realme X7 Pro 5G สมาร์ทโฟนเรือธงสเปคแรงที่เพิ่งจะเปิดตัวในบ้านเราไปเมื่อไม่นานมานี้ มาพร้อมกับหน้าจอ sAMOLED ความละเอียด FHD+ รองรับอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, ใช้ชิประดับไฮเอนด์ Dimensity 1000+, แถมกล้องหลังยังจัดมาให้เน้นๆ 4 ตัว, ความละเอียดสูงสุด 64 MP และ RAM 8GB โดยสเปคที่จัดมาสมราคาค่าตัว 16,990 บาทเลยล่ะ ส่วนการใช้งานจะเป็นยังไงบ้างไปดูกันเลยครับ

สเปค realme X7 Pro 5G

  • หน้าจอ sAMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : MediaTek Dimensity 1000+
  • GPU : Mali-G77
  • RAM : (LPDDRX4) 8GB
  • ความจุ : (UFS 2.1) 128GB ไม่รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 4 ตัว
    • – กล้องหลัก 64MP (f/1.8)
    • – กล้อง Ultra-Wide 8MP (f/2.3) มุมกว้าง 119 องศา
    • – กล้อง Portrait 2MP (f/2.4)
    • – กล้อง Macro 2MP (f/2.4)
  • กล้องหน้า : 32MP (f/2.5)
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอคู่, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.0
  • เซ็นเซอร์ : Fingerprint (ใต้จอ), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • แบตเตอรี่ : 4500 mAh รองรับชาร์จไว 65W
  • ระบบ Android 10 ครอบด้วย realme UI 1.0
  • ขนาด / น้ำหนัก : 160.8 x 75.1 x 8.5 มม. / 184 กรัม

อุปกรณ์ภายในกล่อง

ถือว่า realme ให้อุปกรณ์พื้นฐานมาในกล้องอย่างครบครันเลยทีเดียว เมื่อเปิดกล่อง realme X7 Pro 5G ออกมาก็จะพบกับกล่องขนาดเล็กสำหรับใส่เคสกับคู่มือการใช้งาน, คู่มือข้อมูลสำคัญ (พร้อมใบประกัน) ถัดมาก็จะเป็นตัวเครื่อง ซึ่งหน้าจอได้มีการติดฟิล์มป้องกันหน้าจอมาให้แล้วครับ (ป้องกันได้ในระดับนึง) ส่วนที่เหลือจะเป็นปลั๊กชาร์จรองรับ 10V/6.5A, สายชาร์จ USB Type-C, เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด และที่ขาดหายไปก็คือหูฟัง ซึ่งก็ต้องไปหาซื้อกันมาเองทั้งแบบ USB-C และ 3.5 มม. ครับ เพราะรุ่นนี้ได้ทำการตัดรู 3.5 มม. ทิ้งไปแล้วครับ แต่ก็ยังดีที่มีการแถมตัวแปลง USB-C > แจ๊ค 3.5 มม. สำหรับการเชื่อมต่อกับหูฟังมาให้แทนครับ

สัมผัสแรกและดีไซน์ตัวเครื่อง

หลังจากที่ได้ลองจับ realme X7 Pro 5G ถือว่าว้าวมาก ประทับใจ ซึ่งตัวเครื่องที่ผมได้มาลองใช้งานเป็นสี Iridescent เวลาสะท้อนแสงจะเป็นสีรุ้งเหมือนกับว่าถือเพชร หรือ คริสตัล แถมตัวเครื่องยังมีขนาดพอเหมาะ เวลาจับถือก็พอดีกับมือ น้ำหนักเบาเพียง 184 กรัม เวลาจะใช้งานปุ่มต่างๆก็ไม้ต้องเลื่อนนิ้วไปไกลก็สามารถกดได้ แต่ตัวเครื่องจะให้ความรู้สึกลื่นหน่อยๆ เสี่ยงที่จะทำหล่นแล้วตกแตก แต่พอใส่เคสก็จะช่วยได้บ้าง

realme X7 Pro 5G มาพร้อมหน้าจอแบบแบนมีกล้องเซลฟี่ฝังอยู่ใต้จอบริเวณมุมด้านซ้าย ครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Corning Gorlla Glass 5 ช่วยป้องกันการเกิดรอย และจะมีลำโพงตัวที่ 1 อยู่บริเวณขอบตรงกลางด้านบน

ส่วนขอบบนสุดของตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนตัวที่ 1 สำหรับตัดเสียงรบกวนอยู่เกือบริมขวาสุด

ถัดมาที่ขอบด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีปุ่มสำหรับปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียงการใช้งาน

ส่วนขอบด้านขวาจะมีปุ่ม Power เพื่อทำการเปิดปิดตัวเครื่อง

และขอบด้านล่างสุดจะมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Dual Nano Slot, ไมโครโฟนตัวที่ 2, ช่อง USB-C และลำโพง

พลิกกลับมาที่ฝาหลังของตัวเครื่องจะเจอกับชุดกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว + ไฟแฟลช LED เรียงกันเหมือนวงเล็บก้ามปูวางอยู่บนโมดูลสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งจะมีความนูนออกมาระดับนึง (แต่ถ้าใส่เคสที่แถมมาให้ก็ไม่ต้องเป็นกังวลเวลาวาง เพราะเคสจะมีขอบนูนที่สูงขึ้นมาป้องกันบริเวณกล้อง)

ฝาหลังจะผสานเทคโนโลยีหลากหลายสไตล์ด้วย Double Grain, Double Pleated เพื่อให้ความโปร่งแสง และเคลือบชั้นด้วย Anti-Glare Glass กระจกตัดแสงสะท้อน นอกจากนี้ขอบตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้มีลูกเล่นด้วยขอบโค้งแบบ Diamond Cut ทำให้พื้นผิวมีความสวยเงางามโดยเฉพาะเวลาแสงตกกระทบ และสีก็จะไหลไปกับการสะท้อนแสง นอกจากนี้ยังเกิดรอยนิ้วมือยากอีกด้วย ยกเว้นเวลามือเป็นคราบ หรือ ชุ่มเหงื่อ อันนี้น่าจะทำให้เกิดรอยได้

จอภาพและการแสดงผล

realme X7 Pro 5G เลือกใช้หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วนหน้าจอต่อเครื่อง 91.6% ถือว่าขอบจอบางมากจริงๆ สามารถทำความสว่างได้สูงสุดถึง 1,200 nit ขอบเขตสีครอบคลุม 100% รองรับการแสดงผลแบบ DCI-3 บนสัดส่วน 20:9 ให้มีความคมชัดและสดใสมากยิ่งขึ้นไม่ต้องกังวลเวลาใช้งานกลางแจ้ง เพราะภาพที่ออกมาสวยงามมองเห็นได้ชัดแจ๋วสู้แสงแดดได้อย่างสบายๆ (แต่ตอนกลางคืนก็จะสว่างหน่อยแม้จะปรับลดลงมาต่ำสุดและเปิดโหมดถนอมสายตาที่ช่วยลดแสงสีฟ้าแล้วก็ตาม)

นอกจากนี้ยังมี Touch Sampling สูงถึง 240Hz ตอบสนองการทัชได้อย่างรวดเร็วทันใจ และยังมาพร้อมรีเฟรชเรท 120Hz ช่วยให้แสดงผลได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมใช้งานได้อย่างลื่นไหล จะไถหน้าจอ หรือ เลื่อนไปมาก็ทำได้ดีมากๆ ความเห็นส่วนตัวผมชอบมากๆเลยนะอารมณ์แบบสั่งให้ทำอะไรก็ทำตอบสนองการสั่งงานได้ดีและไวมากๆ

รวมไปถึงโหมดเอฟเฟกต์ OSIE Vision Effect เป็นการทำให้ภาพต่างๆในแอปที่รองรับนั้นแสดงผลออกมาด้วยความคมชัดและมีสีสันมากยิ่งยึ้น

และฟีเจอร์ Always On Display ที่จะช่วยแสดงผลข้อมูลบางส่วนที่เราเลือกไว้ขณะหน้าจอปิดอยู่โดยที่ไม่ต้องทำการปลดล็อค เช่น เวลา, วันที่, ปริมาณแบตเตอรี่คงเหลือ และการแจ้งเตือนอื่นๆได้ และที่สำคัญฟีเจอร์นี้มีความพิเศษอยู่ตรงที่เราสามารถปรับตั้งค่าข้อความ หรือ คำพิเศษให้ปรากฏบนหน้าจอ

โดยระบบได้ตั้งคำว่า “Dare to Leap” มาไว้ให้ ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของทาง realme ที่สกรีนไว้บนฝาหลังของตัวเครื่องให้ความหมายว่ากล้าที่จะก้าวกระโดดไปข้างหน้า โดยเราสามารถปรับตั้งค่าได้ตามใจชอบทั้งสีสันและข้อความ

อินเทอร์เฟชและฟีเจอร์การใช้งานทั่วไป

realme X7 Pro 5G มาพร้อมระบบปฏิบัติการ realme UI 1.0 บนพื้นฐาน Android 10 มีแอปพื้นฐานมาให้ครบหมด หน้า Home สามารถปรับตั้งค่าได้ตามใจชอบเลือกไม่ว่าจะเป็นจำนวนไอคอน โหมดแบบมาตรฐาน แบบลิ้นชัก หรือ จะเลือกเปลี่ยนธีม ไอคอน และ Font ก็สามารถทำได้ รวมไปถึงนำการปรับตั้งค่าธีมจากแอปภายนอกมาใช้ก็ยังได้ช่วยเพิ่มความสวยงามให้น่าใช้งานยิ่งขึ้นไปอีกครับ

Smart Side Bar หรือ แถบด้านข้างอัจฉริยะ เรียกใช้งานผ่านการปัดหน้าจอบริเวณด้านขวา ซึ่งจะช่วยเรียกเครื่องมือหรือแอปที่เราต้องการมาได้แบบด่วนๆ เช่น การจับภาพหน้าจอ, การอัดบันทึกวีดีโอหน้าจอที่เราสามารถบันทึกได้ทั้งเสียงจากระบบและจากไมโครโฟน รวมไปถึงตั้งค่าความละเอียดของวีดีโอได้สูงสุด 1080P, ใช้กล้องหน้าไปพร้อมการบันทึก และยังสามารถเรียกแอปบางตัวที่รองรับโหมดลอยตัวได้ด้วย

Google Assistant ฟีเจอร์ช่วยเหลือพิเศษจาก Google ให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งงานได้ผ่านเสียง ซึ่งสามารถเปิดฟีเจอร์ได้ผ่านการกดปุ่มเปิด-ปิดของตัวเครื่อง และฟีเจอร์การเปิด-ปิดเครื่องแบบอัตโนมัติด้วยการตั้งค่าเวลาช่วยให้เรากำหนดเวลาในการใช้งานโทรศัพท์ได้อย่างเหมาะสม อยากจะให้เปิด หรือ ปิดตอนไหนก็สามารถทำได้

NFC เทคโนโลยีไร้สายระยะใกล้ช่วยให้ realme X7 Pro 5G สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นๆ หรือ ชำระเงินผ่านการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่มี NFC เหมือนกันได้

การเชื่อมต่อ OTG (USB On-The-Go) ฟีเจอร์ที่ทำให้เราสามารถใช้งานร่วมกับ แฟลชไดรฟ์ เม้าส์ คีย์บอร์ด จอยเกม ฯลฯ ได้ผ่านทาง USB-C

ตัวโคลนแอปที่จะช่วยให้สามารถคัดลอกแอปต่างๆมาได้เหมือนกับต้นฉบับเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีหลายบัญชี แต่จะมีเพียงบางแอปเท่านั้นที่ระบบ realme จะสามารถโคลนได้ เช่น Facebook, Google Pay, Instagram และ Twitter

ประสิทธิภาพการใช้งาน

realme X7 Pro 5G เลือกใช้ Dimensity 1000+ ชิปตัวล่าสุดจากทาง Mediatek มาพร้อมการผลิตบนสถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร ให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า 20% ด้วย CPU ความเร็วสูงสุด 2.6 GHz และ GPU Mali-G77 เร็วขึ้นกว่าเดิม 40% โดยได้นำไปรันกับแอปทดสอบ Benchmark อย่าง Geekbecnh 5 ก็ได้คะแนนออกมาตามนี้ครับ

ต่อด้วยการทดสอบประสิทธิภาพหน่วยความจำด้วย AndroBench 5 กันบ้าง ในรุ่นที่วางจำหน่ยในประเทศไทยนี้จะมีเพียงแบบเดียวครับ คือหน่วยความจำ 128GB Turbo Write + RAM 8GB LPDDR4x

จากผลการทดสอบจะได้ความเร็วในการเขียนข้อมูลประมาณ 501.87 MB/s และความเร็วในการอ่านที่ 1002.29 MB/s ซึ่งก็เป็นความเร็วปกติสำหรับหน่วยความจำแบบ UFS 2.1

การเล่นเกม

สำหรับการเล่นเกมต่างๆที่มีกราฟิกระดับสูงอย่าง PUBG, ROV, LOL หรือจะเป็นเกมกินสเปคอย่าง Genshin Impact ก็สามารถเล่นได้แน่นอน แถมยังปรับว่าปรับกราฟิกไปจนถึงขั้นสุดได้อย่างสบายๆ ซึ่งผมได้ลองทดสอบ 2 แบบก็คือการปรับอัตรารีเฟรชเรท 60Hz กับ 120Hz ทั้งแบบกราฟิกปกติและการปรับไปถึงระดับสุด ปรากฏว่าทุกเกมทำได้ดีหมดไม่มีปัญหา เล่นได้ไม่กระตุก ลื่นปรื๊ดทั้งคู่ แถมยังเล่นต่อเนื่องไปถึง 2 ชั่วโมงได้อย่างสบายๆ แบตก็ลดไม่มาก แต่อุณหภูมิจะมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่แตกต่างกันไป

ROV สามารถเล่นได้ปกติ ทัชไม่เพี้ยน ไม่ติดขัด แต่เล่นไปเกิน 1 ชั่วโมงตัวเครื่องจะเริ่มอุ่นๆขึ้นมาเล็กน้อยไม่ถึงกับร้อน ส่วน LOL ก็ทำได้ดีเช่นกัน ไม่มีสะอึก แต่พอเล่นไปเกิน 1 ชั่วโมงจะรู้สึกว่าร้อนกว่าเล่น ROV อยู่ในระดับนึง

Genshin Impact สามารถเล่นได้ไม่มีปัญหาแม้จะเป็นเกมที่กินสเปคอยู่พอสมควร แต่ในบางครั้งจะรู้สึกว่ามีอาการกระตุกหน่อยๆทั้งการเล่น หรือ การแสดงผลคัทซีน แถมเครื่องยังร้อนกว่าเกมก่อนหน้าอีกด้วยทั้งในกราฟิกปกติและการปรับสุด

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Game Space ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขณะเล่นเกมให้ออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งมีให้เลือกด้วยกันถึง 3 ระดับ ได้แก่ โหมดแข่งขัน, โหมดสมดุล และโหมดกำลังไฟฟ้าต่ำ

และ Game Space ยังสามารถปิดกั้นไม่ให้ระบบต่างๆ เข้ามารบกวนขณะเล่นเกมได้อีกด้วย เช่น การแจ้งเตือนทั่วไป และการแจ้งเตือนโทรศัพท์ โดยการปรับตั้งค่าต่างๆจะส่งผลต่อการตั้งค่าในเกมทันที ทำให้ช่วยให้เล่นเกมได้เหมาะสมกับประสิทธิภาพต่างๆที่เลือกไว้ได้อย่างดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะประหยัดพลังงาน หรือ เล่นแบบเต็มสูบก็สามารถทำได้

การถ่ายภาพ

realme X7 Pro 5G มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักเซ็นเซอร์ Sony IMX686 ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/1.8, กล้องมุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.25, กล้องพอร์เทรท กับ กล้องมาโคร ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.4 เท่ากัน

และยังมีโหมดสำหรับการถ่ายภาพที่หลากหลาย เข้ามาช่วยให้เหมาะกับการถ่ายภาพในแต่ละแบบ โดยหลังสามารถถ่ายได้ดีมีความสวยงาม ภาพคมชัด และให้สีสันที่สดแบบไม่เพี้ยนไม่จกตา ไม่ว่าจะถ่ายในตอนกลางวัน หรือ ตอนกลางคืนก็ยังให้คุณภาพที่ดีออกมา

โหมดธรรมดาให้สีสันได้ปกติตามธรรมชาติ, โหมด Pro 64 ช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพให้มองเห็นได้ชัดขึ้น และโหมด AI จะทำการวิเคราะห์วัตถุต่างๆให้รายละเอียดที่ชัดเจน มีสีสันเพิ่มขึ้น แถมยังให้รายละเอียดได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย

ตัวอย่างภาพโหมดธรรมดา กับ โหมด Pro

ตัวอย่างภาพกลางวัน

ตัวอย่างภาพโหมดธรรมดา กับ โหมด AI

ตัวอย่างภาพอาหาร

ตัวอย่างภาพโหมด Pro กับ โหมด AI

โหมด Nightscape ทำให้ภาพถ่ายในตอนกลางคืนมีความสว่างมากขึ้นมองเห็นได้ชัดเจนไม่มืดเหมือนการถ่ายภาพแบบปกติ ถ้าถ่ายด้วยมือจะใช้เวลานาน แต่ถ้าถ่ายด้วยขาตั้งกล้องจะถ่ายได้เร็วขึ้นและให้คุณภาพที่สว่างกว่าเดิม

ตัวอย่างภาพโหมดธรรมดา กับ โหมดกลางคืน

ตัวอย่างภาพโหมดกลางคืน

โหมด Zoom สามารถทำได้มากถึง 5 เท่า ใน 3 ระดับ ก็คือ 1x, 2x และ 5x เมื่อลองทดสอบแล้วผลปรากฏว่ามองเห็นได้ในระดับนึง แต่จะเก็บรายละเอียดได้ไม่ดีพอ เพราะภาพค่อนข้างละลายไม่ค่อยคมชัด แต่โหมดนี้สามารถทำให้ภาพกว้างมากขึ้นด้วยฟีเจอร์กว้างพิเศษให้เราสามารถถ่ายภาพโดยรอบได้ดีขึ้น

ตัวอย่างภาพซูม

กล้องหน้า

กล้องหน้าของ realme X7 Pro 5G In-display Selfie ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.45 เป็นความละเอียดที่ค่อนข้างสูงสำหรับกล้องหน้า จากการได้ทดลองถ่ายปรากฏว่ากล้องหน้าจะค่อนข้างขาวมากๆสำหรับพื้นที่ไม่มีแสง (แสงจากหลอดไฟ) แต่ถ้าเป็นกลางแจ้ง หรือที่มีแสงแดดก็จะทำได้ดีเลย ให้ความขาวลดลง มองเห็นรายละเอียดต่างๆบนใบหน้าได้อย่างชัดเจน โดยกล้องหน้าจะมีโหมด Bokeh Effect เข้ามาช่วยละลายพื้นหลังของภาพให้โฟกัสเฉพาะเราได้อีกด้วย

ตัวอย่างภาพกล้องหน้า

การถ่ายวีดีโอ

การถ่ายวิดีโอของ realme X7 Pro 5G มาพร้อม UIS กับ UIS Max วิดีโอกันสั่นช่วยให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่นลดการสั่น สามารถปรับความละเอียดไปได้ถึงระดับ 1080P/120fps ซึ่งคุณภาพของวีดีโอก็จะอยู่ในระดับเดียวกับภาพถ่าย การสั่นของกล้องก็ยังมีอยู่บ้างแต่ไม่ได้กระตุกขนาดรบกวนการถ่ายทำ

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ระบบ AI เข้ามาช่วยโฟกัสสีสันที่เราต้องการเลือกให้เด่นออกมาจากภาพ โดยการทำให้สี หรือ บุคคลที่เราไม่ได้โฟกัสจะกลายเป็นสีขาว-ดำ ซึ่งให้รายละเอียดของสีสันได้ดีมีความชัดเจน

ตัวอย่างภาพการถ่ายวีดีโอ

การปลดล็อคหน้าจอ

ด้วยจอภาพของ realme X7 Pro 5G ที่เป็นแบบ Super AMOLED จึงสามารถสแกนลายนิ้วมือได้ผ่านการแตะลงบนหน้าจอ ซึ่งการตอบสนองถือว่าไวมาก ใช้เวลาไม่ถึงวินาที แต่ถ้าหากมือเปียกเหงื่อเป็นคราบ หรือ แห้งเพราะอากาศหนาวก็จะไม่สามารถสแกนได้ บางทีอาจจะใช้เวลาหลายวินาทีกว่าระบบจะให้ผ่าน และเรายังสามารถเปลี่ยนธีมของไอคอนสแกนลายนิ้วมือให้ดูล้ำ หรือ แปลกแหวกแนวได้ตามใจขอบ แต่น่าเสียดายที่มีให้เลือกได้แค่ 6 แบบเท่านั้น

นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอร์การสแกนใบหน้าผ่านกล้องเซลฟี่ ซึ่่งลองใช้แล้วถือว่าเร็วเลยทีเดียว แต่จะต้องเปิดฟีเจอร์ Raise to Wake ร่วมด้วยถึงจะสามารถปลดล็อคหน้าจอได้แบบไม่ต้องกดปุ่ม Power หรือ แตะที่หน้าจอ

การใช้งาน 5G ในประเทศไทย

realme X7 Pro 5G รองรับคลื่น SA/NSA ย่านความถี่ n77/78/38/40/41/1/3/5/7/8/20/28 ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งเครือข่าย AIS, dtac (ยังไม่เปิดให้บริการ 5G) และ TrueMove H ทำการเชื่อมต่อได้แบบ Dual Mode ทำใช้งาน 5G ได้ทั้งสองซิม (แต่จะใช้พร้อมกันไม่ได้ ต้องเลือกใช้ทีละซิม) และสำหรับเวลาจะใช้งาน 5G ต้องเช็คกันด้วยนะครับว่าพื้นที่และผู้ให้บริการเครือข่ายของเรานั้นรองรับหรือเปล่า

การเชื่อมต่อ Wi-Fi

realme X7 Pro 5G รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ทั้งแบบคลื่นความถี่ 2.4GHz และ 5GHz ทำให้สามารถใช้การเชื่อมต่อทั้ง 2 คลื่นได้พร้อมกัน สำหรับโหมดปกติผมได้ลองทดสอบกับอินเทอร์เน็ต 500MB/500MB ของ True Online กับ SPEEDTEST ในตอนที่ไม่มีคนใช้งาน ผลปรากฏว่าสามารถดาวน์โหลดได้ถึง 500MB ส่วนการอัพโหลดก็ได้มากถึง 581MB

แต่ในโหมดการเร่งความเร็วด้วย Wi-Fi คู่กลับสามารถทำได้ดีกว่านั้น ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้มากถึง 568MB ส่วนการอัพโหลดก็ทำได้ถึง 606MB โดยสูงกว่าการใช้งานปกติมากเลยทีเดียว แต่โหมดนี้จะใช้ได้กับแอป Netflix, Twitter, Instagram, TikTok, Facebook และ Youtube เท่านั้น

ระบบเสียง Dolby Atmos

realme X7 Pro 5G มาพร้อมลำโพงคู่แบบ Stero ระบบเสียง Dolby Atmos ช่วยแยกเสียงต่างๆได้ดี ซึ่งสามารถปรับตั้งค่าได้ 4 แบบ ให้โทนเสียงที่แตกต่างกันไปเหมาะสมกับการรับชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือ เล่นเกม ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทที่จะปรับเสียงอัตโนมัติให้เข้ากับการใช้งาน, โรงภาพยนตร์ที่ให้เสียงกระหึ่มแบบ Surround, เกมให้เสียงโทนต่ำได้ยินเสียงฝีเท้า เอฟเฟกต์ในเกมได้อย่างสมจริงต่ำ, เพลง เน้นเสียงแหลมให้คมชัดมากขึ้น

แบตเตอรี่และการชาร์จ

แบตเตอรี่ของ realme X7 Pro 5G มาด้วยขนาด 4500mAh สามารถใช้งานใช้โซเชียล รับชมภายนตร์ ซีรีส์ ฟังเพลง เล่นเกม ได้แบบสบายๆ ซึ่งผมได้ทำการลองใช้งานหลากหลายแบบทั้งการเล่นเกม ROV, LOL, Youtube, Wetv, Facebook และ Instagram

ผลปรากฏว่าในเวลา 5-10 นาที แบตจะลดไปประมาณ 1-2%, ใน 30 นาที ลดลงไป 4-5%, ส่วน 1 ชั่วโมง ลดลงไป 9-10% และใน 1 ชั่วโมง 30 นาที ลดลงไป 14-15%, ส่วนใน 2 ชั่วโมง ลดลงไป 19-20% โดยถือว่าแบตลดลงน้อยมากเลยจริงๆ ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา แบตอึดมากๆเลย กว่าจะหมดก็ลากยาวไปประมาณ 9-10 ชั่วโมง สำหรับ 120Hz ถ้าหากใช้ 60Hz แบตจะลดลงช้ากว่านี้มากเลยครับ ประมาณ 11-12 ชั่วโมง แต่ถ้าเล่นไม่นานก็จะอยู่ได้ถึง 1-2 วันอย่างสบายๆเลยครับ

นอกจากนี้ยังรองรับระบบชาร์จเร็ว 65W ด้วยเทคโนโลยี SuperDart Charge ที่จะเข้ามาช่วยควบคุมอุณหภูมิและความเร็วในการชาร์จ ซึ่งจากการทดสอบพบว่าสามารถชาร์จจาก 0-100% ได้ภายใน 50 นาที และสำหรับการชาร์จแบบไม่เปิดเครื่องจะใช้เวลา 45 นาที

ยิ่งไปกว่านั้นเราสามารถปรับการตั้งค่าแบตเตอรี่ให้เหมาะสมไปกับการใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโหมดประหยัดพลังงานขั้นสุดที่จะเป็นการปิดฟีเจอร์และการทำงานบางอย่างของระบบไป กลายเป็นอินเทอร์เฟชแบบเรียบง่ายให้เราเลือกใช้แค่เฉพาะแอปที่ต้องการได้ หรือ การลดการใช้งานแอปเบื้องหลัง และใช้พลังงานน้อยขณะนอนหลับ โดยจะทำให้เราสามารถยืดอายุแบตเตอรี่ได้อีกด้วย

สรุปผลการใช้งาน realme X7 Pro 5G

realme X7 Pro 5G เป็นมือถือเรือธงสเปคไม่ธรรมดาที่มาส่งท้ายปี 2020 ได้เป็นอย่างดี เพราะใช้งานได้อย่างครบครัน จอแสดงผลได้ออกมาอย่างสวยงามคมชัด แม้ตอนกลางคืนจะสว่างไปบ้างก็ยังสามารถปรับลดสีได้ แถมยังลื่นไหลตอนสัมผัสในทุก ๆ การใช้งานปัดกลับกดทัชรวดเร็วทันใจ และ UI ก็ยังน่าใช้งานปรับแต่งได้ตามใจชอบ

นอกจากนี้กล้องยังมีประสิทธิภาพที่ถือว่าใช้ได้เลย คุณภาพที่ออกมาคมชัดแถมสียังสวยสดอีกด้วย ยิ่งกล้องเซลฟี่ยิ่งดีเพราะภาพไม่ได้ออกมาชัดจนเกินไปทำให้หน้าออกมาดูดี และยังปรับแต่งได้อย่างมากมายเหมาะทุกๆสภาพแวดล้อมในถ่ายภาพ แถมแบตเตอรี่ก็ยังได้ยาวๆ ด้วยระบบชาร์จไว 65W ชาร์จจาก 0%-100% ได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงเท่านั้น

ที่สำคัญยังสามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้พร้อมกันแบบ 2 เครือข่ายช่วยเพิ่มความเร็วได้มากเลยทีเดียว และยังรองรับการเชื่อมต่อ 5G ประเทศไทยได้อีกด้วย เรียกว่าคุ้มค่าจริง ๆ สำหรับมือถือราคาระดับนี้ครับ

ข้อดี

  • จอภาพสวย ให้ความคมชัดดี
  • อัตรารีเฟรชเรท 120Hz และ Touch Sampling 240Hz ทำให้การทัชลื่นไหลได้ไว
  • ชิป Dimensity 1000+ ประสิทธิภาพดีเกินคาด
  • รองรับ 5G (ใช้งานได้ทีละซิม อีกซืมจะเป็น 4G)
  • ระบายความร้อนได้ดี
  • แบตอึดอยู่ได้นาน
  • ชาร์จแบตไว SuperDart 65W
  • กล้องถ่ายภาพสวย โหมดถ่ายภาพหลากหลาย
  • ในกล่องมีเคส พร้อมมีสายแปลงหูฟังแถมมาให้

ข้อสังเกต

  • ตัวเครื่องลื่นไปหน่อย ถ้าไม่ใส่เคส
  • ไม่รองรับเมมโมรี่การ์ด
  • ไม่มีช่องหูฟัง 3.5
  • การเก็บรายละเอียดในบางสภาพแสงยังมีปัญหาบ้าง
  • การถ่ายวีดีโอยังมีอาการสั่นนิดๆ

Play video

realme X7 Pro 5G ในประเทศไทยจะวางจำหน่ายเฉพาะรุ่น 8+128GB เท่านั้น และจะมีด้วยกัน 2 สี คือ Iridescent และ Aerolite Black ใครกำลังหามือถือเรือธงหน้าจอ sAMOLED สเปคแรงรองรับ 5G ใช้ รุ่นนี้จัดว่าอยู่ในกลุ่มแนะนำ เพราะราคากำลังดี  16,990 บาท