ในที่สุด Android 11 Beta ก็ถูกปล่อยออกมาให้ได้ยลโฉมกันแล้ว หลังจากที่โดนเลื่อนจากกำหนดการเดิมคือวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา และหลุดออกมาให้มือถือ Pixel บางเครื่องได้รับอัปเดตไปบ้างแล้ว และล่าสุด Android 11 Beta ตัวจริงเสียงจริงก็ได้ถูกปล่อยออกมาให้มือถือซีรีส์ Pixel 2-4 ได้อัปเดตกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เด็ด ๆ เพิ่มเข้ามามากมายเลยครับ
Today we announced:
🎉 Android 11 Beta 1
🛠 Android Studio 4.1 Beta
⚙️ Android Studio 4.2 Canary
📚 New Android Jetpack libraries
🚀 Jetpack Compose Developer Preview 2
▶️ Play Console Beta
➕ MoreRead → https://t.co/tD8f21lbAF
All talks → https://t.co/Efjxz9VwDm#Android11 pic.twitter.com/L3b1KHtzcM— Android Developers (@AndroidDev) June 10, 2020
ตอนนี้ Android 11 ก็ได้ผ่านช่วง Developer Preview เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้เข้าสู่ขั้นตอนของ Beta Release หรือปล่อยตัวทดสอบให้ได้ใช้กัน ซึ่งถ้าหากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี และไม่มีอะไรผิดพลาด เราจะได้เห็นเวอร์ชั่นสมบูรณ์ของ Android 11 ในช่วงไตรมาสที่ 3 แน่นอนครับ
มือถือที่พร้อมใช้ Android 11 Beta
สำหรับมือถือรุ่นที่พร้อมใช้ Android 11 Beta ในตอนนี้ มีทั้งหมด 8 รุ่น ไล่ตั้งแต่ซีรีส์ Pixel 2 จนถึง Pixel 4 เลย ซึ่งใครที่สนใจก็สามารถดาวน์โหลดไฟล์มาอัปเดตกันเองได้ตามลิงก์ครับ
- Pixel 2 : Factory Image / OTA
- Pixel 2 XL : Factory Image / OTA
- Pixel 3 : Factory Image / OTA
- Pixel 3 XL : Factory Image / OTA
- Pixel 3a : Factory Image / OTA
- Pixel 3a XL : Factory Image / OTA
- Pixel 4 : Factory Image / OTA
- Pixel 4 XL : Factory Image / OTA
ในส่วนของการอัปเดตเวอร์ชั่นนี้ ตัว OS ได้ถูกออกแบบด้วยปัจจัยหลัก ๆ 3 อย่างด้วยกันนั่นคือ People, Controls และ Privacy
People
People จะโฟกัสไปที่การติดต่อสื่อสารกับผู้คน เช่นฟีเจอร์ Notification ที่แยกการแจ้งเตือน Chat ออกมาเป็น Bubble (เหมือน Facebook Messenger) เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้นโดยที่ไม่ต้องออกจากหน้าแอปปัจจุบัน นอกจากนี้ตรงแถบแจ้งเตือนจะมีปุ่มสำหรับกดตอบอัตโนมัติได้โดยไม่ต้องพิมพ์เอง ซึ่งจะมีกลุ่มคำแนะนำสำหรับตอบ Message กลับไป ช่วยให้การติดต่อสื่อสารทำได้เร็ว และ สะดวกยิ่งขึ้นหากตอนนั้นยังไม่สะดวกที่จะพิมพ์
Control
ส่วนนี้จะเป็นการโฟกัสในด้านของการควบคุมสิ่งต่าง ๆ ผ่านตัว OS เป็นหลัก โดยที่ผู้ใช้สามารถควบคุมอุปกรณ์ IoT หรืออุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับตัวมือถือผ่านทางแถบควบคุมใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาใน Power Menu เวลาเรากดปุ่ม Power ค้างไว้
แถบควบคุมอุปกรณ์ใน Power Menu
นอกจากนี้ แถบ Quick Settings ด้านบนยังเพิ่มปุ่ม Media Control สำหรับควบคุมการเล่นเพลง หรือเล่นวิดีโอ ผ่านหูฟังไร้สาย, ลำโพงไร้สาย, ลำโพงอัจฉริยะ หรือ Smart TV ได้ด้วย
แถบ Media Control บน Quick Settings
Privacy
ปกติแล้วเวลาที่เราติดตั้งแอปใหม่ๆ ลงเครื่อง และเปิดใช้งานเป็นครั้งแรก ก็จะมีการขออนุญาตเข้าถึงส่วนต่างๆ ของเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น ไมโครโฟน, กล้อง, รายชื่อผู้ติดต่อ ฯลฯ ซึ่งหากเรากดอนุญาตแล้ว มันก็จะอนุญาตไปตลอดจนกว่าเราจะลบแอปนั้นทิ้งไป แต่ใน Android 11 ถ้าหากว่าเราไม่ได้ใช้แอปไหนเป็นเวลา 2 – 3 เดือน ระบบ Auto revoke permissions ก็จะยกเลิกการอนุญาตแอปดังกล่าวโดยอัตโนมัติ ซึ่งเราต้องกดอนุญาตอีกรอบหากเข้าใช้งานหลังจากนี้
ฟีเจอร์เหล่านี้ยังเป็นเพียงฟีเจอร์หลักๆ ที่น่าสนใจเท่านั้นนะครับ ซึ่งจริงๆ แล้วใน Android 11 ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ รอเซอร์ไพรส์อยู่อีกมากมายเลยล่ะ
Source: 9to5Google
Pixel2 Android11 Beta1
Banking ที่รอดฮะ
– KMA
– TMB Touch
– MyMo
– TMRW
– UChoose
คิดว่าอยากย้ายไปลอง iphone 12 ละ