนได้ ล้างได้ แต่เอาลงน้ำไม่ได้)
  • Passive Noise Cancelling (ไม่ใช่ระบบตัดเสียงแบบในรุ่นสูงๆ แต่จุกหูฟังสามารถกันเสียงรอบข้างได้ดีมาก)
  • แบตเตอรี่ฟังเพลงต่อเนื่อง 9 ชม. ใช้เวลาชาร์จ 2 ชม.
  • ระยะใช้งานห่างจากมือถือได้ประมาณ 10 ม.
  • เชื่อมต่อได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน
  • มีไมค์ระดับ HD สำหรับคุยโทรศัพท์
  • รับประกัน 1 ปี

ของที่ให้มาในกล่อง

  • กระเป๋าเก็บหูฟัง
  • จุกหูฟังยาง 3 ขนาด
  • จุกหูฟังโฟม 3 ขนาด
  • Ear fins (สำหรับยัดรูหูไม่ให้ตัวหูฟังหลุดออก)
  • คลิปเก็บสายหูฟัง
  • สายชาร์จ
  • คู่มือ

 

ตัว Treblab J1 จะเป็นหูฟังไร้สายแบบคล้องคอ มีปุ่มสำหรับสั่งงาน (ปุ่ม Play และปุ่มเพิ่มเสียง-ลด เสียง) และมีไมค์สำหรับคุยโทรศัพท์อยู่ตรงปุ่ม ที่ตัวหูฟังซ้าย-ขวา เป็นแม่เหล็กดูดกันเองได้ เอาไว้สำหรับใช้คล้องคอจะได้ไม่หลุดหาย

วิธีการเริ่มใช้งานก็ง่ายๆ คล้ายกับการใช้งานหูฟังบลูทูธทั่วไป โดยกดที่ปุ่ม Play ค้างไว้จนมีไฟสีฟ้า-แดง กะพริบต่อเนื่อง จากนั้นก็เข้าไปกดจับคู่อุปกรณ์ TREBLAB J1 ก็เป็นอันเรียบร้อย ส่วนการจับคู่กับอุปกรณ์อีกชิ้น ก็ให้ปิดบลูทูธที่มือถือเครื่องแรกก่อน จากนั้นค่อยกด Play ค้างไว้ เพื่อจับคู่กับอีกอุปกรณ์นึง

จากการใช้งาน พบว่าหูฟัง Treblab J1 สามารถใส่เพื่อเล่นกีฬาได้ดีเลยแหละ เพราะจุกหูฟังใส่แล้วแน่นดี สะบัดหัวสะบัดหางยังไงก็ไม่หลุด ลองวิ่ง ลองซิทอัพ วิดพื้นแล้วก็ยังไม่หลุด (นี่ไม่ได้ใช้ Ear Fins ด้วยนะ)

แต่ถ้าใครกลัวหลุดก็ใส่ Ear Fins เผื่อไว้ด้วยก็ได้ โดยเจ้า Ear Fins นี้มันจะเข้าไปขัดกับกระดูกหูทำให้ตัวหูฟังไม่หลุดออกมานั่นเอง

มาตรฐานกันน้ำ IPX6 นั้น เชื่อว่ากันได้ผลจริงๆ น่ะแหละ เพราะลองใส่อาบน้ำ สระผมแล้ว ก็ยังเป็นปกติดีอยู่ (แต่ไม่ได้ให้เอาไปใช้ระหว่างว่ายน้ำนะ)

สำหรับแบตเตอรี่ที่ผมถือเป็นเรื่องสำคัญเรื่องนึงรองลงมาจากคุณภาพเสียง ถือว่าทำได้ดีเลย เพราะฟังต่อเนื่องได้ประมาณ 8 ชม. นิดๆ ก็จะมีเสียงเตือนว่าแบตใกล้หมดแล้ว (จากสเปคที่เคลมว่าได้ถึง 9 ชม.)

มาถึงเรื่องของคุณภาพเสียงกันบ้าง ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าไม่ใช่คนหูเทพขนาดที่จะแยกได้เป็นข้อๆ ว่าหูฟังตัวนี้ให้เสียงแบบไหน…แต่ก็พอรู้ว่าหูฟังตัวไหนเสียงดี ตัวไหนเสียงธรรมดา ตัวไหนเสียงห่วย และสำหรับ Treblab J1 ผมว่าเป็นหูฟังที่ให้เสียงดีเกินราคาพันนิดๆ จนแปลกใจเลยล่ะ เพราะให้เสียงที่ใส และเบสตึ้บฟังสนุกมาก (แต่ไม่ได้มากซะจนกวนเสียงอื่นหมดนะ) แนว Rock, Dubstep, Pop นี่ฟังเพราะสนุกๆ เลยทีเดียว และเตือนเอาไว้ก่อนว่า Treblab J1 เสียงดังมาก! ปกติก็เป็นคนชอบฟังเพลงเสียงดังอยู่แล้ว แต่สำหรับ Treblab J1 ปรับเอาไว้แค่ 60% ก็ดังสะใจแก้วหูสะเทือนแล้ว แถมถ้าลองปรับดังสุดเสียงก็ไม่แตกอีกด้วยนะ (แต่คาดว่าฟังได้ไม่ถึงนาทีแก้วหูคงจะทะลุแน่นอน)

แต่ถ้าใครลองแล้วเสียงแหลมบาดหู หรือเบสไม่มีเลย แนะนำให้ลองเปลี่ยนจุกหูฟังดู เพราะถ้าจุกมันเล็กไปเบสมันก็จะไม่ออกแล้วมันก็จะเหลือแต่เสียงแหลมบาดหูอย่างเดียว

ส่วนระบบ Passive Noise Cancelling จะไม่ได้ใช้ระบบตัดเสียงรบกวนแบบล้ำๆ เหมือนพวก Digital Noise Cancelling เหมือนหูฟังแพงๆ นะ แต่จะใช้จุกหูฟังที่มีความยืดหยุ่นสูงซึ่งสามารถอุดช่องว่างจนแทบจะไม่มีเสียงภายนอกเล็ดลอดเข้ามาเลย ถ้าจุกยางธรรมดายังมีเสียงเข้ามาอีก ก็ให้ลองเปลี่ยนไปใช้จุกแบบโฟมดู (แนะนำว่าอย่าใส่ขี่จักรยาน วิ่ง เดินข้ามถนน หรือทำกิจกรรมต่างๆ บนถนนเพราะมันแทบจะไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ที่วิ่งผ่านเลย…อันตรายนะจ๊ะ)

ไมโครโฟนสำหรับสำหรับใช้คุยโทรศัพท์ ยังได้คุณภาพแบบหูฟังทั่วไป คือไม่ได้ชัดเจนอะไรมากมาย แต่ก็ใช้คุยได้อยู่ แต่ถ้าคนเยอะๆ หรือรอบข้างมีเสียงรบกวนหน่อย อาจจะต้องหยิบเอาไมค์มาจ่อใกล้ๆ ปาก ก็เป็นเรื่องปกติของหูฟังแนวนี้อยู่แล้ว เพราะไม่ได้เน้นเอาไว้คุยโทรศัพท์แบบจริงๆ จังๆ

และสุดท้ายสำหรับการรับประกันและการช่วยเหลือลูกค้า (Customer Service) ของ Treblab นั้น ยอมรับว่าเอาใจใส่ลูกค้ามากจริงๆ เพราะเคยซื้อหูฟังรุ่นเก่าของ Treblab มารุ่นนึง และพบว่ามันมีปัญหาเบสไม่ออกข้างนึง ทางนั้นเค้าก็รับเรื่องและส่งหูฟังคู่ใหม่มาให้…ปรากฎว่าคู่ใหม่มาก็เสียอีก! ตอนนั้นยอมรับว่าเซ็งและหมดอารมณ์แล้ว พันนิดๆ ช่างหัวมัน…แต่ทาง Treblab ไม่ยอมให้ลูกค้าเสียอารมณ์เพราะติดต่อกลับมาและให้ Voucher เงินสดสำหรับซื้ออะไรก็ได้ของ Treblab จำนวน 50 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,570 บาท) ผมก็เลยเปลี่ยนมาเป็นรุ่น Treblab J1 ที่มีราคาสูงกว่า (แต่ราคาไม่เกิน Voucher) มาใช้จนรู้สึกประทับใจจนต้องเอามาบอกต่อนี่แหละ

 

สรุป

หูฟังไร้สาย Treblab J1 เป็นหูฟังที่มีคุณภาพคุ้มค่ากับราคาค่าตัวแค่ 1,3XX บาท จริงๆ ในความคิดของผม เพราะก่อนหน้านี้เคยใช้หูฟังประเภทเดียวกันนี้ อย่างรุ่น Samsung Level Active (ตอนซื้อมา 2,9xx บาท ราคาตอนนี้ 1,8xx – 2,xxx บาท) บอกได้เลยว่าฟีเจอร์ต่างๆ เหมือนกันหมด ในขณะที่ Treblab J1 แบตใช้ได้นานกว่าประมาณ 3 ชม. และมาตรฐานกันน้ำก็สูงกว่า (Level Active แค่กันน้ำสาดเฉยๆ) แถมเรื่องคุณภาพเสียงของ Treblab J1 ก็ดีกว่าแบบฟังออกชัด ใครที่สนใจก็ลองเข้าไปดูได้ในเว็บไซท์ของ Treblab กันได้ครับ