Google ประกาศนำซอร์สโค้ด Android 12 เข้าสู่ Android Open Source Project (AOSP) แล้ว เตรียมปล่อยอัปเดตอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติมจะมีการประกาศอีกทีในงาน Android Dev Summit ระหว่างวันที่ 27 – 28 ตุลาคม 2564 พร้อมกันนี้ เดฟ เบิร์ก (Dave Burke) รองประธานฝ่ายวิศวกรรมของบริษัทฯ ยังออกมายืนยันถึงชื่อโค้ดเนมด้วย สรุปแล้วเป็น Snow Cone ตรงตามข่าวลือ

[20.10.64] Google ปล่อยอัปเดต Android 12 อย่างเป็นทางการแล้ว

ควบคู่ไปกับการเปิดตัว Pixel 6 และ Pixel 6 Pro วันนี้ Google ได้ปล่อย Android 12 ตัวเต็มออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว อัปเดตได้ตั้งแต่ Pixel 3 ขึ้นไป ส่วนแบรนด์อื่น ๆ ที่จะตามมาภายในสิ้นปี 2564 นี้ คือ Samsung, OnePlus, Oppo, realme, Tecno, vivo และ Xiaomi

เปิดตัว Pixel 6 และ Pixel 6 Pro การกลับมาอีกครั้งของมือถือระดับเรือธงจาก Google

ทั้งนี้ Android 12 ตัวเต็ม ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นได้จากตอน Beta 5 ตามเนื้อหาเดิมทั้งหมดที่ด้านล่าง ครับ

อินเทอร์เฟซใหม่ใน Android 12

วิดเจ็ตสวย ยืดหยุ่น ใช้งานง่าย และรองรับธีมสี

หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่เราจะเห็นได้ชัดที่สุดใน Android 12 คือ วิดเจ็ตต่าง ๆ โดย Google ได้เพิ่ม API ใหม่ให้วิดเจ็ตดึงเอาชุดสีหลักของโทรศัพท์มาใช้งานในส่วนของไอคอน ปุ่มกด พื้นหลัง และอื่น ๆ ให้สอดคล้องกันได้ พร้อมทั้งรองรับโหมดมืดและโหมดสว่างด้วย

วิดเจ็ตใน Android 12 จะถูกครอบตัดขอบให้มีลักษณะโค้งมนโดยอัตโนมัติเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งอาจมีปัญหากับวิดเจ็ตบางตัวที่มีอินพุตควบคุมหรือการแสดงผลบางอย่างที่อยู่ชิดกับมุมใดมุมหนึ่ง ดังนั้นผู้พัฒนาแอปจึงอาจต้องทำการออกแบบเสียใหม่

PREVIEW | วิดเจ็ตใหม่ ๆ จาก Google ใน Android 12 หน้าตาดูดีกว่าเดิมเยอะ

การแจ้งเตือนจะดูเป็นระเบียบและตอบสนองได้ไวขึ้น

ก่อนหน้านี้ Google ได้ให้อิสระแก่นักพัฒนาในการปรับแต่งและออกแบบเลย์เอาต์การแจ้งเตือนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งมีข้อเสียที่ตามมาเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงการที่ไม่มีมาตรฐานกลางอาจทำให้เป็นการสร้างความสับสนให้แก่ผู้ใช้งาน ใน Android 12 จึงแก้ปัญหาโดยการกำหนดเท็มเพลตขึ้นมาให้นักพัฒนาสามารถปรับแต่งได้เฉพาะในพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น ต่อไปนี้การแจ้งเตือนของทุก ๆ แอปจะดูเป็นระเบียบและเข้าใจได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การเปิดแอปหรือใช้งานฟังก์ชันบางอย่างผ่านการแจ้งเตือนก็จะทำได้เร็วกว่าเก่าเช่นกัน เพราะจะเป็นการเรียกไปที่ Activity โดยตรงไม่ใช่แทรมโพลีน (trampolines)

เอฟเฟกต์เยลลี ตัวบ่งชี้การสิ้นสุดการเลื่อนหน้าจอ

Android 12 ได้เพิ่มแอนิเมชันสำหรับบ่งชี้การสิ้นสุดการเลื่อนหน้าจอ องค์ประกอบจะถูกขยายออกเล็กน้อยและเด้งกลับมาที่เดิมในลักษณะเหมือนเยลลี ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น จากเดิมที่มีลักษณะเอฟเฟกต์เป็นแสงเด้งขึ้นมาจากขอบเฉย ๆ

เพิ่มหน้าจอเริ่มต้นเมื่อเปิดใช้งานแอป

อันที่จริงในปัจจุบันนี้มีแอปจำนวนหนึ่งที่มีหน้าจอเริ่มต้น (splash screen) ปรากฏขึ้นมาเมื่อเปิดใช้งานแอปอยู่แล้ว เช่น YouTube, Spotify, Facebook เป็นต้น แต่ใน Android 12 ที่กำลังจะมาถึง Google จะบังคับให้ทุกแอปต้องมีหน้าจอดังกล่าวนี้ เพื่อให้เกิดความรู้สึกต่อเนื่องในการใช้งาน  โดยจะรองรับการแสดงผลแบบแอนิเมชันและกำหนดความแตกต่างระหว่างโหมดมืดกับโหมดสว่างได้ ถ้าทางผู้พัฒนาไม่ยอมใส่มาจะเป็นการดึงจากไอคอนแอปมาแสดงผลโดยอัตโนมัติ

ประสิทธิภาพและการใช้งาน

เปิดแอปไวขึ้น กินแบตน้อยลง

Google กล่าวว่า อุปกรณ์ที่รันบน Android 12 จะลดการใช้ซีพียูสำหรับระบบหลักลงได้มากถึง 22% อีกทั้งยังลดการเรียกใช้คอร์ใหญ่ลงอีก 15% กล่าวอีกในหนึ่ง การทำงานต่าง ๆ จะไวขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเปิดแอป แถมยังประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าเดิมอีกต่างหาก

ป้องกันไม่ให้แอปที่ทำงานในเบื้องหลังดึงทรัพยากรระบบไปใช้เยอะ

เพื่อให้ประสบการณ์การใช้งานใน Android 12 ออกมาดีที่สุด Google ได้บล็อกไม่ให้แอปใด ๆ เริ่มการทำงานในเบื้องหน้าได้ขณะที่ตัวมันเองอยู่ในเบื้องหลัง เพราะจะเป็นการดึงทรัพยากรของระบบไปใช้เยอะจนส่งผลต่อความเร็วโดยรวม แต่อาจมีการยกเว้นในบางกรณีหรือผู้พัฒนามีการร้องขอสิทธิ์เสียก่อน

แอปสามารถรู้ได้ว่า อุปกรณ์ของเรามีประสิทธิภาพสูงแค่ไหน

Performance class เป็นของใหม่สด ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน Android 12 ส่วนนี้จะช่วยให้แอปต่าง ๆ ตรวจสอบและรับรู้ถึงฮาร์ดแวร์และคุณสมบัติบางอย่างของอุปกรณ์ได้แบบเรียลไทม์ แบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่หลัก ๆ คือ สื่อ (media), กล้อง (camera), ทั่วไป (generic) จึงสามารถดึงเอาประสิทธิภาพของอุปกรณ์นั้น ๆ มาใช้งานได้อย่างเต็มที่และส่งไฟล์ทรัพยากรในระดับที่สูงที่สุดเท่าที่จะรองรับได้อย่างเหมาะสม

ความเป็นส่วนตัว

แดชบอร์ดควบคุมความเป็นส่วนตัว

ใน Android 12 จะมีหน้าแดชบอร์ดแสดงผลเกี่ยวกับข้อมูลความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่ถูกผู้ใช้งานหยิบยกมาพูดถึงอยู่บ่อยครั้งในช่วงหลัง Google จัดให้ตามคำขอแล้วในตอนนี้ เราสามารถดูรายละเอียดได้หมดเลยว่า แอปต่าง ๆ เข้าถึงอะไรในเครื่องเรา เมื่อไหร่และบ่อยแค่ไหน ย้อนหลังได้ 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมการให้สิทธิ์การเข้าถึงของแต่ละแอปได้ทันทีจากในแดชบอร์ดนี้ รวมเอาไว้หมดแล้วในที่เดียว

อนุญาตให้ระบุตำแหน่งแค่คร่าว ๆ

เราสามารถปรับให้แอปเข้าถึงตำแหน่งของเราได้แบบแค่แบบหยาบ ๆ โดยประมาณ เพื่อความเป็นส่วนตัว สามารถกำหนดแยกเป็นรายครั้งที่มีการร้องขอสิทธิ์ได้ด้วย เป็นฟีเจอร์ที่ดี ซึ่งส่วนตัวอยากให้มีมานานมาก ๆ แล้ว เหมาะสำหรับบางแอปที่ไม่ได้ต้องการตำแหน่งที่แม่นยำอะไรมากมาย เช่น แอปสภาพอากาศ

ไม่ต้องกลัวถูกแอบถ่ายและดักฟังอีกต่อไป

หากกล้องหรือไมโครโฟนกำลังถูกเรียกใช้งาน ระบบจะขึ้นแจ้งเตือนเป็นสัญลักษณ์หรือจุดเล็ก ๆ บริเวณมุมขวาบนของหน้าจอ สามารถปิดสิทธิ์การเข้าถึงของทั้ง 2 อย่างนี้ได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการตั้งค่าด่วนเพียงแค่รูดหน้าจอจากขอบด้านบนสุดลงมา แต่การปิดในลักษณะนี้จะเป็นการบล็อกการเข้าถึงของแอปทั้งหมด หากอยากกำหนดแยกเป็นรายแอปต้องไปทำในหน้าแดชบอร์ดอีกทีนะครับ

ปกป้องข้อมูลส่วนตัวด้วย Private Compute Core

พวกฟีเจอร์ทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์บางอย่าง จำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์การกระทำหรือข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานเพื่อให้ตอบสนองได้ตรงเป้า ต่อไปนี้ใน Android 12 สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะถูกคำนวณและประมวลผลภายในตัวโทรศัพท์ ไม่ถูกอัปเดตขึ้นไปบนคลาวด์ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า Private Compute Core เปรียบเสมือนเป็น “เขตพื้นที่พิเศษ” ภายในระบบ และเนื่องจาก Private Compute Core เป็นโอเพนซอร์ส จึงมั่นใจได้ถึงความโปร่งใส เพราะสามารถถูกตรวจสอบได้ตลอดเวลาจากบุคคลที่สาม

ฟีเจอร์ใหม่ใน Android 12

  • มีแถบค้นหาอยู่ที่ด้านบนสุดในหน้ารวมแอป สำหรับค้นหาสิ่งต่าง ๆ ในเครื่องได้อย่างรวดเร็ว เช่น แอป ผู้ติดต่อ การตั้งค่า เป็นต้น
  • โหมดใช้งานมือเดียวแบบใหม่ เป็นการดึงหน้าจอลงมาครึ่งหนึ่ง ไม่ใช่การย่อหน้าจอให้เล็กเหมือนแบบเก่า
  • รองรับการแตะหลังเครื่องเพื่อสั่งงานเป็นชอร์ตคัตต่าง ๆ
  • แคปหน้าจอยาว ๆ ต่อกันได้แล้ว
  • แชร์ Wi-Fi ให้คนอื่นได้ง่าย ๆ ผ่าน Nearby Share โดยไม่ต้องใส่รหัสผ่าน
  • มีแดชบอร์ดเกมเป็นฮับสำหรับรวบรวมเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการเล่นเกม เช่น ทางลัดบันทึกหน้าจอ ทางลัดโหมดห้ามรบกวน
  • มีโหมดเกมซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้จากในส่วนของแดชบอร์ดเกมอีกทีหนึ่ง อธิบายง่าย ๆ คือเป็นการกำหนดประสิทธิภาพของแต่ละเกม แบ่งเป็น Battery Saver, Standard , Performance
  • แอปที่รองรับฟีเจอร์ Play as you download จะสามารถเข้าเล่นได้อย่างรวดเร็วเมื่อดาวน์โหลดไปได้สักครู่หนึ่งจาก Play Store เพราะระบบจะดาวน์โหลดส่วนอื่น ๆ ที่เหลือต่อในเบื้องหลัง
  • เวลากดเปลี่ยนเพลงข้ามซอร์ส (เช่น จาก YouTube Music มา Spotify) เสียงจะค่อย ๆ เฟดลงก่อนที่เพลงจะเปลี่ยน แบบเดียวกับใน iOS
  • มีฟีเจอร์ Extra dim หรี่แสงหน้าจอได้มืดกว่าระดับต่ำสุดของปกติ สำหรับใช้งานในที่มืดมาก ๆ ค่อนข้างมีประโยชน์สำหรับ LCD เพราะปกติจอประเภทนี้ระดับความสว่างต่ำสุดค่อนข้างสูง

รวมฟีเจอร์ใหม่เกือบ 20 อย่าง ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะมากับ Android 12

Android 12 จะมาเมื่อไหร่ อัปเดตได้ตอนไหน

ทั้งนี้ Google บอกว่า Android 12 ตัวเต็มกำลังจะออกในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ มือถือในตระกูล Pixel จะได้ประเดิมใช้งานก่อนใครเพื่อน จากนั้น Samsung, OnePlus, OPPO, realme, Tecno, vivo และ Xiaomi จะตามมาทีหลังภายในช่วงสิ้นปี 2564

 

ดูเพิ่มเติม : Google