วางขายกันเรียบแล้ว สำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ซึ่งจนถึงตอนนี้ เพื่อนๆทุกคนก็น่าจะได้เห็นรีวิวจากเว็บต่างๆทั้งไทยและต่างประเทศกันเต็มไปหมดละ ซึ่งถ้าเราจะไปรีวิวแบบเดิมๆ ซ้ำวนไปก็คงจะใช่เรื่อง เลยขอเอามาบอกเล่าการใช้งานมุมมองของผู้ใช้แอนดรอยด์สักหน่อยว่าเจ้า iPhone 7 Plus เนี่ยมันจะโอเคหรือไม่หนอ
บอกไว้ก่อน
ส่วนตัวไม่ได้ใช้ iPhone 7 Plus นี้เป็นเครื่องแรก แต่ก็ใช้งานมาตั้งแต่ iPhone 5s แล้ว ซึ่งก็มีคนถามมาตลอดว่าทำเว็บ Droidsans ทำไมใช้ iPhone ซึ่งเอาจริงๆแล้วสาเหตุหลักที่ต้องใช้ก็เพราะว่าทำเว็บเนี่ยแหละ ถ้าเราไม่รู้จักเค้าจริงๆ แล้วเราจะไปสามารถพูดถึงหรือรีวิวอะไรได้อย่างไร ว่าแล้วก็ขอมาแชร์กันเลยดีกว่าว่าหลังจากลองใช้ iPhone 7 Plus แล้วเนี่ย รู้สึกอย่างไรบ้าง
ฟีลกู้ดรู้สึกดีเหมือนเดิม
ถ้าใครได้ใช้ iPhone 6 และ iPhone 6s มาก่อนแล้วเปลี่ยนมาใช้ iPhone 7 น่าจะมีความรู้สึกเดียวกันว่า ฉันเปลี่ยนมาทำอะไรหว่า หน้าตาดีไซน์เดิม เดิมจนแทบจะใส่เคสเดิมได้อยู่แล้ว วัสดุที่ใช้ ความรู้สึกต่างๆแทบไม่เปลี่ยน ถ้าไม่สังเกตว่ามีกล้องคู่ใน iPhone 7 Plus ก็แยกไม่ออกกันเลยทีเดียว เมื่อใส่เคส
มีการย้ายสายสัญญานขึ้นไปด้านบนเล็กน้อย…โอว ดีไซน์ใหม่สวยงามขึ้นกว่าเดิมเพียบเบย
แต่เรื่องประสบการณ์ใช้งานแบบเดิมๆนี่ เอาจริงๆถือเป็นความดีงามแบบที่สุดของ iPhone เหมือนกัน คือสำหรับคนที่ไม่ต้องการเปลี่ยนหน้าตาการใช้งาน เล่นแล้วคุ้นเคย iOS ก็เรียกว่าทำมาได้โอเคอยู่ และประสบการณ์โดยรวมไว้ใจได้ ไม่ต้องลุ้นมากนักว่าเครื่องรุ่นใหม่ออกมาจะมีตรงไหนแย่รึเปล่า
สิ่งที่เวลาใช้ Android แล้วเพลียๆหน่อยคือ ไม่ว่าจะรุ่นไหนยี่ห้ออะไร ออกมาแล้วต้องมาคอยนั่งเทสต์ และลุ้นว่าตัวเครื่องจะมีปัญหาตรงส่วนไหนอย่างไร มีเซนเซอร์มาครบมั้ย ฟีเจอร์ไหนมีปัญหารึเปล่า ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยจะเป็นมากนักใน iPhone ซึ่งก็ขอสรุปผลการใช้งานรวมๆง่ายๆเป็นข้อๆ ประมาณนี้ละกัน
การใช้งานโดยรวมลื่นไหล (แต่เจอ UI กระตุกในบางลีลาบน iPhone 7 Plus ทั้งที่รุ่นก่อนหน้าไม่เคยเป็นมาก่อน)
เล่นเกมไม่มีปัญหา ไหลลื่นดีหมด ไม่ต้องลุ้นว่าเครื่องจะเล่นได้รึเปล่า
แชทคุย พิมพ์มันส์ แจ้งเตือนปกติ
แอปโดยรวมใช้งานได้ดี ไม่ค่อยเจอปัญหา
สัญญานมือถือจับได้ค่อนข้างโอเค
ใช้งานไปนานๆแล้วเครื่องไม่ช้า ค้าง เอ๋อ
GPS แม่นยำ ไว้ใจได้เมื่อนำทาง
อัพเดทเฟิร์มแวร์ได้ยาวๆ ขั้นต่ำ 2-3 ปี ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าจะได้ไปต่อหรือไม่
+ อัพบ่อยก็ปลอดภัยกว่าที่อุดรูโหว่ความปลอดภัยได้เร็ว
วัสดุและการดีไซน์ที่รวมๆโอเค แม้จะน่าเบื่อไปบ้างก็ตาม
กล้องและการถ่ายภาพ ไม่ได้ดีที่สุดแต่ดีจนกลายเป็นมาตรฐาน ไม่ดีกว่าเรียกว่าสวยไม่ได้
แบต iPhone 7 ไม่ได้อึดขึ้นมาก แต่ Plus นี่ทำมาได้ดีตั้งแต่ iPhone 6 Plus แล้ว ใช้งานได้ยาวนานจริงจัง ใช้น้อยๆทะลุสองวันไม่ยาก
ไม่มีอาการแบตไหล ที่มักจะเจอใน Android บางรุ่นบางยี่ห้อ
ไม่ยอมให้ชาร์จแบตแบบไวมาสักที โดยเฉพาะรุ่น Plus ชาร์จทีรอรากงอก
Accessories มีให้เลือกสรรเพียบ
อย่างไรก็ดี แอนดรอยด์รุ่นดังๆ คนใช้เยอะๆ โดยมากก็มีทำทั้ง 7 ข้อสีส้มกันได้เกือบหมดนะ ใช้งานลื่นไหล เล่นเกมไม่มีปัญหา แชททั่วไปสะดวกดีไม่ได้ต่างอะไรกับ iPhone แต่เรื่องอุปกรณ์เสริมนี่ต้องยอมให้เค้าจริงๆ มีพร้อมมากและอันนี้ขอแอบช่วยสปอนเซอร์ขายของนิด แกมน้อยใจเบาๆว่าทำไมถึงทำกระจกกันรอยมาให้ iPhone แต่ไม่ยอมทำให้ฝั่ง Android มั่ง ;__;
อันนี้เอามาแปะให้ดูนี่จะเป็นตัว FOCUS TEMPERED GLASS 3D FULL FRAME เป็นกระจกกันรอยแบบเต็มจอลงโค้ง 3 มิติ ติดลงไปถึงถึงขอบโค้ง ปกป้องได้เต็มจอ ไม่มีปัญหาเรื่องฝุ่นเข้าขอบจออย่างตัวอื่นที่เคยเจอกัน
กระจกกันรอยของ Focus ทำมาให้แปะจอโค้งนิดๆของ iPhone 7 & iPhone 7 Plus ได้พอดีเลย
ติดแล้วจะพอดีกับขอบจอ 2.5D ไม่กระดก และหลุดง่ายเลย ดูเผินๆแทบดูไม่ออกว่าติดกระจกอยู่
พอใส่เคสแล้วก็จะพอดี ไม่ดันจนทำให้กระจกเผยอออก แต่อาจจะต้องใส่เป็นเคสซิลิโคนบัมเปอร์ ซึ่งก็หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป
ด้านหลังมีกันรอยเป็นเคฟล่าด้วยนะ แปะแล้วก็สวยไปอีกแบบ
คือเป็นเรื่องยากมากที่ฝั่ง Android รุ่นที่ทำหน้าจอกระจก 2.5D จะมีกระจกแบบนี้ หรือมีก็หาซื้อยากกว่าแบบสุดๆ ส่วนมากต้องไปสั่งจากออนไลน์กัน ถ้าทางโฟกัสทำให้ฝั่ง Android เยอะๆหน่อยก็จะทำให้หาซื้อง่ายกว่านี้เยอะเลย
iPhone 7 น่าสนใจกว่ารุ่นเก่าๆตรงไหน
คืออะไรที่เป็นของเดิมเค้าก็ยังคงอยู่ ใช้งานได้ดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมา ทั้งกล้องคู่ ลำโพงสเตอริโอ, การกันน้ำ, ปุ่ม Home, ช่องเสียบหูฟังที่หายไป ก็ขอแชร์ความคิดส่วนตัวหลังจากที่ใช้ประมาณนี้นะ
กล้องคู่ ซูมได้ 2 เท่า อันนี้ส่วนตัวไม่ได้ประทับใจอะไรมากนัก ตัวเลนส์ที่ซูม 2X ระยะที่เพิ่มไม่ได้มากมายอะไร แต่ตัวเลนส์ไม่ดีเท่าไหร่ ไร้กันสั่น กับเซนเซอร์รับภาพไม่ดีเท่าเลนส์หลัก ทำให้บางสภาพแสง ซูมดิจิตอลของมือถือรุ่นที่เซนเซอร์ดีๆ มีกันสั่น ถ่ายภาพออกมาได้ดีมากกว่าด้วยซ้ำ ส่วนฟีเจอร์ Portrait ที่ปล่อยออกมา ดูคร่าวๆก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าดีกว่าเลนส์คู่ของยี่ห้ออื่นอย่าง HTC, LG, Huawei ที่ปล่อยออกมาก่อนหน้าสักเท่าไหร่นัก คือก็ละลายหลังได้เหมือนกันอะ Google Camera ที่ไม่มีกล้องคู่ก็สามารถถ่าย Bokeh Effect ได้ไม่ต่างกัน
ภาพที่ได้จากกล้อง tele 2x ของ iPhone 7 Plus แทบจะไม่ได้ต่างอะไรจาก Galaxy S7 ที่เป็น digital zoom เท่าไหร่
พูดถึงเรื่องกล้องเพิ่มเติมอีกสักนิดละกัน
กล้องหลัง(หลัก) อันนี้ยังคงคุณภาพความดีงามไว้เช่นเดิม คืออาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็ดีพอที่จะตบตีกับรุ่นเจ๋งๆของคู่แข่งได้ มุมมองและจังหวะการถ่ายภาพสำคัญกว่าเยอะ
ลองไปดูเปรียบเทียบภาพถ่าย iPhone 7 Plus กับกล้อง Android ตัวอื่นกันได้ (Galaxy Note 7 เป็นตัวแทนของ S7 ได้นะ เพราะกล้องตัวเดียวกันนั่นแหละ)
กล้องหน้า ไม่ชอบที่มุมค่อนข้างแถบไปหน่อย แต่การให้สีภาพอะไรพวกนี้ก็โอเคอยู่นะ
ถ่ายวิดีโอ อยู่ในระดับโอเคแบบเดียวกับกล้องหลัง กันสั่นใช้ได้ แต่อาจจะไม่ได้ดีที่สุดในตลาดแค่นั้น
[รออัพโหลดคลิปแป๊บ]
อ่านสรุปเกี่ยวกับกล้อง iPhone 7 Plus แบบละเอียดๆต่อได้จากที่เคยทำเปรียบเทียบ
ลำโพงสเตอริโอ อันนี้ดีงามในเรื่องของมิติซ้ายขวา เสียงดังกว่าบน iPhone 6s มากอยู่ มีเสียงเบสออกมาตึ้บๆได้อยู่ แต่เสียงแหลมฟังแล้วอาจจะมาไม่สุดนัก โดยรวมเรียกว่าเป็นพัฒนาการที่ดีงาม และจะทำให้รุ่นเรือธงของปีหน้าจะต้องมีตามแทบทุกแบรนด์แน่ๆ (จริงๆแต่ละแบรนด์ก็เคยทำลำโพงคู่หน้ามาเกือบหมดแล้วนะ ยกเว้น LG Samsung)
ช่องเสียบหูฟังที่หายไป อันนี้เรียกว่าเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง ไม่ว่าจะเค้าจะให้เหตุผลอะไรมาก็ตาม และจะแถมสายต่อมาให้ก็เหอะ เป็นเรื่องที่ถูกวิจารณ์หนักในหลายทั้งสำนัก ทั้งชื่นชมสนับสนุนในการถอดทิ้งครั้งนี้ว่าเป็นความกล้าของบริษัทมากๆ แต่ว่าในอีกหลายสำนักและผู้ใช้ทั่วไปก็จะส่ายหัว ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ส่วนตัวก็แอบเซ็ง และไม่เห็นด้วยเช่นกัน คือชอบหูฟังที่ไม่ต้องมีแบตอะไร เสียบสายก็ใช้ได้เลย หูฟังบลูทูธต้องมาคอยระวังชาร์จไม่ให้แบตหมด ใช้ไปสักพักก็แบตเสื่อมอีก… คงต้องรอดูว่าการถอดทิ้งของ Apple นี่จะเปลี่ยนอุตสาหกรรมอย่างที่เค้าคาดหวังรึเปล่า หรือคนจะยังยึดกับสายเช่นเดิมอะนะ
เคสเดิมเอามาใส่ เห็นแล้วก็เสียดายที่ไม่มีรู 3.5mm ให้เสียบแล้ว แบตหมดจะทำไงล่ะเนี่ย
การกันน้ำ อันนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร และก็เหมือนกับของ Samsung Galaxy, Sony Xperia, หรือ Moto ที่ถ้านำเครื่องลงน้ำไปแล้วตัวตรวจจับความชื้นเปลี่ยนสีขึ้นมาก็จบ ประกันหลุดทันที ไม่มีการรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น จะเราใช้ผิดวิธีเอง หรือเป็นการประกอบผิดพลาด เราก็ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเองเท่านั้น ฉะนั้นอยากเอาไปถ่ายใต้น้ำก็ใช้ด้วยความเสี่ยงของคุณๆเองเอานะ เครื่องที่เอามารีวิวนี้คงไม่ได้ทดสอบเรื่องนี้ เพราะเสียวครัช 5555
ปุ่ม Home เปลี่ยนใหม่ ไม่ใช่ปุ่มกดจริงๆ แต่ใช้การสั่นทำให้รู้สึกเหมือนเรากดลงไป แรกๆใช้ก็จะรู้สึกแปลกๆ ไม่ชินและไม่ชอบเอาซะเลย แต่สุดท้ายแล้วก็ชินและยอมรับไปเอง เพราะมันไม่ได้เลวร้ายจนไม่น่าใช้ คิดถึงข้อดีของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันก็โอเคอยู่ เพราะ Apple ให้เหตุผลว่าผู้ใช้จะได้ไม่ต้องกลัวปุ่มพัง และกันน้ำได้ (ของ Samsung ปุ่มไม่ค่อยพังและก็กันได้โดยปุ่มยังเป็นปุ่มนะ หะหะ) แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าเกิดว่าปุ่มของ iPhone 7 มันเกิดใช้ไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไง?!? อันนี้มีกระทู้นึงใน MacRumors ได้เปิดเผยว่าถ้าปุ่มมันเกิดมีปัญหาจริงๆ iPhone ก็ฉลาดพอที่จะทำปุ่มจำลองขึ้นมาให้ใช้บนหน้าจอด้วยนะเออ
รวมปัญหาการใช้งานของ iPhone 7 และ iPhone7 Plus
แม้ว่าข้างต้นผมจะบอกว่า iPhone ขึ้นชื่อเรื่องความน่าไว้ใจว่าใช้แล้วจะได้รับประสบการณ์ที่ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะสมบูรณ์ไปซะทุกอย่าง อะไรพังๆก็มีอยู่บ้างนะ แต่เพียงว่าคนใช้ไม่ค่อยดราม่ากันขนาดนั้น (ไม่รู้เพราะว่าดราม่าไป Apple ก็ไม่ฟังอยู่ดีรึเปล่า ต่างจากค่ายฝั่งแอนดรอยด์ที่มีการพูดคุยและหาทางชดเชยให้ตลอด)
iPhone 7 และ iPhone7 Plus สเปคมาไม่เท่ากัน อันนี้เป็นความไม่พอใจส่วนตัว คือมันต่างกันแบบไม่ค่อยน่าให้อภัยเท่าไหร่ คือตอนรุ่น iPhone 6 และ iPhone 6 Plus คือให้มาแบบ identical เหมือนกันเป๊ะ ต่างที่ขนาดหน้าจอและแบตเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่พอมาบน iPhone 6s ก็เริ่มต่างแบบมากขึ้น ไม่มี OIS ใน iPhone 6s จนมาถึง iPhone 7 นี่คือไม่ค่อยน่าให้อภัยเท่าไหร่ เพราะบน iPhone 7 Plus มีกล้องคู่ให้ แต่บน iPhone 7 กลับไม่มี…เฮ้ย ราคาก็แพงไม่ได้ต่างกันนะเว้ย
สีใหม่ Jet Black เป็นรอย(โคตร)ง่าย อันนี้น่าจะพอทราบกันอยู่แล้วว่า ถ้าใครคิดจะเลือก iPhone 7 สี Jet Black ก็ทำใจกับเรื่องริ้วรอยที่มาเพียบแน่นอน จะใช้ระวังรักษา ใส่เคสแล้วก็ยังจะมีรอยแน่ๆ น่าบ่นมากว่าซื้อโทรศัพท์เครื่องละสามหมื่นมา ทำไมถึงได้เปราะบางขนาดนี้ (มีคนบอกว่าไปติดฟิล์มกันรอยแบบมันเงาบนเครื่องสี Space Grey ก็ทำให้ได้ผลลัพธ์คล้าย Jet Black แล้วนะ ^^)
Play video NANDGate ถ้าใครจะซื้อ iPhone 7 ก็อย่าได้เขียมซื้อรุ่น 32GB มาเชียว เพราะว่าประสิทธิภาพของเครื่องจะหายไปเยอะมาก เนื่องจากมีการทดสอบกันออกมาแล้วว่า NAND Flash หรือหน่วยความจำภายในของ iPhone 7 รุ่น 32GB ทั้งสองรุ่นมีความเร็วในการเขียนข้อมูลต่ำกว่า 128GB ขึ้นไปถึง 8 เท่า
Modem Gate เหล่าคนที่คลั่งไคล้ในเรื่องความเร็วในการอัพโหลดดาวน์โหลดข้อมูลผ่านเครือข่าย 4G แล้ว มีเรื่องน่าเสียใจว่า iPhone 7 รุ่นที่ขายหลายๆที่ทั่วโลกนั้น จะได้ใช้ modem ของทาง INTEL ที่ทำความเร็วได้ต่ำกว่าของ Qualcomm ที่ขายที่อเมริกา ญี่ปุ่น และจีนนะครับ (ข้อมูลโดย cellularinsights)
ความต่างระหว่าง 2 modem โดย INTEL คือเส้นสีน้ำเงิน และ Qualcomm คือเส้นสีแดง
เปรียบเทียบความเร็วที่ดาวน์โหลดได้ในความแรงคลื่นระดับต่างๆ ในที่นี้จะเห็นว่า S7 จะดีสุด และ iPhone 7 ที่ใช้ชิปของ INTEL นี่ดูแย่มากไปเลยเมื่อเทียบกับตัวอื่นๆใช้ๆอยู่แล้วสัญญานหาย ต้องมีการสลับไป 3G หรือปิดเปิดเครื่องใหม่ถึงจะขึ้นสัญญานเหมือนเดิม ปัญหาเจออยู่ทีสองทีเหมือนกัน ตอนเอาไปใช้งานที่พม่า อาการคือวงกลมบอกสัญญานทั้งหมดหายไป เหมือนสัญญานไม่มี แต่ก็ยังใช้งานได้ตามปกติ เมื่อปิดเปิดเครื่องสัญญานก็กลับมาแสดงตามปกติเช่นเดิมครับ
มีบางคนเจอปัญหา GPS จับสัญญานได้ไม่ดี คือสัญญานไม่แม่นเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเจอกันทุกคนนะ ส่วนตัวผมยังไม่เจอปัญหานี้เท่าไหร่
การระเบิด…อันนี้ทำเป็นเล่นไป iPhone 7 นี่ก็มีข่าวคราวการระเบิดไม่น้อยนะ แต่คงไม่เกิดขึ้นในไทยหรอกมั้ง หะหะ
นี่เป็นการใช้งานหลังจากขายไปได้ประมาณเดือนเศษๆนะ มันจะมีปัญหาอะไรเพิ่มเติมอีกคงต้องรอติดตาม แต่ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่จนทำให้ถอดใจไม่ซื้อกัน โดยเฉพาะเหล่าสาวกที่น่าจะมองข้ามเรื่องพวกนี้ไปได้อย่างสบายๆ ซึ่งต่างจากฝั่ง Android ที่แต่ละแบรนด์ไม่ค่อยมีสาวกที่เหนียวแน่นเท่าใดนัก จึงทำให้ความทรงคุณค่าของแบรนด์เหล่านั้นไม่สามารถขึ้นไปเทียบ Apple ได้ง่ายๆนั่นเอง
iPhone 6, 6s หรือรุ่นเก่ากว่านั้น น่าเปลี่ยนรึเปล่า?
สำหรับคนใช้ iPhone 6 และ iPhone 6s แล้วเครื่องไม่ได้มีปัญหาอะไร ขอบอกว่ายังไม่ได้จำเป็นต้องเปลี่ยนอ่ะ รอไปก่อนก็ได้ มันยังไม่ได้ว้าวขนาดนั้น กล้องก็ไม่ได้ปรับปรุงมากจนถึงกับเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน หรือมีฟีเจอร์ใหม่ที่ควรค่าแก่การควักเงินสามหมื่นมาเปลี่ยนขนาดนั้น
ราคาตลาด iPhone 6 และ iPhone 6s ที่พอหาซื้อได้ (ถ้าเป็นโปรจากค่ายโทรศัพท์ก็จะได้ราคาคุ้มกว่านี้อีก)
ราคา iPhone 6 (16GB) เริ่มต้น 17,000 – 18,000 บาท
ราคา iPhone 6 Plus (16GB) เริ่มต้น 17,000 – 18,000 บาท
ราคา iPhone 6s (16GB) เริ่มต้น 20,000 – 21,000 บาท
ราคา iPhone 6s Plus (16GB) เริ่มต้น 23,000 – 24,000 บาท
สำหรับคนที่ใช้ iPhone รุ่นเก่ากว่านั้น เครื่องมีปัญหา และไม่ได้มีเงินถุงเงินถังใช้สบายๆ ส่วนตัวแนะนำว่าให้ลองดูโปรของพวก iPhone 6 หรือ iPhone 6s ที่ราคาถูกลงไปเป็นหมื่น เอามาใช้ยังจะดีซะกว่านะ
ส่วนตัวมองว่าจุดเด่นของ iPhone 7 ที่เหนือ iPhone รุ่นอื่นจริงๆ มีแค่
ลำโพงสเตอริโอ
กันน้ำ
สรุป
iPhone 7 / 7 Plus เป็นโทรศัพท์ที่ดีมากๆเครื่องนึง มีการพัฒนาเพิ่มเติมขึ้นมาในหลายๆด้าน ทั้งลำโพงเป็นสเตอริโอ มีการกันน้ำ และกล้องหลังที่พัฒนาเรื่องการถ่ายกลางคืนตามคู่แข่งชาว Android ขึ้นมาได้ดีขึ้น มีปัญหาบ้างประปราย ควรเลี่ยงการซื้อรุ่นเมม 32GB แต่คำถามใหญ่สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนเป็น iPhone 7 คือเราจำเป็นต้องซื้อโทรศัพท์ที่ราคาแพงขนาดนี้หรือไม่ แค่ iPhone 6 หรือ 6s ก็พอรึเปล่า? หรือถ้ามีโทรศัพท์ที่ใช้งานได้ดีไม่แพ้กันหรือด้อยกว่าหน่อย ในราคาน้อยกว่ากันเป็นเท่าตัว เรายังควรต้องจ่ายให้ iPhone 7 อยู่รึเปล่านั่นเองครับ
ปล. สรุปแบบนี้ต้องมีสาวกแซะแน่นอนว่า แล้ว Pixel ล่ะมันก็แพงพอกัน ทำไมยังโอดครวญอยากซื้อกัน ก็บอกเลยว่าก็คงสรุปไม่ต่างกันหรอก ดีนะแต่แพงชิบ เงินถึงอยากได้ตัวไหน ใครใคร่ซื้ออะไรก็ซื้อนั่นแหละครับ ;D
สงสัยเรื่อง NANDGate
มันคือเรื่องปกติของ flash memory ไม่ใช่หรอครับ?
ขนาดความจุที่ใหญ่ขึ้น ก็อาจจะทำให้เร็วกว่าจริง แต่ไม่ได้หมายความความจุน้อยกว่าจะช้าลงถึง 8 เท่า อันนี้คิดว่าเป็นปัญหาของการใช้หน่วยความจำคนละยี่ห้อและคนละคุณภาพกันมากกว่านะครับ
อ๋อ เปนแบบนี้นี่เอง
ผมก็ว่า ไมมันต่างกันเยอะขนาด 8 เท่าเลยนะ ไม่ปกติไปรึเปล่า
ขอบคุณครับรอการพิสูจน์นะ อิอิ
NANDgate นี่นึกถึง nand gate จริงๆเลย TT
แต่จริงๆมันก็เป็นธรรมดาของ Flash Memory อยู่แล้วนะครับ แถมความจุห่างกันเท่าตัวขนาดนั้น
http://www.anandtech.com/show/9662/iphone-6s-and-iphone-6s-plus-preliminary-results
iPhone 5S – Sequential Write ที่ 39 MB/s
iPhone 6 Plus – Sequential Read ที่ 82 MB /s
สังเกตเห็นใช่ไหมครับ 32 GB กั๊กแน่ๆ เอาของถูกมาใช้ชัวร์ๆ
http://www.gsmarena.com/samsung_galaxy_note7_storage_speed_test-blog-20049.php
S7 edge 32GB – Sequential Write 142 MB /s
ข้อมูลพวกนี้ เค้าไม่ได้บอกเรื่องสเปคอื่นๆมาได้แต่ตัวเลข เผื่อชิบข้างในไม่เหมือนกัน ฝั่ง android เวียนหัวตรงนี้ละครับ รอ droidsans เทส อิอิ
ใจคอจะให้ช่องหูฟัง 3.5 อยู่ไปตลอดกาลหรือไง
สมาร์ทโฟนตอนนี้ทุกอย่างเป็นดิจิตอลหมดแล้ว
มีแต่ช่องหูฟัง 3.5 นี้แหละที่เป็นอนาล็อก (ต้องแปลงจากอนาล็อก ให้เป็นดิจิตอล)
ผมว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนทุกเจ้าก็ไม่อยากให้มีช่องหูฟัง 3.5 หรอก
เพราะกินพื้นที่เยอะ ทำให้มีปัญหากับการออกแบบภายในเครื่อง
ซึ่งไม่มีผู้ผลิตเจ้าไหนกล้าเอาช่องหูฟัง 3.5 ออก
ส่วนตัวผม คิดว่า บางท่าน ซื้อหูฟัง ราคาแพงมาใช้นะคับ ไม่ได้ใช้หูฟังติดตัวมา ดังนั้น การลงทุนหูฟัง มันก็ไม่อยากเปลี่ยนครับ
หูมนุษย์ฟังได้แต่อนาล็อคครับ ส่วนเรื่องกินพื้นที่ผมเห็นแอนดรอยยี่ห้ออื่นที่เครื่องเล็กกว่า จอใหญ่กว่า แบตมากกว่า ก็ยังเห็นเค้าใส่ 3.5มากันได้นะครับ
3.5นะ ถูกออกแบบมาดีแล้ว หัวกลม สมบุคสมบันเหมาะกับการใช้งาน จะหมุนสายจะควง ไม่ต้องกลัวหัวขาด
ไม่อยากได้ 3.5 ก็มี 2.5 มีมาตั้งนานแล้ว
ไอ้ที่เค้าเปลียนพอร์ตมาแบนๆ แล้วอ้างเพื่อที่จะขายของต่างหาก
ดู iphone7 ออกมาก็รู้แล้ว แม่งลดต้นทุนชิปหายลดแม่งยันกล่อง
คือจะบอกว่า ถ้า 3.5 มันใหญ่ไป เราใช้ 2.5 แทนก็น่าจะดีกว่าใช่มั้ยครับ
ใช่ครับ 2.5 มีมาตั้งนานแล้ว เคยใช้อยู่
2.5 บางลงตั้ง 1มิล
ตอนนี้เอาหูฟังหลักหมื่น มาเสียบแจ๊ค 3.5 to lightning port ใช้งานโคตรลำบาก
เพราะไลนิ่ง มันไม่คลายตัวเวลาใช้งาน ถ้ามันกลมมันคงควงคลายตัวไปแล้ว
เข้าใจนะ พอร์ตแบน กับพอร์ตกลม
ใช้งานเสียวๆมันหัก แถมเปิดเพลงฟังโคตรเซง จะชาจแบตก็ไม่ได้
ดีที่ใช้ 2 เครื่อง iphone7+ ss s7 edge
ผู้บริโภคระบบทุนนิยนครอบงำตลาด ทำได้แค่บ่น
ยังไงสุดท้ายก่อนมาหูคุณมันก็ต้องแปลงเป็นอนาลอคอยู่แล้วครับ
หรือหูฟังบลูทูธ/พอร์ทไลท์นิงเป็นเสียงดิจิตอล? แล้วจะฟังออกเหรอครับ
ราคาแพงดีจัง… ใครจะซื้อลองเช็คราคาดูคับเห็นลดราคาอยู่ >
[url]http://bit.ly/Iphone7-discount-store[/url] สำหรับ สี Jet Black มีด้วยหายากดีแท้
จริง ๆ กล้องหน้าไม่ได้ดีเลยมุมแคบไปหน่อย …. ต้องทำใจ ใช้ Iphone
เดี๋ยวๆ 3.5 นี่ต้องแปลงปรับเป็น digital อีกหรอครับ port lightning ออกมาเป็นดิจิตอล แต่ที่หูฟังจะมีแปลงดิจิตอลเป็นอนาล็อกอยู่นะครับ คือย้ายส่วนแปลงจากในโทรศัพท์ไปอยู่ในสายแทน
ส่วนเรื่องควรเปลี่ยน 3.5 ออกมั้ยผมว่าในอนาคตก็อาจจะเอาออกกันแหละครับ แต่เหตุผลไม่ใช่แบบที่คุณบอก
Android เคยมีลายเจ้าเอาออกนานแล้วครับ เพื่อทำให้เครื่องบางสุดๆ ลองหาดูครับ สุดท้ายก็ไปไม่รอดเพราะ UX ที่ไม่ตอบสนองการใช้งานครับ
ไม่ทราบว่าจะมี Blind test ชุดใหญ่ไหมครับ
iphone 7plus
XZ
Pixel
P9+ หรือ Mate9
S7 หรือ Note7(ถ้ากล้าเก็บไว้นะ ^^)
V20
สนุกสนาน
อย่างไรผมก็สาย Nexus // Pixel
สื่อไม่ได้บอกว่า "Apple กล้าที่เอา 3.5 audio jack ออก" นะ
แต่ Apple เองอ่ะแหละ ตอนพรีเซนต์พี่แกให้เหตุผลว่า Courage
จนคนเอามาทำฮาๆแล้วติด #courage ไปเป็นกระแสอยู่ตอนนั้น 555 ขำ
ตอนนี้ S7edge ได้ 3/4G สองซิมแล้วเหมือนติดปีกเลยไหนจะฟังค์ชั่นที่จะพอร์ทจาก note7 อีก
ส่วนตัว รู้สึกไม่โอเคกับการเอา Headphone Port 3.5 ออกไปเลยจริงๆครับ
– ประการแรกถ้าต้องการเอาออกเพื่อก้าวสู่ Wireless: ทำไมการฟังผ่าน wireless ไม่มีพัฒนาการใดๆดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆเลย คุณภาพเสียงเท่ากันกับ wireless บน i6 i6s / อย่างน้อยก็ไปยืมเทคโนโลยี Sony เขามาใช้ดูก็น่าจะดีนะครับ จะได้พอโม้ได้จริงจังว่าการส่งสัญญาณเสียงแบบ Wireless ของคุณพัฒนา
– ความอุส่าห์แถมหัวแปลงมาให้เผื่อใช้กับประเภทสาย คุณภาพเสียงที่ได้ "ต่ำ" กว่า i6s คือ ห่วยลงนั่นเองเอาง่ายๆ
ถ้าเป็น Courage ที่อยากจะก้าวข้ามเทคโนโลยี่ที่ Apple เรียกว่า "เก่า" อันนี้จริงๆ ควรต้องทำได้ดีกว่านี้ครับ และสุดท้ายแล้ว หูฟังคนเรารับเสียงประเภท Analog เท่านั้น เพาะฉะนั้นการจำกัดพื้นที่ของการแปลงสัญญาณ Digital to Analog ให้อยู่เพียงในแค่ตัวหูฟัง Wireless ทั้งหลาย หรือ หัวแปลงสัญญาณ (แบบตัวแถมกล่องแอ้ปเปิ้ล) ทำได้ยากกว่ามากที่จะให้คุณภาพที่ดี
ผมมองว่าเค้าเห็นศักยภาพตัวเองที่ถือส่วนแบ่งตลาด "มหาศาล" อยู่และยังคงเป็นต่อไปถึงแม้จะลดลงเรื่อยๆ แต่จำนวนก็ยังมากพอที่ การเปลี่ยนหูฟังแบบเสียบสาย Lightning นั้นจะมีคนทำมาซัพพอร์ต
– ประเด็นนี้เนี่ย Lightning Port ทาง Apple เป็นเจ้าของสิทธิ์ขาดครับ เพาะฉะนั้นการที่มีผู้ผลิตหูฟังเจ้าใดๆก็ตามจะทำหูฟัง Lightning ออกมา แน่นอนล่ะ ต้องจ่ายตังค์ให้ Apple ต่างหาก และแน่นอน ใครจะไม่อยากทำ เพราะรู้อยู่แล้วว่าทำออกมา ยังไงก็มีลูกค้าให้ขายจำนวนมากมายแน่ๆครับ
อยากให้พี่ๆ เพื่อนๆ Droidsans ลองทบทวนมุมมองนี้ดูครับ
ส่วนตัวมองว่า ฉลาดมาก แต่ ถ้าจะมองว่าเห็นแก่ตัวก็ได้เช่นกันนะ 🙂
เหมือนเขาจะเพิ่มชิป W1(มั้ง จำชื่อไม่ได้ละ) มานะ
เรื่อง quality ไม่ทราบ แต่เหมือนว่ามันจะ auto connect กับหูฟังใหม่เขาแหละ ให้ใช้งานสะดวกขึ้นหรือไรนี่แหละ
ส่วน dac ไปอยู่บนหูฟังนี่บางที่เขาก็มองว่ามันดีเพราะผู้ผลิตหูฟังจะควบคุมคุณภาพเสียงให้เป็นแบบที่ตัวเองต้องการได้เลย
ส่วนตัวไม่เห็นด้วยทุก แนวทาง/ข้ออ้าง ในการตัด 3.5mm ออกไปทุกกรณี
ที่บอกว่า iOS, iPhone ใช้งานไปนานๆแล้วเครื่องไม่ช้า นี่เถียงคอเป็นเอ็นเลย
ผมเจออัพเดตแล้วช้าเป็นเต่าใน iPhone 5, iPad Mini, iPad Air ขยาด จนต้องรีบขายทิ้ง เพราะกลัวคนรู้ความจริง แล้วไม่กล้าซื้อเครื่องต่อจากผม
เห็น DroidSans แนะนำ Mi4, Mi5 Prime เลยย้ายข้างมา Android เรื่องอัพเดตแล้วช้าเป็นเต่าไม่เคยมีให้เห็น ให้ย้ายกลับไป Apple iOS อีก คงไม่เอาแล้ว
ยอดขายสินค้า Apple ตกเกือบทุกอย่าง น่าจะบอกอะไรได้ดี
https://www.blognone.com/node/86666
คุยกันคนละเรื่องแล้วครับ ผู้เขียน หมายถึง OS เดิมเปิดใช้งานเครื่องต่อเนื่องยาวนานครับ ไม่มีปัญหาช้า พูดง่าย ๆ ก็เรื่อง Memory Leak ที่มักจะเป็นกับแอพฝั่ง Android ที่เขียนไม่ดีครับ คนละเรื่องกับ อัพเดต OS แล้วช้าลงครับ
ส่วน Update OS แล้วช้าลงนี่เป็นปกติของ iOS ครับ เห็นด้วย
Apple มาถึงขาลงก็จริง แต่คนล้มไม่ต้องไปกระทืบซ้ำก็ได้ครับ เพราะคนกระทืบก็ถูกมองไม่ดีด้วยนั่นแหละครับ
iPad mini ที่ว่า ถ้าหมายถึงรุ่นแรกสุดเลย ผมยังใช้อยู่ ณ ปัจจุบันนี้ แต่การเอารุ่นนี้มาด่าในหัวข้อที่ว่า อัพ iOS เวอร์ชั่นใหม่ๆแล้วช้า ผมว่าไม่เวิร์คเลย เพราะที่ผมใช้อยู่มันก็ช้าครับ อืดเลยแหละ (iOS 9.3.5) แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียส เพราะผมรู้ตั้งแต่ซื้อ หรือรู้ตั้งแต่ตอนมันออกมาละ มันเป็นรุ่นทดลองตลาด จอ 7.9 นิ้ว รุ่นแรกในยุคสมัยของ Tim Cook สเปคมันกากตั้งแต่ออกแล้วครับ นี่พูดกันตรงๆเลย ถ้าอัพเวอร์ชั่นแล้วช้า+อืด ผมไม่สงสัยเลย ก็สเปคกากซะขนาดนั้น ได้อัพมาถึง iOS 9 ก็บุญแล้ว ส่วนรุ่นอื่นอย่าง i5 / iPad Air อันนี้ผมไม่ทราบนะ เพราะไม่เคยใช้ แต่ iPad Air สเปคมันดี ถ้าอัพแล้วช้าจริง ก็สมควรด่าอยู่
ตอนเปิดตัวนี่ว้าว ตรงกล้องคู่ optical zoom น่ะ (แค่นั้นแหละ)
แต่พอเห็นภาพ blind test แล้ว เฉยมากกกก.. ไม่สมราคา
จะไม่ว่าเลยถ้าตัดช่องหูฟังไปแล้วแบตเหลือเฟือไม่ต้องชาร์จบ่อย ๆ นี่แบตก็น้อยยังจะให้ใช้ชาร์จช่อง เดียวกับหูฟังอีกคือจะต้องลำบากไปถึงไหน รู้ว่าตัดหูฟังเพื่อขาย Bluetooth แพงๆทรงตลกๆ กับ เร่งยอดขาย beat ที่เพิ่งซื้อมา งกจริงๆ มันถึงขายไม่ดีไงรุ่นนี้แทบไม่มีกระแสตอนเปิดขายในไทยเลยเงียบสุดละมั้ง
เหตุผลนึงที่มันน่าซื้อ คือโปรทรูโหดมากครับ สำหรับผม
แต่มันต้องซื้อรุ่น 7plus 128gb เนี่ยสิ ที่อยู่ในหมวดที่จ่ายไม่ไหว
เพื่อนรอบข้างแห่ซื้อกันมาแล้วผ่อนของเก่าหมดขายไปผ่อน 7 plus ต่อกันเยอะมากมีบ่นในเฟสว่าหน่วงๆช้าๆกว่า i6s กันอีกลองถามจากปากก็ตอบแบบเลี่ยงเสียหน้า อ่าๆ สำคัญคืออวยกล้องมากโม้กันมากจนเวอร์แบบเป็นติ่งแต่ไม่ตามข่าว ไอที เลยให้ดูรีวิวกล้องต่างประเทศแพ้ Google pixel ขาดมากแต่ละสำนักรีวิว เงิบ หลายคนรอซื้อ 6s plus ดูคุ้มมากกว่าอีก
ส่วนตัว แฟนใช้ หลักๆเลยผมว่ามันหนักอะ หล่นทีนึงนี่น่าจะจุก
มันเกิดขึ้นมาแล้ว และกำลังจะเกิดอีก ถ้าจะคุยกันระหว่าง "เซ้าใจ" "กับ "ไข่เน่า" คนบ้าจะคุยกันไม่มีวันจบ โชคดีนะ
ข้อเสียไอโฟนคือแพงเกินไปจริงๆแหละ
รีวิวเป็นกลางดีครับ ผลประโยชก็ตกที่คนผู้อ่าน
ขอบคุณครับ
คือถ้าราคามันพอๆกับแอนดรอยมันก็น่าสนอยู่นะ แต่นี่คือ S7 Edge 18,xxx แต่ i7 Plus 31,xxx คือราคาห่างมาก ถึงหลายอย่างจะดีกว่าแต่หลายๆอย่างก็ยังด้อยกว่า S7 Edge อยู่ดี สรุปคือไม่สมราคานั่นแหละ
ซื้อ iPhone7+ Jet black มาเพราะว่าอกหักจาก note7 ขายใบจองได้กำไรมา 6000 เลยกัดฟันซื้อมือถือราคา 35500 หลังจากใช้ได้สามวัน เก็บใส่กล่อง แล้วเอา S6Edge มาใช้เหมือนเดิม
ปล. ใครมี Pixel XL 128GB เอามาแลกกันได้นะ
จริง ผมก็ใช้ s7 edge เป็นเครื่องหลักเลย
i7กล้องกาก เสียงกาก ผิดหวัง
แต่ใช้สลับๆกัน
ใช้ i7+ 128g
เข้ามาปูเสื่อ กินมาม่า รอดูดราม่า
อะ ล้อเล่น
เป็นรีวิว iphone 7 plus ที่ตรงไปตรงมาดีนะครับ ไม่อวย ไม่อคติ
ผมใช้ iphone มาตั้งแต่ iphone 5 เปลี่ยนรุ่นใหม่มาทุกปี
แต่ก็ยังมีมือถือ android เปลี่ยนรุ่นเปลี่ยนยี่ห้อ ใช้คู่กันมาตลอด
เมื่อก่อนจะชอบ iphone มากกว่า android พอสมควร
แต่ตอนนี้สิ่งที่ทำให้ผมคิดว่า iphone (ที่จริงคือ ios) ดีกว่า android เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ
Google กับผู้ผลิตมือถือ android แข่งกันพัฒนาให้ดีขึ้น
แต่ iphone กับ ios กับแย่ลงเรื่อยๆ
วันที่เปิดจอง iphone 7 วันแรก ผมรอจนเที่ยงคืนเพื่อจะจอง แต่ก็ลังเลซื้อไม่ลง
ไม่มีความอยากได้อีกแล้ว
ใช้คู่เหมือนกัน มาตลอดหลายปี
แต่ผมจองได้เครื่องมาละ i7+
ส่วน iosห่วยแตกลงทุกอัพเดทจริงๆ
แถมเดี่ยวนี้มาตัด 3.5 อีก
แถบซื้อไม่ลง ติดที่แอป2 แอปเลยต้องยอมควัก
นอกนั้น android ดีกว่าหมด
ติดที่เรื่องรันนานๆแล้วไม่เสถียรแค่นั้นเอง
ทุกวันนี้ แอนดรอยแซวไปไกลละ
ขาดแค่นิดๆหน่อยๆ
โดยส่วนตัว ผมว่า มือถือ iphone ความคุ้มค่าคุ้มราคา(ณ ตอนนี้) ยังสู้มือถือฝั่ง android ไม่ได้
แต่ถ้าเรื่อง taplet นี่ต้องยกให้ ipad เขาจริงๆ แบตอึดทนทาน ดีงามพระราม 9 คุ้มค่าคุ้มราคาสุดๆ
ผมเองมองว่า iOS ณ ตอนนี้ไม่ต่างจากทาง android เท่าใดนัก ในเรื่องความลื่น ความสเถียร ผมใช้ iPhone 6 plus อัพเดท iOS ล่าสุดมีหน่วงๆ มีค้าง และช้ากว่า Redmi Note 3 Pro อีกเครื่องอย่างเห็นได้ชัดเจนจนตกใจว่าทาง Apple หลอกให้อัพ iOS แล้วทำให้แย่กว่าเดิมแล้วบีบให้ผู้บริโภคเปลี่ยนรุ่นอีกหรือเปล่าราคาก็ไม่ได้ถูกๆ เลย ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย
เมื่อไหร่บริษัท Apple มันจะเจ๊งซักที ส่งลงโลงไปคู่กับไมโครซอฟต์เลย รอดูวันนั้นอยู่นะ จุ๊บๆ
เหตุผล
1. ใช้หลักการ Close Source ซี่งไม่เป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่แท้จริง
2. หลอกหลอนผู้ใช้มานานเกินไปทั้งราคาและนวัตกรรมที่เชื่องช้า ส่งผลให้ผู้บริโภค พัฒนาเหมือนเต่าในกระดอง ยกตัวอย่าง เช่น Notebook-PC-Win ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาตลอดสามสิบปี จนโดนแทปเล็ตเจ้าอื่นเข้ามาตีตลาดแตก ไวรัสซึ่งไม่เคยแก้ปัญหาได้ ราคาอุปกรณ์ที่แพงดักควายผู้ใช้เมื่อเทียบกับเครื่องที่ใช้ได้เหมือนๆกัน
3. บริษัททั้งสอง สร้างติ่งปัญญาอ่อนออกมาเยอะเกินไป จนเกิดดราม่าห่วยๆเป็นข้อมูลสแปมในอินเตอร์เน็ต ที่ทำให้ผู้คนเอือม ทั้งนี้เนื่องจากนโยบายและหลักการตลาด สร้างฐานลูกค้าที่มองผู้ผลิตเหมือนเทพ พระเจ้า ผู้สร้าง เก่งเวอร์ ฮีโร่ จนมองไม่เห็นภาพรวมว่า Shit happen.
4. อุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ไม่เข้าถึงคนส่วนใหญ่ในโลกใบนี้
5. เตะตัดขาอุปกรณ์อื่นๆที่เข้าถึงชาวโลกได้ด้วยวิธีต่างๆนาๆ ผู้ก่อตั้งยังประกาศอาฆาตแค้นคู่แข่ง ทั้งๆที่เป็นการไม่เหมาะสม เหมือนขี้แพ้ชวนตี ไม่ใช่ลักษณะของผู้นำที่ดี
ปล. จริงๆมีอีก แต่คงไม่มีคนอ่านหรอก เลยละไว้ละกัน สาธุ
ปิดนะครับดีแล้ว ปัญหาอื่นๆพลอยลดลง แค่ไวรัสยังหาแทบไม่เจอ (เคยเป็นช่างใน istudio มาก่อน)
นวัตกรรมที่เชื่องช้า มองที่ฮาร์ดแวร์ พี่แกเล่นใช้ SSD ที่เร็วที่สุดใส่เครื่อง Mac ก่อนเพื่อน Notebook PC ราคา 40000 ไม่เห็นมีเจ้าไหนกล้าใส่ SSD เทพๆมาเลย ใช้HDD โบราณช้ากว่า 10 เท่า(3ปีก่อน ตอนนี้ล่อไป20เท่า) คนเลยพูดว่าเร็ว เร็วแม้กระทั่งใช้ Parallels Desktop รัน windows (ผมว่า windows อะเร็วกกว่าแม็คอีก ถ้าไม่ใช้ anitivirus เนี่ย) เรื่อง Migrate (ย้ายข้อมูล+โปรแกรมไปเครื่องใหม่ แบบไม่ต้อง install) ก็เป็นจุดแข็งของ Mac มากๆ windows ใช้ Sysprep แก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ แต่ก็ลำบากมากติดปัญหาเรื่องไดร์เวอร์ ส่วน iOS เองก็ Backup และ Restore ข้อมูลได้เร็วและสมบูรณ์แบบ ขณะที่ android ยังทำเรื่องนี้ไม่ค่อยได้(2ปีที่แล้ว Samsung kies ยังเก็บข้อมูลในappไม่ได้) แต่ตอนนี้เพิ่งเจอ huawei p8 lite ที่พ่อใช้ backup app + ข้อมูล app ได้แล้ว ได้แบบนี้ก็น่าจะไม่ทิ้งห่างกันละ android น่ากลัวจริงๆ
มองที่ซอฟท์แวร์ กันบ้างทำไมยังต้องใช้ software โบราณไร้นวัตกรรมอยู่ ทุกวันนี้ word excel power point ที่คนต้องใช้มีไหมครับบน iOS กับ Android ตอบได้แน่ว่ามี แต่ลูกเล่นสู้พวก รุ่นเก๋า ซี้ปึกใน Office ไม่ได้ หรือบน Mac ก็เป็น iWork มี Pages Number Keynote(สวยกว่า power pointมาก) ยังไม่ต้องนับถึงพวกโปรแกรมบัญชี บางบริษัทเขียนมาใช้ตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้ว ทุกวันนี้ต้อง remote เข้าไปใช้ที่ server2003 (โบร๊าณราณ)
PC MAC มันพัฒนาไปไกลมากในแง่ของความสามารถ และเพื่อให้มันไม่ล้มหายตายไปจากตลาด Microsoft และ Apple ก็ต้องมองว่าถ้ารีบทำให้ iOS หรือ Android สมบูรณ์มากไป อาจถึงคราวอวสาน Windows และ Mac
เท่าที่ลองจับ ลองเล่นเหมือน บอดี้รุ่นนี้ดู ไม่สวยงามเลย
เอาตรงๆเลยนะมันเหมือนแบนจากจีนสมัยแต่ 3 ปีที่แล้วมาก
This is flash channels in play.
More capacity, more flash chips, more (parallel) channels the phone has.
Which translate to faster R/W, same behavior from SSD.
Usually max speed is hit when all the available channels are used (8 channels maybe?).
And to give good user experience, more mainstream capacity will be picked to utilize all the channels, in this case 128GB.
This translates to 128GB/8 channels (I assume) = 16GB/die
On 32GB variant, it could be using 8GB/die or 16GB/die flash, which mean only using 4 channels or 2 channels. Theoretically half or even quarter speed of the 128GB capacity variant.
For 256GB variant, it can use 8 channels * 32GB/die flash, of total 256GB capacity with same speed. This way manufacturer don't have to produce different flash controller to handle different capacity, changing the flash size will do.
http://www.redmondpie.com/storagegate-32gb-iphone-7-plus-reportedly-has-slower-storage-than-other-variants/
เพิ่งรู้ว่า iphone ยังไม่มี quick charge
quick charge เรือธงอื่นเค้ามีหมดแล้วจะกั๊กไปไหน
หูฟัง เป็นภาระต้องชารจ์อีก