เราได้เห็นการใช้งาน AI กันในหลายด้าน โดยเฉพาะในสมาร์ทโฟนถูกนำไปใช้ไม่ว่าจะเรื่องกล้อง หรือการปรับแต่งการใช้พลังงาน แต่ความสามารถของ AI ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น ปัจจุบันถูกนำไปใช้งานในหลากหลายอุปกรณ์และอุตสาหกรรมมากๆ รวมไปถึงในฝั่งธุรกรรมธนาคารต่างๆ ล่าสุดทาง VISA ก็ได้เปิดเผยว่าใช้ AI ในการตรวจจับธุรกรรมที่มีความเสี่ยง และป้องกันการสูญเสียไปได้หลายแสนล้านบาทเลยทีเดียว

AI ที่ใช้ในการตรวจสอบธุรกรรมของ VISA นี้มีชื่อว่า Visa Advanced Authorisation (VAA) ซึ่งจะนำเอาทุกธุรกรรมมาผ่านการตรวจสอบประเมินตามข้อกำหนดต่างๆรวมกว่า 500 ข้อ เพื่อประเมินคะแนนความเสี่ยง และแชร์กลับไปให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์อีกครั้งว่าจะอนุมัติหรือปฎิเสธรายการนั้นๆต่อไป โดยในปี 2018 ที่ผ่านมา VAA ได้ทำการตรวจสอบไปแล้วมากกว่า 127,000 ล้านรายการระหว่างร้านค้าและสถานบันการเงินบน VisaNet ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อยที่ระบบสามารถแยกธุรกรรมที่ดีกับไม่ดีออกจากกันได้อย่างแม่นยำ และมีความผิดพลาดน้อยที่สุด ในระหว่างที่มีธุรกรรมเกิดขึ้นมากมายในแต่ละวินาที หากมีความผิดพลาดขึ้นมา ก็อาจจะทำให้ผู้ถือบัตรเกิดความลำบากสับสนจนไม่อยากใช้งานได้นั่นเอง ตามงานวิจัยที่เคยทำไว้ระบุว่าราว 51% ของผู้ถือบัตร ถ้าเกิดมีการปฎิเสธธุรกรรมที่ผิดพลาดก็จะทำให้ผู้ถือบัตรเปลี่ยนไปใช้งานการ์ดอีกใบทันที ไม่รอให้รูดใหม่อีกครั้ง

evolution of payment security

วิวัฒนาการของความปลอดภัยทางการจ่ายเงิน ซึ่งในยุคที่ 4 ทางจะมีเรื่องของการยืนยันตัวตนทางชีวภาพ (Biometrics), Artificial Intelligence (AI), และข้อมูล (Data) มาร่วมด้วย ซึ่งทาง Visa มีวิสัยทัศน์ที่จะลดเรื่องการโกงให้น้อยกว่าปัจจุบันที่น้อยอยู่แล้วให้ลงไปอีกเท่าตัวให้ได้

ด้วย VAA ที่ใช้ AI มาประเมินผลนี้ช่วยทำให้สถานบันการเงินต่างๆ ป้องกันการสูญเสียจากการโกงได้สูงถึงปีละ $25 billion ต่อปี หรือราวแปดแสนล้านบาทเลยทีเดียว