เมื่อหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นความพยายามในการพัฒนามือถือที่สามารถถอดเปลี่ยนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้เองหรือที่เรียกว่า Modular Phone ไม่ว่าจะเป็น Project ARA ของ Google ที่ช่วงปี 2014 – 2016 มีข่าวความคืบหน้าออกมาเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องพับโครงการไป แต่ล่าสุด…ความหวังของ Modular Phone อาจกลับมาอีกครั้ง หลังพบว่า Xiaomi ได้จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีดังกล่าวเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้

ก่อนหน้านี้ Modular Phone นอกจากจะมี Project ARA ของ Google ที่ต้องพับโครงการเก็บไปเนื่องจากปัญหาต่าง ๆ แล้ว Facebook ก็ยังเคยจดสิทธิบัตร Modular Phone ของตัวเองเอาไว้เมื่อปี 2017 เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีข่าวคราวอะไรเพิ่มเติมออกมาอีกเลย (จดเอาไว้เฉย ๆ)

Project ARA ที่ต้องถูกเก็บเข้ากรุไป

นอกจากนี้ยังมี Modular Phone ของจริงที่ได้ออกมาวางจำหน่ายอยู่พักนึงอย่าง Motorola Moto Z Series ที่มี Moto Mod ให้เลือกเล่นกันหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นกล้องเสริม Hasselblad, โปรเจคเตอร์, ปรินเตอร์ ฯลฯ แต่สุดท้ายก็เหมือนจะไม่เวิร์คเท่าที่ควรจนต้องหยุดผลิตไป

และล่าสุดก็คือค่ายมือถือไฟแรงจากจีนอย่าง Xiaomi ที่ได้จดสิทธิบัตร Modular Phone ของตัวเองบ้าง โดยจากภาพที่ถูกเรนเดอร์ขึ้นมาจากตัวสิทธิบัตรโดยเว็บไซต์ Letsgodigital เผยว่ามือถือรุ่นนี้จะแบ่งตัวเครื่องออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนบนที่เป็นกล้องและ Motherboard, ส่วนกลางเป็นแบตเตอรี่ และส่วนล่างเป็นลำโพงกับพอร์ต USB ซึ่งแต่ละส่วนก็จะสามารถสลับสับเปลี่ยนไปใช้ Module ที่มีสเปคอย่างที่เราต้องการได้

ส่วนหน้าจอจะเป็น Module ส่วนที่ใหญ่ที่สุดของเครื่อง ใช้สำหรับยึด Module อื่น ๆ เข้าด้วยกัน พูดง่าย ๆ คือ Module ทั้ง 3 ชิ้น จะต้องวางอยู่บนแผงหน้าจอนั่นเอง แล้วเวลาจะเปลี่ยนชิ้นไหนก็แค่สไลด์ออกมาเท่านั้น

จากภาพจะเห็นว่า Module ด้านบนที่เป็นกล้องจะมีตัวเลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง 4 ตัว เรียงเป็นแนวตั้ง, กล้อง 4 ตัวบนโมดูลที่เหลี่ยมกลางเครื่อง หรือจะเป็นกล้อง 3 ตัวแนวตั้งที่มีหน้าจอเล็กอยู่ข้าง ๆ

พลิกกลับมาดูด้านหน้าก็จะเห็นหน้าจอที่มีขอบบางเฉียบ และไม่มี Notch หรือเจาะรูสำหรับวางกล้องเลย เพราะคาดว่าจะใช้เทคโนโลยีฝังกล้องใต้จอนั่นเอง

แต่ทั้งหมดนี้ยังเป็นแค่การจดสิทธิบัตรของ Xiaomi เท่านั้นนะครับ ยังไม่มีข้อมูลว่าได้เริ่มพัฒนาหรือเริ่มผลิตไปแล้วหรือยัง ไม่แน่ว่าสุดท้ายแล้วก็อาจจะเจอกับอุปสรรคบางอย่างจนต้องพับโครงการไปก่อนเหมือนกับ Project ARA ของ Google ก็เป็นได้

 

ที่มา : Letsgodigital