หลังจากเปิดราคาไทย Vivo X50 Pro มือถือสเปคดีที่มากับกล้อง Gimbal กันสั่นสุดเทพไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ล่าสุด Vivo Thailand ก็เตรียมนำ Vivo V20 Series อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนระดับกลางสเปคสุดเจ๋งมาเปิดตัวในไทยด้วยเช่นกัน โดยพวกเขาเคลมว่ามือถือซีรีส์นี้เป็นมือถือ 5G ที่ “บางที่สุดในโลก” อีกด้วย

โดยตอนนี้มีข้อมูลสเปคบางส่วนของมือถือซีรีส์ Vivo V20 นี้หลุดออกมา ซึ่งเผยว่าจะมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

  • Vivo V20 SE
  • Vivo V20
  • Vivo V20 Pro

ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นาน เพิ่งจะมีรายชื่อของ Vivo V20 SE และ Vivo V20 Pro ผ่านการรับรองจาก กสทช. มาหมาดๆ คาดว่าในวันจันทร์ที่ 21 กันยายนที่จะถึงนี้ ทาง Vivo น่าจะขนเอาสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมาเปิดตัวแน่ๆ (ไม่แน่อาจจะเอาตัว Vivo V20 มาด้วย) โดยสเปคของ Vivo V20 SE, Vivo V20 และ Vivo V20 Pro ที่หลุดออกมาก็มีตามนี้

สเปค Vivo V20 SE (ยังไม่เป็นทางการ)

  • หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+
  • ชิปเซ็ต Snapdragon 665
  • RAM 8GB
  • ความจุ 128GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว (48MP + 8MP + 2MP)
  • กล้องหน้า 32MP
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
  • NFC
  • แบต 4100 mAh รองรับระบบชาร์จไว 33W
  • มีให้เลือก 2 สี: Gravity Black และ Oxygen Blue
  • ระบบปฏิบัติการ FunTouch OS 11

สเปค Vivo V20 (ยังไม่เป็นทางการ)

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+
  • ชิปเซ็ต Snapdragon 720G
  • RAM 8GB
  • ความจุ 128GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว (64MP + 8MP + 2MP)
  • กล้องหน้า 44MP
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
  • NFC
  • แบต 4000 mAh รองรับระบบชาร์จไว 33W
  • มีให้เลือก 2 สี: Midnight Jazz และ Sunset Melody
  • ระบบปฏิบัติการ FunTouch OS 11

สเปค Vivo V20 Pro (ยังไม่เป็นทางการ)

  • จอ 6.44 นิ้ว FHD+ Super AMOLED
  • Snapdragon 765G
  • RAM 8GB
  • ความจุ 128GB/256GB
  • กล้องหน้า 2 ตัว (44MP + 8MP) | กล้องหลัง 3 ตัว (64MP + 8MP + 2MP)
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
  • NFC
  • แบต 4000 mAh รองรับระบบชาร์จไว 33W
  • มีให้เลือก 2 สี: Midnight Jazz และ Sunset Melody
  • ระบบปฏิบัติการ FunTouch OS 11

ตอนนี้ในเฟซบุ๊คหลักของทาง Vivo ก็ได้มีการประกาศวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 กันยายนที่เวลา 15:00 น. โดยจะมีงาน Live บน Facebook ส่วนในเรื่องของราคาจะเปิดมาในไทยเท่าไหร่นั้นก็คงต้องรอดูกันต่อไปครับ

Source: Eprice